บทที่ 1 จบตอน
“โอเคค่ะ เอาไว้เจอกันวันหลังก็ได้” ว่าแล้วนางแบบสาวก็ก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วเลยเข้าห้องน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกมาฉวยกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูและก็อดที่จะหันมามองร่างแกร่งอย่างอาวรณ์ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงยืนกอดอกเปล่าเปลือยอยู่ริมระเบียงบ้านพักที่ ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอที่กำลังจะจากไป ยิ่งสร้างความขัดเคืองให้เธอยิ่งนัก ใบหน้าสวยสะบัดให้ชายหนุ่มก่อนจะปิดประตูเสียงดังปัง แล้วก้าวฉับๆ จากไปอย่างรวดเร็ว
เสียงประตูที่กระแทกปิดเสียงดังทำให้อัคคีมองมาเพียงแวบเดียวแล้วก็ผินใบหน้าหล่อเหลาหันมามองภาพเขียวขจีของภูเขาตรงหน้า แขนแข็งแรงเท้ากับระเบียงไม้ที่ฉลุลวดลายงดงามประณีต ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงดาวประจำเมืองเริ่มส่องแสงทักทายราตรีกาลที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาในไม่ช้าอย่างหงุดหงิด
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ อัคคีรู้สึกเสียหน้าเหลือเกิน เมื่ออาวุธที่เตรียมพร้อมจะรบของเขาอยู่ๆ ก็เกิดหมดประสิทธิภาพทันที เมื่อใบหน้าสวยหวานนั้นแทรกเข้ามาในขณะที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่กับนางแบบสาวหุ่นกระชากใจอย่างแคเธอรีน ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคือง ชายหนุ่มยกมือขยี้ผมเบาก่อนจะสะบัดหัวแรงๆ อย่างต้องการจะให้ใบหน้าสวยหวานนัยน์ตาโศกซึ้งที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวนั้นให้กระเด็นออกไปจากห้วงคำนึง
“โว้ย ให้ตายซิ...บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถกับอาการเหมือนหนุ่มน้อยที่กระวนกระวายในรักแรกอย่างไรอย่างนั้นและพลันสายตาของเขาก็สะดุดกับร่างงามที่ว่ายวนหลอกหลอนเขาอยู่ ร่างระหงบอบบางรวบผมเป็นพวงเบี่ยงพาดไว้ที่ไหล่นวลข้างซ้ายประดับช่อผมด้วยดอกลีลาวดีดูเย้ายวนนั้นอยู่ในชุดเดรสสีม่วงเม็ดมะปราง ตัดเย็บประณีตเข้ารูปเผยให้เห็นเอวเล็กคอด ทรวงอกอวบอิ่มที่มองเห็นรำไรด้วยตัวชุดเป็นรูปคอวีคล้องไหล่เผยผิวด้านหลัง เนื้อผ้าดูนุ่มนวลทิ้งตัวแนบลำตัวโชว์หน้าท้องแบนราบสะโพกผายกลมกลึงและเรียวขาสีน้ำผึ้งนวลเนียนน่าสัมผัสที่พ้นชายกระโปรงที่สั้นเหนือเข่าเล็กน้อย
เรียวขานั่นมันเป็นเรียวขาที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา และผิวสีน้ำผึ้งของเธอจะเนียนนุ่มมือขนาดไหนนะถ้าได้สัมผัสจริงๆ สักครั้ง เธอดูสวยซึ้งเย้ายวนแตกต่างจากหญิงสาวที่เขาพบเมื่อตอนพลบค่ำนั้นราวกับคนละคน ตอนนี้เธอกำลังพูดคุยอยู่กับพนักงานของโรงแรมพร้อมกับหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกันดูเป็นธรรมชาติริมฝีปากอวบอิ่มสีเรื่อนั่นขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยอะไรสักอย่างกับชายหนุ่มหน้าอ่อนที่ยืนอยู่ในกลุ่ม แต่ให้ตายเถอะท่าทีที่สนิทสนมกันของเจ้าหล่อนกับไอ้หนุ่มนั่นกลับทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง โดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองที่รู้สึกอย่างนั้นมันเหมือนกับหึงหวง
“หึงหวงงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ ทำไมฉันต้องรู้สึกอย่างนั้นกับเธอด้วย ฉันก็แค่อยากได้เธอเหมือนอยากได้ผู้หญิงทั่วไปก็เท่านั้นเอง” เขาหงุดหงิดในใจ
ที่ คุ้มอินจำปา เรือนไทยล้านนาอัน สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ตั้งตระหง่านสง่างามท่ามกลางร่มไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ ในค่ำวันนี้คึกคักด้วยคณะทำงานของทีมจัดงานและคณะของอโนมาที่มาจากโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดัง หนุ่มสาวในงานล้วนแต่งกายสวยงามสดใส เสียงดนตรีขับกล่อมด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมืองเช่น ซอ ซึง พิณเปี๊ยะ และขิม คลอแผ่วเบาเข้ากับบรรยากาศที่เย็นสบายและความเป็นกันเองของเจ้าของเรือน โต๊ะไม้สักแกะสลักลวดลายงดงามใต้ต้นจันทร์กระพ้อ แม่เลี้ยงเกศราและพ่อเลี้ยงอินคำกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานอยู่กับอโนมา แต่ส่วนใหญ่ดูท่าว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายคุย
“ได้ยินว่าน้องอ้อนเป็นคนเหนือ อยู่จังหวัดอะไรคะ”
“อ้อนอยู่เชียงรายค่ะแต่อยู่กรุงเทพเสียนานเพราะเรียนและทำงานที่นั่น”
“อ๋อ อยู่เชียงรายนี่เอง แต่น้องอ้อนคมขำไม่เหมือนสาวเหนือเลยนะคะ นี่หากหน้าไม่หวานตาไม่สวยซึ้งและอู้คำเมืองชัดแจ๋วแม่นทุกคำละก็พี่เกดคิดว่าน้องอ้อนเนี่ยเป็นคนใต้แน่ๆ เลยค่ะ” แม่เลี้ยงเกศราแทนตัวเองว่าพี่เกดและเรียกสาวงามตรงหน้าว่าน้องอย่างถูกชะตา ซึ่งนับว่าน้อยคนที่จะได้รับความสนิทสนมขนาดที่ว่าแม่เลี้ยงแทนตัวเองว่า พี่เกด เพราะโดยปรกติแล้วแม่เลี้ยงเกศราจะแทนตัวว่าแม่เลี้ยงกับคนทั่วไป
“ก็พ่อของอ้อนเป็นคนใต้นี่คะ แต่รักไร้พรมแดนเลยมาติดแหงกอยู่เชียงรายกลายเป็นหนุ่มเหนือผิวเข้ม อ้อนก็เลยเป็นสาวเหนือที่ตัวดำไงคะ”
“ดำที่ไหนกันน้องอ้อนก็พูดไป เขาเรียกว่าผิวสีน้ำผึ้งค่ะน้องอ้อน แหมพูดซะเสียหายเลย ผิวสีนี้ไม่ใช่ใครก็มีได้และมีแล้วสวยนวลเนียนเหมือนน้องอ้อนนะคะ นี่ขนาดพี่เกดยังอยากมีผิวสีนี้เลย พูดก็พูดนะคุณพี่ผิวน้องอ้อนนี่สวยมากๆ เลยนะคะยิ่งมองยิ่งสวยนวลผ่อง”
“นี่น้องเกดจ๊ะดูน้องสาวคนใหม่ของน้องสิเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว อะไรจะชื่นชมจนปิดไม่มิดขนาดนั้นจ๊ะที่รัก”
“แหมคุณพี่ก็ น้องชอบน้องอ้อนจริงๆ นะคะนี่ถ้ามีน้องชายซักคนน้องจะยกให้น้องอ้อนเลยค่ะ ทีนี้นะคะน้องอ้อนก็จะได้เป็นน้องของเราจริงๆ ซะเลย”
“ถามน้องอ้อนสักคำรึยังว่าถ้าเรามีน้องชายจริงๆ แล้วเขาจะรับรึเปล่า และถ้าน้องชายเรามีนิสัยดื้อรั้นอย่างน้องนี่เขาจะรับเป็นแฟนมั้ย”
“คุณพี่นี่ล่ะก็ชอบขัดซะเรื่อยเสียบรรยากาศหมดเลย นี่กะว่าจะจีบลูกสาวน้องอ้อนไว้ให้ลูกชายตัวแสบเราอยู่นะคะเนี่ย” พูดพลางทำท่าวาดฝันสวยงาม
“ลูกชายเราเพิ่งจะสิบเอ็ดขวบนี่นะคิดการณ์ไกลจังทูนหัว”
“อ้าว...ก็น้องอ้อนมีลูกสาวเรามีลูกชายก็ผูกมิตรไว้ซะแต่ตอนนี้ฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อนไงคะ ว่าไงน้องอ้อนตกลงมั้ยคะ เรามาผูกมิตรกันไว้ก่อนนะคะ” ไม่วายฝากความหวังจะได้เกี่ยวดอง
“โธ่พี่เกดก็พูดไปซะไกลอย่างที่พี่อินว่าจริงๆ ล่ะค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอมยิ้มกับภาพความน่ารักตรงหน้าพูดยิ้มๆ กับความเฮี้ยวของผู้ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยงแห่งคุ้มอินจำปา และก่อนที่แม่เลี้ยงเกศราจะเอ่ยปากทักท้วงพ่อเลี้ยงอินคำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นฝั่งที่หันหน้ามาทางบันไดทางขึ้นเรือนก็เอ่ยทักผู้มาใหม่เสียก่อน
“อ้าว ไงอัคคีพี่นึกว่าเราจะไม่มาซะแล้ว มาๆ นั่งด้วยกันตรงนี้” แล้วพ่อเลี้ยงอินคำก็ยืนขึ้นเพื่อต้อนรับผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ ด้วยสายตาหมายมาดอะไรบางอย่างซึ่งมีเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
“สวัสดีครับพี่อิน พี่เกด” อัคคีทำความเคารพสองสามีภรรยาที่เขาให้ความเคารพดุจพี่น้องมาเนิ่นนาน นับแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเพราะว่าทั้งตระกูลของแม่เลี้ยงเกศราและตระกูลของเขานั้น ทำธุรกิจร่วมกันมานานและผูกพันกันมาหลายชั่วอายุคน แต่สิ่งที่ทำให้เขาตรงดิ่งมาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาคุยธุรกิจกับสองสามีภรรยา แต่มันมีสาเหตุมาจากหญิงสาวร่างบางซึ่งนั่งหันหลังให้เขาคนนั้นต่างหากที่ทำให้เขาต้องเอาเวลาที่จะได้พักผ่อนหาความสำราญกับแม่สาวๆ นั้นทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
