ตอนที่ 1 นี่ข้าคือชายาอ๋องเช่นนั้นหรือ (1)
ตอนที่ 1 นี่ข้าคือชายาอ๋องเช่นนั้นหรือ (1)
“ฮือ ๆ ๆ พระชายาเพคะ เมื่อไรพระองค์จะฟื้นเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันหวาดกลัวเลย หากรุ่งเช้าพระองค์ยังไม่ฟื้นขึ้นมา หม่อมฉันจะต้องไปส่งข่าวให้ท่านเสนาบดีทราบแล้วนะเพคะ”
ลี่เอ๋อร์ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนไม่ยอมฟื้นขึ้นมาเสียที หลังจากแต่งเข้าจวนชินอ๋องแล้ว นางก็พบว่าเรื่องราวร้าย ๆ ก็มักจะเกิดกับคุณหนูของตนอยู่เสมอ
“โธ่โว้ย!! คนจะนอน จะร้องไห้หา...รึยังไง” หญิงสาวใบหน้างดงามขมวดคิ้วเป็นปมและตะโกนด่าขึ้นมา เนื่องจากรำคาญเสียงคนกำลังร้องไห้คร่ำครวญเหมือนใครกำลังจะตายอย่างนั้นแหละ
ก่อนที่หญิงสาวจะลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากหาว ไม่มีกิริยาของกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมือข้างหนึ่งยังยกขึ้นเกาศีรษะจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด
“พระชายาเพคะ พระชายาฟื้นแล้ว หม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะ”
ลี่เอ๋อร์หลังจากหายตกใจ ก็รีบคลานเข้ามาเกาะเตียงไว้ แล้วร้องเรียกเจ้านายของนางอย่างดีใจ
เพราะเสียงนี้เลยทำให้ ซูซี่ นางร้ายอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยคล้ายกับจะได้สติขึ้นมา จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดตาขึ้นมามองสิ่งรอบกาย ก่อนจะตาโตแทบถลนออกมาด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น
“นี่มันคือที่ไหนกัน ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนฉันไปกินเลี้ยงปิดกล้องกับเพื่อน ๆ แล้วฉันก็กลับมานอนที่เพนท์เฮ้าล์...แล้วทำไม โอ๊ย!!”
ซูซี่คือนางร้ายอันดับต้น ๆ และยังมีฐานะร่ำรวยมาก เนื่องจากครอบครัวของเธอคือเศรษฐีติดอันดับของประเทศไทย เมื่อเห็นท่าทางฟูมฟายของหญิงสาวตรงหน้า ซูซี่จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างงุนงงและสับสน
แต่แล้วจู่ ๆ ในหัวของซูซี่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่รู้สาเหตุ ก่อนที่จะมีภาพฉายชัดไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด จึงทำให้ซูซี่รู้ว่าร่างนี้คือ หนิงหว่านซู บุตรสาวคนรองของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีนามว่า หนิงชางหมิง
หนิงหว่านซูมีนิสัยร้ายกาจและหลงรักหยางเฟยหลง หรือว่าชินอ๋องผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงขาม จนหญิงสาวได้ขอร้องให้บิดาขอราชโองการสมรสให้ ทว่าชินอ๋องกลับไม่สนใจนางเลยสักนิด
เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนางด้วยซ้ำ
และเมื่อถึงวันสมรสพระราชทานของทั้งสอง ชินอ๋องกลับแต่งชายารองและอนุเข้ามามากมาย ทำให้ตระกูลหนิงเสียหน้าไม่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หนิงหว่านซูไม่พอใจอย่างมาก นางจึงสร้างเรื่องสร้างราวได้ทุกวัน จนเป็นที่เอือมระอาของพระสวามีอย่างชินอ๋องยิ่งนัก
เมื่อมีข่าวว่าพระสวามีอันเป็นที่รักและยังเป็นพระสวามีผู้ที่ไม่เคยแตะต้องตัวนางที่เป็นพระชายาเอกเลยแม้แต่ปลายผม ได้ไปที่เรือนของชายารองฟู่แทบทุกวัน เลยทำให้หนิงหว่านซูเกิดความไม่พอใจและคิดกำจัดอีกฝ่าย จึงเร่งรีบจะไปจัดการกับอีกฝ่าย
แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นนางเองที่ตกสระน้ำเกือบตาย!!
“โง่จริง ๆ เลย แค่ผัวไม่รักแค่นี้ ทำไมต้องด้อยค่าตัวเองด้วย อีกอย่าง ร่างกายนี้ยังสดยังใหม่ ยังไม่เคยแตะต้องมือใคร ทำไมต้องทำเรื่องโง่ ๆ เพื่อผู้ชายที่ไม่รักตัวเองได้ทุกวัน ไม่ได้รักกันแบบนี้ก็หย่าสิคะ รออะไรล่ะ”
เมื่อทบทวนความทรงจำ และจัดการความคิดให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงสบถและเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจ เนื่องจากยุคที่เธอจากมานั้น เมื่อไรที่คู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็หย่ากันไปเท่านั้น ‘จะมาทนใช้กล้วยหอมลูกเดียวไปทำไม เอ๊ะ! หรือว่ากล้วยเล็บมือนางกันนะ ถึงต้องบริหารส่วนนั้นมากมาย ด้วยการมีเมียเต็มบ้านไปหมด’
ซูซี่ที่อยู่ในร่างของหนิงหว่านซูได้แต่ตบตีและทะเลาะกับความคิดตัวเองอยู่ในใจ จนนางกำนัลข้างกายนั่งมองด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“พระชายาจะหย่ากับท่านอ๋องหรือเพคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉัน...เอ่อ ข้าไม่ต้องการแบ่งแท่งหยกอันนั้นกับสตรีนางใดหรอกนะ และข้าไม่ต้องการของมือสอง ข้าอยากมีอิสระ!! เจ้าเข้าใจหรือไม่” ซูซี่ที่อยู่ในร่างของหนิงหว่านซูหันมาตอบนางกำนัลข้างกายด้วยใบหน้าและแววตาที่จริงจัง อีกทั้งน้ำเสียงนั้นบอกว่าเรื่องนี้นางจริงจังมาก
“ไม่ได้หรอกเพคะ สมรสของพระชายากับท่านอ๋อง เป็นฝ่าบาทที่พระราชทานให้ มิอาจหย่าร้างได้ตามอำเภอใจ” ลี่เอ๋อร์รีบตอบกลับไปทันที ‘ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดพระชายาถึงอยากมีอิสระโดยการหย่าร้าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าพระชายาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งเข้าจวนอ๋องหรอกหรือ แล้วเหตุใดเวลานี้ถึงมีความคิดเช่นนี้เล่า’ นางได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจ
“อย่างนั้นหรือ” ซูซี่พยักหน้าคล้ายกับจะเข้าใจ แต่ในใจกลับคิดว่า ‘เหตุใดคนยุคนี้แค่หย่าร้างกัน ต้องเรื่องมากและวุ่นวายขนาดนี้ด้วยนะ แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อฝ่ายของข้าหย่าร้างไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะทำให้ชินอ๋องเป็นฝ่ายขอหย่าด้วยตนเองให้ได้’
