ตอนที่ 3 พระชายาเปลี่ยนไป (1)
ตอนที่ 3 พระชายาเปลี่ยนไป (1)
หลายวันต่อมา...
เมื่อเห็นว่าร่างกายและสมองปรับการอยู่ของตนเองเรียบร้อยแล้ว หนิงหว่านซูจึงออกมารับลมนอกเรือนโดยนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาริมน้ำ
เวลานี้ไม่ว่าผู้ใดเห็นนาง ต่างก็ต้องเหลียวมามอง เนื่องจากบัดนี้ทุกคนมองว่าพระชายาดูน่ามองและงดงามยิ่งกว่าเดิมมาก จากที่งดงามอยู่แล้ว กลับงดงามยิ่งกว่าเก่า
“หม่อมฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงเปลี่ยนการแต่งหน้าจะทำให้พระชายางดงามได้มากเช่นนี้” ลี่เอ๋อร์เอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่า เพียงแค่พระชายาเปลี่ยนการแต่งหน้า จะทำให้งดงามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เจ้าต้องเรียนรู้ จริงสิ ข้าได้วาดแบบเสื้อผ้าทั้งของข้าและของเจ้าเรียบร้อยแล้ว แบบและสีขาวของชุดที่ข้ามักจะใส่อยู่เสมอ มันช่างจืดชืดจนเกินไป ข้าได้ออกแบบเสื้อผ้าและกำหนดสีสันให้เข้ากับเราสองคนแล้ว ช่วงสายหน่อย เจ้าก็เรียกให้ช่างตัดเย็บจากร้านเข่อซิงมาหาข้าหน่อย บอกให้พวกเขาให้นำผ้าหลากหลายสีมาให้ด้วยล่ะ ขอสีสดใสมากหน่อยนะ” หนิงหว่านซูสั่งออกไปด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังและมีความสุข
หลังจากวันที่ฟื้นและได้หลับไปอีกครั้ง ความทรงจำต่าง ๆ ของร่างเดิมก็หลั่งไหลเข้ามาจนครบ ทำให้หนิงหว่านซูคนใหม่ได้รู้ว่าทรัพย์สินที่ติดตัวมาตอนแต่งงานนั้น ช่างมากเสียเหลือเกิน
ชาติที่แล้วแม้ว่าจะเป็นนางร้ายเบอร์หนึ่ง แต่เรื่องการเรียนรู้นางก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นางเรียกทั้งการทำอาหาร การต่อสู้ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้สมจริงกับการแสดง และความต้องการที่จะเรียนรู้เองด้วย รวมถึงการออกแบบเครื่องประดับและเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่นางชอบเรียนรู้มาก แม้ว่าจะไม่เคยส่งประกวด แต่ฝีมือและความสามารถด้านนี้ก็ไม่รองใครแน่นอน
“เพคะพระชายา” ลี่เอ๋อร์พยักหน้ารับคำสั่งและกำลังจะออกไป กลับถูกหนิงหว่านซูเรียกไว้เสียก่อน
“อ้อ...ลี่เอ๋อร์ เรือนของเรามีครัวส่วนตัวใช่หรือไม่ ปกติอาหารจะเป็นที่ครัวใหญ่ส่งมา หรือว่าแม่ครัวของเราทำเอง”
หนิงหว่านซูถามอย่างอยากรู้ เพราะเวลานี้นางเบื่อเต็มที่แล้วกับอาหารของที่นี่
‘ไม่รู้ว่าที่ยุคนี้จะมีพริกหรือยัง ถ้าข้ามีมิติเหมือนกับนางเอกนิยายที่เคยอ่านก็ดีน่ะสิ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย ข้าต้องเพียงแค่เครื่องปรุงและวัตถุดิบทำอาหารเท่านั้น ตอนนี้ข้าคิดถึงต้มยำ และผัดกะเพราเหลือเกินแล้ว ถ้ามีบรั่นดีเพิ่มก็ดีน่ะสิ’
นางคิดในใจอย่างคาดหวัง
“เรือนนี้มีครัวส่วนตัวเพคะ ว่าแต่พระชายาถามเพราะเหตุใดหรือเพคะ” ลี่เอ๋อร์ตอบและถามกลับอย่างสงสัย
“ข้าอยากทำอาหารกินเองน่ะ เจ้าสั่งคนให้เตรียมวัตถุดิบให้ข้าหน่อย ข้าจะทำของอร่อยให้กิน” หนิงหว่านซูสั่งการด้วยแววตาเป็นประกาย
“อะไรนะเพคะ!! พระชายาจะทำอาหารเอง” ยามนี้ลี่เอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก เนื่องจากที่ผ่านมาพระชายาของนางไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แล้วจะทำอาหารได้อย่างไรกัน
“เจ้าอย่ามัวตกใจอยู่เลย รีบไปจัดการตามที่ข้าสั่งเถิด แล้วข้าจะทำอาหารให้เจ้ากิน” กล่าวจบนางรีบโบกมือไล่คนสนิทออกไป เพราะยามนี้นางเริ่มหิวแล้วและคิดถึงอาหารจากชาติก่อนมาก
หลังจากนางกำนัลคนสนิทออกไปแล้ว หนิงหว่านซูจึงเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมกับนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อรอคอยเวลาไปทำอาหาร
ห้องหนังสือในเรือนส่วนตัวของชินอ๋อง ยามนี้เจ้าของจวนกลับจากว่าราชการแล้ว จึงได้ตรงดิ่งมาที่ห้องหนังสือ
“ลู่กงกง ทางเรือนของพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง” อ๋องหนุ่มเอ่ยถามขณะกำลังสนใจรายงานตรงหน้า
“พระชายาคนใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” ลู่กงกงถามเพื่อความแน่ใจก่อนตอบ เนื่องจากท่านอ๋องมีพระชายาหลายคน
หยางเฟยหลงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมส่งสายตาดุให้ ก่อนจะตอบและถามอีกครั้งว่า “พระชายาเอก เวลานี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“พระชายาเอกเหมือนว่าจะหายป่วยแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้เข้าไปวุ่นวายที่เรือนนั้นสักเท่าไร อย่างไรกระหม่อมจะส่งคนเข้าไปสืบให้ท่านอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่กงกงตอบกลับอย่างนอบน้อม เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคำสั่งของท่านอ๋องไม่ให้ผู้ใดเข้าไปวุ่นวายที่เรือนของพระชายาเอก เขาเองจึงไม่ได้สนใจอะไรที่นั่นมากนัก ไม่คิดว่าวันนี้ท่านอ๋องจะเป็นฝ่ายถามเสียเอง
“อืม” อ๋องหนุ่มขานรับรู้ในลำคอ จากนั้นจึงโบกมือให้กงกงคนสนิทออกไป ส่วนตนเองนั้นทำเพียงหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้ากับราชกิจที่ได้รับมอบหมายมา
