บทที่ 1 เอื้องงามแห่งล้านนา
เชียงใหม่...
ภายในโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวของเมืองเชียงใหม่ บริเวณลานกว้างที่จัดตกแต่งอย่างงดงามอลังการเพื่อจัดงานนิทรรศการอาหารไทยพื้นเมืองและอาหารนานาชาติ คลาคล่ำด้วยผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งต่างให้ความสนใจในบู๊ทจัดงานต่างๆ ซึ่งมีอาหารมากมายหลากหลายสีสันและรสชาติให้ชมและชิม จับจ่ายเพื่อเป็นของฝากแก่พ่อแม่เพื่อนฝูง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอิ่มเอมมีความสุขทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าบ่งบอกได้อย่างดีว่าการจัดงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเพียงใด
ด้านหลังเวทีสัมมนากลางลานจัดงาน หญิงสาวร่างระหงแต่งกายด้วยชุดไทยล้านนาซึ่งตัดเย็บอย่างประณีตงดงามสีงาช้างขับผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนให้ผุดผ่องน่ามอง ผมยาวสลวยเกล้ามวยสูงแซมดอกกล้วยไม้เผยใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลประกายวาวหวาน ขนตายาวงอนโดยไม่ต้องดัด จมูกโด่งเชิดสวยคม ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มระเรื่อเคลือบสีชมพูอ่อนใสน่ามองความงดงามดูชดช้อยอ่อนหวานของหญิงสาวทำให้คนมองนึกถึงภาพของสาวเครือฟ้าขึ้นมาครามครันนั้น ร่างบางกำลังก้าวลงเวทีด้วยใบหน้าแย้มยิ้มอ่อนหวานให้กับผู้ร่วมงานอื่นที่ส่งยิ้มทักทาย
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะคุณอ้อนที่ให้เกียรติมาร่วมงานกับโรงแรมและยังมาบรรยายสร้างสีสันให้งานของเราผ่านไปได้ด้วยดีแบบนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
แม่เลี้ยงเกศรา ภรรยาคนสวยของพ่อเลี้ยง อินคำ อภิปัญญา เจ้าของโรงแรมสุดหรูแห่งนี้ ทั้งสองสามีภรรยายังคงสง่างาม ภูมิฐานอย่างคนที่มีเชื้อเจ้านายทางเหนือทั้งยังเป็นที่รักเคารพนับถือจากคนที่นี่ด้วยอัธยาศัยไมตรี ไม่ถือตัว เป็นกันเองกับทุกๆ คนเสมอ ไม่มีทีท่าเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนผู้มียศศักดิ์บางคน
“แหม แม่เลี้ยงก็ชมเกินไปค่ะ ทีมงานที่จัดงานเขาจัดงานได้ดีมากต่างหากล่ะคะ อ้อนก็แค่มาพูดๆ แล้วก็สาธิตทำอาหารง่ายๆ แค่นั้นเองไม่ได้ทำอะไรเลย น่าจะยกความดีความชอบให้พี่ๆ และน้องๆ ทีมงานดีกว่าค่ะ” อโนมาเชฟสาวคนเก่งยิ้มด้วยไมตรีอ่อนน้อม เสียงหวานใสเอื้อนเอ่ยถ่อมตัวแด่ผู้คนทำให้คนที่ได้พบปะพูดคุยหลงเสน่ห์เธอได้ไม่ยาก
“ข่าวที่ว่าคุณอ้อนชอบถ่อมตัวและยิ้มหวานคงจะจริงนะน้องเกดดูสิ เห็นกับตาเจอกับตัวเลย”
“นั่นสิคะ คุณพี่ตัวจริงไม่ผิดกับที่ได้ยินมา แต่มีอย่างหนึ่งที่ผิดจากที่ฟังมามากๆ เลยนะคะคุณพี่”
“อะไรรึที่รัก” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วสงสัย
“ก็คุณอ้อนตัวเป็นๆ ตรงหน้าเราเนี่ย สวยกว่าในหนังสือหรือคำบอกเล่าที่ได้ยินมาน่ะสิคะ”
“แหม แม่เลี้ยงคะ พูดเกินจริงๆ ไปแล้ว อ้อนไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่พอดูได้เท่านั้นเอง”
“ค่ะ ไม่สวยก็ไม่สวย แหมไม่รู้ว่าจะกลัวสวยไปทำไม ถ้าเป็นฉันนะคะจะประกาศให้ทั้งบางให้รู้ไปเลยว่าฉันนี่แหละสวยตัวแม่สุดๆ ไปเลยค่ะ”
“พอเถอะครับน้องเกด นี่ขนาดสมัยสาวๆ น้องเกดไม่ค่อยประกาศว่าสวย หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งสี่ทิศก็แย่งกันขายขนมจีบจนพี่แทบไม่มีโอกาสเข้าใกล้น้องเกดเลย แล้วยังได้นิสัยห่ามๆ นี่อีก ไม่ต้องเอาไปใส่หัวคนอื่นเขาเลยที่รัก” พ่อเลี้ยงอินคำพูดพลางบีบจมูกเล็กโด่งรั้นของภรรยาอย่างมันเขี้ยว สองสามีภรรยาหยอกล้อกันอย่างน่ารักและหวานชื่นนั้นเป็นภาพที่ชินตาคนแถวนี้ไปเสียแล้ว เพราะประวัติความรักของพ่อเลี้ยงอินคำกับแม่เลี้ยงเกศรานั้นได้รับการบอกเล่ากันว่าโหดมัน ฮาเหลือหลายในความแสบซ่าของแม่เลี้ยงแสนแก่นแก้วกับพ่อเลี้ยงหนุ่มมาดเข้มขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ที่ต้องหัวหมุนกับยุทธการพิชิตใจแม่หญิงเกศรานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะความแก่นเซี้ยวของแม่หญิงคนงามเมื่อสิบกว่าปีก่อน
“แหมคุณพี่ก็ เอาล่ะค่ะคุณอ้อนคะ เราถือโอกาสเชิญคุณอ้อนไปทานข้าวเย็นที่คุ้มอินจำปาของเราเลยนะคะ และจะถือโอกาสเลี้ยงขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมกันช่วยทำให้งานในวันนี้สำเร็จด้วยดีด้วยนะคะ ทีมงานทุกๆ คนเลยนะคะ ใครไม่ไป แม่เลี้ยงจะโกรธไม่ยอมจริงๆ ด้วย” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยชวนทีมงานด้วย
“ค่ะ อ้อนไปแน่นอนค่ะแม่เลี้ยงให้โอกาสเชิญทั้งที ได้ข่าวว่าที่คุ้มมีกล้วยไม้สวยๆ เยอะด้วยนี่คะคราวนี้อ้อนจะไปขอขโมยไปปลูกที่บ้านบ้างนะคะ”
“ถ้างั้นยกให้ทั้งเรือนเลยครับคุณอ้อน เพราะตอนนี้ผมขี้เกียจจะดูแล เยอะมากจนรดน้ำจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“พี่อินคำ นี่กล้าขนาดบอกว่าขี้เกียจรดน้ำกล้วยไม้ของน้องหรือคะ” แม่เลี้ยงแสร้งทำเสียงขุ่นขวาง
“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นจ้ะ ใครจะกล้าไม่ดูแลกล้วยไม้สุดรักของน้องกันล่ะจ๊ะ ป่ะ เราไปกันเถอะนะจ๊ะ พี่จะรีบกลับไปดูแลรดน้ำให้หนำใจไปเลย ไปจ้ะ ไปนะครับคุณอ้อน เจอกันทุ่มตรงที่คุ้มอินจำปานะครับ คนของเราจะมารับไปที่คุ้มเอง” พ่อเลี้ยงอินคำไม่วายกำชับแทนภรรยาสุดที่รักซึ่งดูเหมือนจะเป็นปลื้มสาวสวยนัยน์ตาโศกซึ้งตรงหน้าเสียเหลือเกิน
“ค่ะ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มให้คนทั้งคู่อย่างอ่อนโยนในไมตรีนั้น อโนมายิ้มกับภาพความน่ารักของสามีภรรยาที่เดินประคองกันออกไปด้วยความสุขแล้วยิ้มกับตัวเองพลางนึกถึงคนที่อยู่ไกลแสนไกลและไม่มีวันหวนกลับมาเพื่อมาฟังความในใจที่อยากจะบอกกล่าวแก่เขาคนนั้น
“นนท์ นนท์จะรู้ไหมว่า อ้อนคิดถึงนนท์มากแค่ไหน” อโนมารำพึงเบาๆ ในใจนัยน์ตาโศกซึ้งหม่นเศร้าลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวถอนใจเบาๆ แล้วเดินกลับบ้านพักของตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านพักแบบล้านนาหลังเล็กบริเวณด้านหลังโรงแรมที่จะเป็นโซนบ้านพักสำหรับผู้ที่มาเป็นครอบครัวและอยากมาพักผ่อนอย่างสงบ และเป็นส่วนตัวด้วยบรรยากาศของสวนสวยที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่จัดแต่งอย่างสวยงามดั่งอยู่ในสวนสวรรค์ กรุ่นกลิ่นหอมรวยรื่นของดอกไม้ไทยทั้งราตรี ลีลาวดี โมกข์ตลอดจนดอกแก้วที่ตอนนี้ออกดอกสะพรั่งเต็มต้นหน้าบ้านพักของเธอ
อโนมาเดินทอดน่องไปยังศาลาริมน้ำที่มีน้ำพุพวยพุ่ง ละอองซ่านกระเซ็นต้องแสงแดดยามบ่ายคล้อยเป็นประกายวาววับจับตา มือเรียวหยิบดอกลีลาวดีสีขาวนวลที่ร่วงหล่นลงมาตรงหน้าขึ้นสูดดมพลางทรุดนั่งพับเพียบบนพื้นศาลาที่ขัดมันวาวแล้วเอนพิงระเบียงไม้เตี้ยๆ ฉลุลวดลายงดงาม ดวงตาสวยซึ้งที่ปนแววโศกยามเจ้าตัวอยู่ในภวังค์ความคิดทอดมองไปที่ท้องน้ำที่กว้างไกลราวจะปล่อยใจให้ลอยล่องไปไม่มีที่สิ้นสุดและยากจะคาดเดาว่าสาวเจ้าคิดถึงสิ่งใด ใบหน้านวลสวยซึ้งสงบนิ่งราวกับว่าโลกนี้มีเพียงเธออยู่เพียงลำพัง เธอมักจะมีโลกส่วนตัวที่เพื่อนรัก อรุณนารีและเนตรนาราเท่านั้นที่เข้าถึง เพราะอาการที่เธอเป็นอยู่นี้เพื่อนสาวทั้งสองจะรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี และมันก็เป็นปมในใจของเธอที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ ทุกวันนี้เธอยังเจ็บปวดและจมอยู่กับมันจนไม่มีช่องว่างใดๆ ให้ใครเข้ามาช่วยบรรเทาให้มันบางเบาลง
ภาพหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดไทยล้านนาสีงาช้างยามนี้ต้องแสงแดดอ่อนของดวงตะวันที่คล้อยต่ำลงเป็นประกายสว่างนวลเรืองรอง ช่างเป็นภาพที่งดงามสะกดให้ชายหนุ่มร่างสูงสมาร์ตหยุดมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ร่างแกร่งนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ซึ่งปลดกระดุมลงมาสองเม็ดเพื่อระบายความอบร้อนของร่างกาย แขนเสื้อพับขึ้นมาที่ข้อศอกเผยให้เห็นท่อนแขนแกร่งขาวสะอาดประปรายด้วยขนอ่อนที่เรียงตัวเป็นระเบียบ เสื้อสูทสีดำเนื้อดีถูกพาดไว้ที่ท่อนแขนแข็งแรง เขาหยุดมองภาพหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่ในศาลาริมน้ำตรงหน้าดั่งต้องมนต์ สวยเหมือนนางในวรรณคดี คือคำนิยามที่สมองอันเฉลียวฉลาดของ อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล จะคิดออก
