ep2
“เธออายุเท่าไหร่แล้วล่ะปีนี้”
“18 ย่าง 19 แล้วค่ะ เหลืออีกเพียงปีกว่าๆ มีนก็จะมีอิสระได้รับมรดกพ่อแล้วล่ะ ญาติเขาไม่ให้แม่มาดูแลมรดกพ่อ เพราะกลัวว่าแม่จะเอาไปให้พ่อเลี้ยงใช้”
น้ำเสียงเด็กสาวหมองลง ท่าทางเธอจะไม่ชอบพ่อเลี้ยงอาจจะเกลียดเสียเลยด้วยซ้ำ
“พ่อมีมรดก?”
“มีค่ะ เป็นที่นาร้อยไร่ แถวปทุมธานี ถ้ามีนได้มาก็จะได้ให้เขาเช่า จะได้มีรายได้ไปเรียนต่อ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ ญาติไม่ให้เลยหรือ”
“เขาบอกว่าให้มีนอายุ 20 ก่อนค่อยเอา ตอนนี้เขาลำบาก มีนเรียนจบแล้วเลยไล่ให้มีนไปอยู่กับแม่”
อรรคพลถอนหายใจสังเวช ญาติก็ช่างกระไร เอาเปรียบแม้กระทั่งหลานของตัวเอง
“มาอยู่ที่เหมือง ชบาเขาจะให้ทำอะไรล่ะ จะทำไหวเหรอ”
“ไหวสิคะ ตอนอยู่กับแม่ลำบากจะตาย แม่ทำงานก่อสร้าง มีนก็ไปทำงานก่อสร้างด้วย”
ชายหนุ่มขยับตัวทันที แทนที่เด็กสาวจะได้เรียนต่อกับค่าเช่านา มรดกของพ่อ กลับต้องไปทำงานก่อสร้างกับแม่ ชะตาชีวิตของเด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ
“ใช้ชีวิตอยู่แคมป์ก่อสร้างนานไหมล่ะ”
เขาอดถามไม่ได้ คุยกับเธอแล้วรู้สึกว่ามีความแปลก ๆ จะว่าเด็กสาวคนนี้โกหกก็ไม่น่าจะใช่ เพราะแววตาของหล่อนดูเป็นประกาย ดูมีความเป็นคนสู้ชีวิต
“อาทิตย์กว่าๆ ค่ะ พอแม่ไม่อยู่พ่อเลี้ยงก็เลยเข้าหาไงคะ”
มีนาเม้มปากทันที เธอพูดถึงเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทว่าในจิตใจเธอนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น
“เจอเรื่องขนาดนี้ เธอควรอยู่กับญาติฝั่งพ่อนะ อย่างน้อยก็อยู่มาแต่ต้น”
“ก็พอย่าเสีย มีนก็เคว้ง อีกอย่างญาติทางพ่อก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ มีนอยากอยู่กับแม่บ้างก็เลยไปขออยู่ ตอนมีเรื่อง แม่หอบมีนส่งกลับทันที แม่โดนด่าเละเลยค่ะ”
“ขอโทษเถอะนะหนู ดูท่าทางฝั่งพ่อก็มีฐานะ มีที่นาเป็นร้อยไร่ ไม่มีเงินเก็บตัวเองพอที่จะเรียนต่อหรือ จบมหาวิทยาลัยเธอก็น่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ต้องมาเร่ร่อนอยู่กับเหมือง”
มีนาปรายตามองคนขับรถที่วางมาดเหมือนลุงแก่ๆ เธอเห็นเค้าความหล่อของเขาอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็แก่อยู่ดี
“ไม่มีหรอกค่ะ ย่าไม่ได้ให้เงินมีนไว้ใช้มากนัก พอตายทั้งมรดกพ่อ มรดกย่า ญาติๆ แย่งสมบัติกัน มีนไม่อยากอยู่เลยค่ะ จริงๆ แล้วในส่วนของมีน ทนายก็ให้แม่เป็นผู้จัดการมรดก แต่แม่รำคาญญาติฝ่ายพ่อ ก็เลยให้เขาดูแลไปก่อน”
เขามองเด็กสาวด้วยความเวทนามากขึ้น เธอต้องผ่านอะไรมาเยอะ และต้องเข้มแข็งมากทีเดียวถึงได้ผ่านเรื่องราวพวกนั้นมาได้ ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่พวกนั้น ทำกับหลานสาวตัวเองได้อย่างไร
“จะว่าไป ลุงนี่หน้าตาดีเหมือนกันนะคะ เหมือนพวกลูกครึ่งในหนังคาวบอยเลยค่ะ”
เธอเปลี่ยนเรื่อง ชวนคุยต่อเพราะไม่อยากเล่าเรื่องราวรันทดของตัวเองให้ใครฟัง
“ใช่ ฉันเป็นลูกครึ่ง แม่คนไทย พ่อเป็นยูเอสเอ”
“ยูเอสเอ.....อ๋อ...สหรัฐอเมริกา” เด็กสาวนั่งคิดๆ แล้วมองหน้าเขามากขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเหมือนคิดอะไรออก
“เป็นลูกครึ่ง พ่อก็ต้องรวย มีสมบัติมาก มีบ้านหลังใหญ่ๆ ลุงก็น่าจะมีเงิน ทำไมมาทำงานในเหมืองได้ล่ะคะ”
“หือ....เธอว่าอะไรนะ”
อรรคพลแทบจะจอดรถคุยกับเด็กสาวช่างพูดคนนี้เลย เพราะเธอช่างเจรจาและมโนเรื่องราวได้เป็นตุเป็นตะทีเดียว
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มีนพูดเล่นน่ะค่ะ เห็นลูกครึ่งส่วนใหญ่รวยๆ กันทั้งนั้น จนบางทีมีนก็แอบอิจฉา”
ตรรกะของเด็กคนนี้แปลกดี เป็นลูกครึ่งต้องรวยด้วยหรือ? ตอนทหารจีไอเข้ามาตั้งฐานทัพที่เมืองไทย มีทั้งลูกครึ่งที่ได้ดิบได้ดี และมีทั้งลูกครึ่งที่ถูกไข่ทิ้งออกตั้งมากมาย
“คนเป็นลูกครึ่งไม่จำเป็นต้องร่ำรวยหรอก คนเราเกิดมาถ้าไม่ทำมาหากิน ก็อดตายกันพอดี”
มีนาเลิกคิ้วมองแล้วหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ลักษณะเขาเหมือนมีความรู้ ถ้าทำงานในเหมืองก็คงเป็นตำแหน่งสูงๆ หากผูกมิตรไว้ เธออาจจะไม่ต้องทำตามเงื่อนไขของน้าชบาก็ได้
