1.ตามหาหัวใจ
*** ทักทายคร้า เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของ ทัณฑ์คนเถื่อนจ้า เป็นเรื่องราวความรักแสนโรแมนติกท่ามกลางทะเลทราย ฝากอีกหนึ่งเรื่องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อนๆ ด้วยนะคะ ...กอด กอด ***
ประเทศฝรั่งเศส
ความมืดมิดของรัตติกาลแผ่ปกคลุมตึกสูงของมาโรน่ากรุ๊ป แสงไฟในห้องรองประธานกรรมการ ธาม มาโรน่า ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของมาโรน่าไดมอนด์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในเครือมาโรน่ากรุ๊ปยังส่องสว่าง เจ้าของห้องยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ภายในห้องทำงานสีครีม ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ รูปร่างสูงสง่า ใบหน้าคมเข้มเจ้าของห้อง นั่งทำงานอย่างไม่สนใจเวลาว่าจะผ่านไปนานเท่าไร จนกระทั่งประตูห้องทำงานถูกเปิดออกโดยไม่มีการเคาะขออนุญาต มือใหญ่วางปากกาลงอย่างอารมณ์เสีย เงยหน้าเตรียมต่อว่าคนที่เดินเข้ามา แต่ก็ต้องนิ่งงันไปชั่วครู่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาหา ริมฝีปากได้รูปยิ้มกว้างอย่างดีใจ ตามด้วยเสียงพูดทักทายอย่างคุ้นเคย
“ไม่น่าเชื่อว่าพระรถจะมาตามหานางเมรีถึงที่นี่” ใบหน้าหล่อเหลาสูงสง่าไม่แพ้กันของคนมาใหม่ยิ้มอย่างไม่ถือสา
“ถ้านางเมรีอยู่แถวนี้ก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่ต้องไปตามหาให้เมื่อย”
เธียร มาโรน่า ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของชาร์และวราลี แฝดผู้พี่ของธรณ์ มาโรน่าเอ่ยออกมา ธามลุกขึ้นเดินไปกลางห้อง พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นถึงข้อศอก ยืนในท่าที่เตรียมพร้อม
“พร้อม” สิ้นเสียงทั้งสองก็กระโดดเข้าไปเตะต่อยกันอย่างนัวเนีย ทั้งหมัดทั้งเท้าต่างประเคนให้กันเป็นชุดๆ ทั้งสองผลัดกันรุกและรับด้วยฝีมือการต่อสู้ที่ไม่ต่างกันมากนัก ผ่านไปเกือบห้านาทีก็หยุดลง ก่อนจะโผเข้ากอดกันกลม
“มือยังแน่เหมือนเดิม คุณสายลับคนเก่ง” ธามเอ่ยกับพี่ชาย ก่อนจะคลายอ้อมแขนออก เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน
“ท่าทางท่านรองทำงานหนักไปหรือเปล่า” ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานแล้วเอ่ยปากถามทันที
“เรื่องงานแสดงอัญมณีที่รัฐชวาลายุ่งๆ นิดหน่อย แล้วพระรถโผล่มาที่นี่มีอะไรให้กระผมรับใช้ครับ”
“อยากให้ช่วยหน่อย” เธียรบอกอย่างไม่อ้อมค้อม
“ว่ามา” ธามเอ่ยจริงจัง
“อยากเข้าไปที่ชวาลาในมาดของนักธุรกิจค้าอัญมณี” เธียรเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลายอารมณ์
“ทำไม” ธามมองสบตาคมกริบของอีกฝ่าย คงเป็นเรื่องงานขององค์กรอีกตามเคย
“เรื่องงานนิดหน่อย”
“ต้องการผู้ช่วยมั้ยคุณสายลับ” ธามถามยิ้มๆ
“ช่วยจุ้นล่ะไม่ว่า” เธียรตอบเสียงขรึม เขาจำได้ดีตอนที่น้องชายทั้งสองไปช่วยงานที่เมืองไทย งานผิดแผนล่าช้าไปเกือบเดือน ทำให้เขาถูกตำหนิจากผู้ใหญ่ในองค์กร
“จะไปตามหานางเมรีด้วยหรือเปล่า” น้องชายยักคิ้วให้อย่างล้อเลียน
“ได้ก็ดี จะได้หยุดเร่ร่อนซะที เลี้ยงข้าวหน่อยไม่ได้กินอาหารอร่อยหรูๆ นานแล้ว”
เธียรลุกขึ้นไปรอน้องชายที่ประตู ธามยิ้มคว้าสูทตัวสวยพาดที่ไหล่กว้าง เดินตามไปอย่างอารมณ์ดี
“อยากกินอาหารไทยหรืออาหารต่างชาติ” ธามถามพร้อมกับสตาร์ตรถ แล้วขับออกไปโดยมีการ์ดคอยตามอยู่ห่างๆ
“อาหารไทยอร่อยๆ ก็ดี คิดถึงแม่นางฟ้า” เธียรบอกพลางคิดถึงฝีมือทำอาหารของมารดา เกือบสองเดือนแล้วที่ไม่ได้กลับไปกอด ทั้งพ่อกับแม่ของเขาก็ส่งข้อความมาหาทุกวันอย่างเป็นห่วง
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงร้านอาหารไทยขึ้นชื่อของฝรั่งเศส รอบๆ ร้านบุด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้มองเห็นทิวทัศน์และหอไอเฟลที่มีแสงไฟส่องสว่างอยู่ไม่ไกล
เสียงกรีดร้องของแมลงกลางคืนร้องดังระงมไปทั่ว ความเงียบเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ยามราตรี ร่างสูงใหญ่ในชุดดำค่อยๆ ลัดเลาะไปตามกำแพงสีขาวเพื่อกระโดดข้ามเข้าไปภายในอาณาเขตของ โทนี่ ซีโลวา นักธุรกิจชาวอาหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานของเธียร
เธียรซ่อนตัวอยู่ใกล้พุ่มไม้หนาทึบที่กั้นอยู่ริมกำแพง ร่างสูงก้มต่ำเพื่อหลบแสงไฟของทหารรับจ้างที่ถูกจ้างมาอารักขาเจ้าของคฤหาสน์ ชายหนุ่มก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นที่เปียกชื้นหลังฝนตก กล้องส่องทางไกลถูกยกขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ภายในตัวคฤหาสน์หลังงาม
“ของเที่ยวนี้พร้อมส่งมอบให้กับกองกำลังติดอาวุธดามัสเมื่อไหร่” โทนี่ ซีโลวา ชายวัยห้าสิบห้า ร่างสูงผอม ดวงตาเล็ก บนใบหน้าขาวนั้นโหดเหี้ยมไร้ความปรานี โทนี่เป็นนักธุรกิจค้าอัญมณีรายใหญ่คู่แข่งกับมาโรน่าไดมอนด์ หากเบื้องหลังนั้นมีธุรกิจด้านมืดก็คือการค้าอาวุธสงครามให้กับกองโจรทั่วทะเลทรายโกบี แต่การขนย้ายเที่ยวนี้เพื่อส่งให้ความฝันของลูกชายเป็นจริง
“ล็อตแรกอีกสองวันครับนาย ส่วนล็อตใหญ่อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ เที่ยวนี้คงต้องวางแผนใหม่ เพราะเส้นทางที่จะผ่านเป็นรัฐชวาลาของชีคมาร์จา” เคนลูกน้องคนสนิทซึ่งเป็นมือขวาที่โทนี่ไว้ใจมาโดยตลอดรายงานข้อมูลใหม่ให้ได้รู้
“ถ้ามีปัญหาก็หาที่พักของที่นั่น” โทนี่เคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด
“เดนานกลับไปดูลู่ทางแล้วครับนาย”
“รอบคอบดีมากเคน เสร็จงานนี้คงได้พักผ่อนบ้างล่ะนะ” โทนี่ยกมือขึ้นตบไหล่หนาของมือขวาคนสนิท ใบหน้าดำกร้านของเคนคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ล็อตแรกคิดว่าไม่มีปัญหาครับ จะหนักหน่อยก็คงจะขนผ่านชวาลา เพราะชีคมาร์จาไม่เคยให้สิ่งผิดกฎหมายผ่านเข้าไปในชวาลาได้เลย โดยเฉพาะอาวุธสงครามและยาเสพติด จนได้ฉายายมทูตทะเลทราย”
“ยังไงเราก็ต้องใช้เส้นทางนี้ ถ้าอ้อมไปอีกทางจะทำให้การตรวจสอบยิ่งมีมากขึ้น ชีคมาร์จาไม่จำเป็นอย่าไปยุ่งกับคนคนนี้ หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้การเจรจาแลกผลประโยชน์น่าจะดีกว่า แต่ที่เราต้องระวังก็คือสายลับสากล” โทนี่บอกพลางเดินไปหยุดยืนริมหน้าต่างบานใหญ่ ดวงตาทอดมองไปยังท้องฟ้าที่ครึ้มไปด้วยเมฆฝน ที่บดบังแสงของดวงดาวให้มืดมิด
“เราอาจจะต้องจ่ายหนักกว่าทุกครั้ง” เคนบอก โทนี่หันกลับมา
“เรื่องนั้นเรื่องเล็ก ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อย จ่ายให้พวกโลภนิดๆ หน่อยๆ แค่เศษเสี้ยวของอาวุธเรา” นายใหญ่พูดเปิดทาง เสียงหัวเราะดังออกมาอย่างสบายใจ เมื่อคิดถึงเงินก้อนโตที่จะเข้ามา
“ผมจะทำให้ดี” ลูกน้องคนสนิทรับคำ
“ฮ่าๆ ๆ ดีมาก ฉันมั่นใจว่าแกจะทำสำเร็จ” เสียงหัวเราะของโทนี่ดังไปถึงคนที่แอบซุ่มอยู่ ดวงตาคมกริบหันหลังกลับไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้
“มีคนอยู่แถวนี้ว่ะ” เสียงพูดดังแว่วมา ร่างสูงหมอบชิดกับพื้น เพื่อหลบแสงไฟที่ส่องเข้ามาในพุ่มไม้
“ใครจะกล้าเข้ามาวะ” เสียงโต้ตอบภาษาอาหรับค่อยๆ หายเงียบไปพร้อมกับชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยม
ร่างสูงค่อยๆ คลานออกมาจากหลังพุ่มไม้ แล้วแทรกกายเข้าไปใกล้กำแพง ก่อนจะกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว
พ้นกำแพงออกมาได้ เธียรถึงกับชะงักแล้วรีบหาที่กำบังกายทันที เมื่อแสงไฟจากรถส่องเข้ามาใกล้ รถเมอร์เซเดส-เบนซ์คันหรูรุ่นใหม่ล่าสุดคุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดใกล้พุ่มไม้ที่เธียรหลบอยู่ พอเห็นว่าเป็นใคร มือใหญ่ก็ดึงหมวกไหมพรมสีดำออกจากหัว
“ขึ้นรถเร็ว” เสียงเรียกของธามดังขึ้นอย่างรีบร้อน ร่างสูงรีบเปิดประตูก้าวขึ้นรถ ธามขับออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามายักคิ้วให้พี่ชาย เธียรหยิบโทรศัพท์ออกมา พร้อมกับดึงการ์ดขนาดเล็กออกจากกล้องบันทึกภาพและเสียงในระยะไกล เสียบเข้าไปในโทรศัพท์แล้วส่งไปยังเลขหมายปลายทาง แล้วภารกิจคืนนี้ก็เสร็จสมบูรณ์
เธียรยกมือขึ้นตบไหล่หนาอย่างขอบคุณ ธามหันมายิ้มให้กับพี่ชายแล้วหันกลับไปมองถนนดังเดิม
คฤหาสน์หลังงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีกลางกรุงปารีส อากาศในช่วงเช้าสดชื่นบวกกับสายลมอ่อนๆ ทำให้รอบๆ อาณาเขตรั้วของตระกูลดังเย็นสบาย ร่างสูงสง่าของชายวัยกลางคนอย่างพอล มาโรน่ากำลังมองภรรยาสุดที่รักเตรียมอาหารให้กับเขาและลูกๆ แม้พอลจะบอกภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากหลายต่อหลายครั้งว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน แต่ชิดสมัยก็ขอดูแลเขาและลูกๆ ด้วยตัวเอง
“จ้องแม่ไม่คลาดสายตาเลยนะครับพ่อ” เสียงทุ้มดังมาพร้อมกับร่างสูงในสูทสีเข้มของลูกชาย เดินเข้าไปหอมแก้มมารดาเบาๆ ก่อนจะทักทายผู้เป็นพ่อ
“อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ”
“สวัสดีครับลุง” เธียรทำความเคารพลุงพอล ก่อนจะเข้าไปจุ๊บแก้มชิดสมัยเบาๆ เหมือนกับธาม ทำเอาคนเป็นทั้งพ่อและลุงมองตาขวาง
“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนไปเดินเล่นในคฤหาสน์ซีโลวามา ตื่นเต้นไหม” พอลถามพลางรับถ้วยกาแฟจากภรรยาสุดที่รัก
“นิดหน่อยครับ” เธียรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบออกไปและนั่งลงข้างๆ ชิดสมัย
“พอดีมีตัวช่วยไปด้วย” ธามยักคิ้วให้คนเป็นพี่ชาย เธียรครางในลำคอ ชิดสมัยมองเธียรอย่างเป็นห่วง พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ระวังหน่อยนะเธียร” หล่อนบอกพร้อมลุกไปชงกาแฟให้ลูกชาย
“ครับแม่ไหม”
