เล่ห์ลวง บ่วงหัวใจ

100.0K · จบแล้ว
โยธกา ดรินทร์ น้ำอ้อม
55
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อรักครั้งแรกของเธอ กลายเป็นเพียงแค่สิ่งเดิมพัน ทำให้หัวใจของมัญชุภาแหลกร้าว เธอสาปส่งผู้ชายทุกคน และทุ่มเทชีวิตให้กับงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อต้องมาพบเจอกับตัวการทำลายหัวใจอีกครั้ง แผนการร้าย ทำลายใจของเขาให้ย่อยยับเหมือนกันกับเธอจึงเริ่มต้นขึ้น “เลิกแล้วต่อกัน ?” สักทองทวนประโยคนั้นของหล่อน ก่อนจะหัวเราะหยันๆ ไม่รู้ว่าหยันหล่อนหรือตัวเอง เขากำลังกลายเป็นคนครึ่งคนไปแล้วทุกวัน นั่นก็เพราะหล่อนนั่นแหละ... เพราะมัญชุภา... หาใช่จิรารัตน์ไม่ ! “ใช่ ! ก็เราแลกกันแล้ว” มัญชุภาประกาศ ใบหน้างดงามแดงเรื่อ สักทองลากหล่อนเข้าไปที่มุมอับของเสา เพื่อบังสายตาผู้คน มัญชุภาปลิวตามแรงดึงของเขาทันที แม้จะพยายามขืนตัวไว้ แต่สักทองก็แรงเยอะมาก และเหมือนว่าเขากำลังโมโหมากด้วย “มันไม่มีทางแลกอะไรกับอะไรได้หว้า !” เมื่อเล่ห์ลวง กลับกลายเป็นบ่วงรัก ที่จะผูกมัดเขาไว้และเธอไปตลอดกาล

นิยายรักโรแมนติกนางเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นแก้แค้นแหกหน้าฟินๆรักหวานๆโรแมนติก18+

บทที่ 1

“เอางานไปแก้มาใหม่นะ ป๋อง ให้เสร็จวันนี้ด้วย เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปเสนองานแล้ว”

เสียงใสๆ หากแต่แฝงแววเด็ดขาด ที่ดังขึ้นพร้อมกับสตอรี่บอร์ดถูกยื่นคืนมาให้ตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มตัวเล็กผมฟู ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของเสียงนั้น ถึงกับหน้าซีด

“เอ่อ.. แต่ว่าพี่ลูกหว้าต้องเสร็จ...วะ...วันนี้เลยหรือครับ ตอนนี้มันก็สองทุ่มแล้วนะครับ แล้วเราก็เสนองานช่วงบ่าย ผะ... ผมขอส่งงานตอนเช้าได้ไหมครับ”

ลิ้นคนพูดเริ่มพันกัน เพราะความหวาดเกรงคนตรงหน้า

“พี่จะรอ... มีเวลาทั้งคืนนี่”

หล่อนเงยขึ้นมาจากงานตรงหน้า พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้เขา หน้าตาของหล่อนสวยหวานน่ามอง เริ่มจากหน้ารูปไข่ ผิวขาวอมชมพู คิ้วโก่งเรียว ตากลมโตใสนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งปลายรั้น ปากรูปกระจับสีชมพูเรื่อ ผมดำขลับตัดเป็นทรงบ็อบสั้น ทำให้เจ้าตัวดูเด็กกว่าอายุจริงหลายปี แต่ตอนนี้ ป๋อง หรือ ปานวิทย์ ชักจะไม่อยากมองหน้าหวานๆ ตาดุๆ ที่จ้องมา ชายหนุ่มรีบรับคำ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของ ‘หัวหน้า’ อย่างรวดเร็ว

“เป็นไงบ้างวะ ไอ้ป๋อง”

ตรีทศ เพื่อนร่วมงานของเขารีบเข้ามาถามความคืบหน้า หลังจากที่ปานวิทย์ก้าวออกมาจากห้องของ ‘หัวหน้า’ หรือที่พวกเขาแอบเรียกกันลับหลังว่าห้องเย็น เพราะด้วยสายตาเย็นชาของคนในห้อง และบรรยากาศเยือกเย็นที่เข้าไปแล้วหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก ปานวิทย์ทำหน้าเศร้าๆ พลางก้มลงมองสตอรี่บอร์ดในมือ

“พี่ลูกหว้าให้กลับมาแก้งานใหม่หมดเลย อย่างนี้ข้าจะวาดทันไหมวะเนี่ย”

ปานวิทย์เกาหัว จนผมที่ฟูอยู่แล้ว ยิ่งฟูไปกันใหญ่

“โดนยัยแม่มดหน้าหวานเล่นงานเข้าแล้วล่ะสิ ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะช่วยเอง”

ตรีทศเสนอตัว หากแต่เพื่อนของเขาส่ายหน้า

“ถ้าพี่ลูกหว้ารู้เอาตายเลย เขาให้ข้าทำงานนี้คนเดียวนะโว้ย”

“มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ ไอ้ป๋อง แกก็รีบไปแก้งานสิวะ มาบ่นแล้วจะได้อะไร”

เสียงหวานแต่ถูกดัดให้ห้าวเอ่ยขัดสองหนุ่มขึ้น เมื่อปานวิทย์กับตรีทศหันไปทางต้นเสียง ก็พบกับหญิงสาวหน้าใส ค่อนข้างไปทางหล่อใสแบบหนุ่มเกาหลีมากกว่าน่ารัก ซึ่งเจ้าตัวก็แต่งตัวออกแนวที่บอกไปเลยว่าตัวเองไม่ชอบที่จะเป็นผู้หญิง ผมซอยสั้นทรงทันสมัยแบบที่หนุ่มๆ วัยรุ่นฮิตทำกัน สวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีดำ กางเกงลายทหารสี่ส่วน สองหนุ่มเวลาเดินกับหล่อนก็มักจะเคืองๆ เพราะว่าสาวน้อยสาวใหญ่ มักจะมองตามจนเหลียวหลังเสมอ จนทำให้โมโหที่เกิดมาเป็นผู้ชายเสียเปล่า แต่ดันหน้าตาสู้สาวเจ้าตรงหน้าไม่ได้สักนิด

“แกรอดแล้วล่ะสิ ไอ้แน็ต”

“เออ... รอดแล้ว” แน็ตหรือ รินพรยิ้มเหมือนเย้ยๆ ให้สองหนุ่ม

“งานของข้ารอดแล้ว กลัวแทบหัวใจวายเหมือนกันน่ะแหละ ตอนพี่ลูกหว้ามอง แต่ก็โล้ง ...โล่ง ตอนที่พี่ลูกหว้าบอกว่าผ่านแล้ว”

“ขนาดทอมอย่างแก ยังกลัวแม่มดหน้าหวานนั่นเล้ย” ตรีทศส่ายหน้า รินพรมองเขาตาขวางพลางโวย

“ข้าไม่ใช่ทอมนะ ไอ้ตรี ทอมน่ะเขาใช้กับผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชาย”

“แล้วเอ็งเป็นอะไรวะ ไอ้บ้าแน็ต”

ปานวิทย์หัวเราะก๊าก เลยโดนรินพรเตะเอาป๊าปหนึ่ง

“เป็นผู้ชายโว้ย !” หล่อนเถียงหน้าตาเฉย

“ไอ้บ้า !”

ตรีทศกับปานวิทย์หัวเราะกันก๊าก ๆ สักพักก็ต้องวงแตกเมื่อ ‘แม่มดหน้าหวาน’ ที่ตรีทศแอบเรียกลับหลัง เปิดประตูออกมาดู ว่าทำไมลูกน้องเสียงดังกันนัก ทำให้วงบันเทิงต้องเลิกทันทีอย่างรวดเร็ว

ลูกหว้า หรือ มัญชุภา กลับเข้ามาในห้องทำงาน หล่อนเปิดสมุดบันทึกงานพรุ่งนี้และเริ่มจดรายละเอียดไปเรื่อยๆ ใครจะนึกว่าสาวหน้าใส ตากลมโต หน้าตาน่ารัก ตัวเล็กบอบบาง แบบหล่อนจะก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายได้ ทั้งที่อายุเพิ่ง 27 ปี นั่นก็เป็นเพราะความทุ่มเทและพยายามขนาดหนักของเจ้าตัว ทุกลมหายใจของมัญชุภามีแต่งาน งาน และงาน อาจจะเพราะหล่อนไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่น้อง มีญาติก็เหมือนไม่มี เพราะทุกคนทำเหมือนมัญชุภาไม่มีตัวตน ตั้งแต่พ่อกับแม่ของหล่อน เสียไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ คงไม่มีใครอยากได้หล่อนไปเป็นภาระส่งเสียเลี้ยงดู

มัญชุภาพยายามด้วยตนเองมาตลอดจนเรียนจบ ทำให้หล่อนกลายเป็นคนแข็งแกร่ง ส่วนความเย็นชาที่ได้มานั่นก็เพราะ... อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในจิตใจเมื่อ 5 ปีก่อน เป็นสิ่งที่ทำให้มัญชุภาบ้างานมากขึ้น และไม่สนใจชายหนุ่มหน้าไหน หล่อนตั้งป้อมกำแพงไว้สูงลิบ และขังตัวเองไว้หลังกำแพงนั่น ความเฮี้ยบและเด็ดขาด ทำให้ลูกน้องขนานนามลับหลังหล่อนว่า ‘แม่มดหน้าหวาน’ กันทั้งนั้น

หล่อนเอนหลังกับเก้าอี้ พลางหลับตา ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด แม้จะเหนื่อยบ้างแต่ความสำเร็จที่ได้มา ทำให้หล่อนภูมิใจในตัวเอง มัญชุภาเติบโตมาได้และประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปซมซานหาผู้ชายเลี้ยงหมือนที่ป้าของหล่อนเคยปรามาสไว้ คนอย่างมัญชุภาไม่เคยอยากให้ใครมาเลี้ยงทั้งนั้น หล่อนพักสายตาสักพัก รินพรก็เข้ามาเคาะห้องพร้อมกับบะหมี่ถ้วยควันกรุ่นในมือ

“แน็ตซื้อมาฝากฮะ ไม่เห็นพี่ลูกหว้าออกไปหาทานข้าวเย็นเลย มันดึกแล้วพี่น่าจะหิว”

“ขอบใจมากจ้ะ ยังอยู่กันอีกเหรอเนี่ย”

มัญชุภาเหลือบดูนาฬิกาตรงข้างฝา ที่บอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว รินพรยิ้มให้

“อยู่เป็นเพื่อนไอ้ป๋องมันนะฮะพี่ลูกหว้า มันกำลังเร่งปั่นงานอยู่น่ะฮะ”

“พี่รอได้บอกป๋องว่าไม่ต้องรีบนักหรอก มีเวลาทั้งคืน”

หล่อนว่าเสียงเย็น รินพรเลิกคิ้ว ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ออกจากห้องของมัญชุภา

เกือบๆ จะห้าทุ่ม ปานวิทย์ก็เอางานมาส่งหล่อนอีกรอบ มัญชุภาพยักหน้าว่าผ่าน ทำให้ชายหนุ่มผมฟูเกือบจะร้องไห้โฮออกมาเลยทีเดียว แม้จะขำกับสีหน้าของลูกน้องหนุ่ม แต่มัญชุภาก็แกล้งทำหน้าเคร่งๆ เมื่อคล้อยหลังปานวิทย์แล้ว หล่อนก็แอบหัวเราะกิ๊ก ทีมงานของหล่อนมีสามคนคือ ตรีทศ รินพร และปานวิทย์ ผู้จัดการใหญ่กำลังอยากจะหาคนเพิ่ม เพราะต้องการขยายงานฝ่ายนี้ หล่อนเป็นหัวหน้าแผนกรับทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และงานอีเว้นท์ ต่างๆ สองหนุ่มกับหนึ่งสาว (หรือจะพูดให้ถูกก็คือสามหนุ่ม ) อายุยังน้อยและไฟแรง แต่ละคนก็เกรงๆ มัญชุภากันทั้งนั้น ทำให้คุมกันง่าย สามเพื่อนรักจบมาด้วยกัน แถมมาทำงานพร้อมกับ ความเป็นทีมเวิร์คแทบไม่ต้องพูดถึง หล่อนเริ่มตำแหน่งใหม่ของตัวเองไปได้สวย และได้ลูกน้องดีๆ มาร่วมทำงานด้วย ทำให้หล่อนทำงานอย่างมีความสุขเอามากๆ

มัญชุภาถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน บ้านหล่อนปิดไฟเงียบ บ้านหลังนี้เป็นมรดกอย่างเดียวที่หญิงสาวได้รับจากบิดามารดา หล่อนถอนใจก่อนจะเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนี้ที่หล่อนอยู่ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด และรู้สึกว่ามันเหงาไม่อบอุ่นมาตั้งนานแล้ว มัญชุภาจึงไม่อยากกลับบ้าน อยากทำงานจนเพลีย กลับมาถึงแล้วนอนเลยมากกว่า

วันนี้ก็เป็นเหมือนอย่างเดิม หล่อนเดินตรงขึ้นชั้นบน อาบน้ำและนอน ความเพลียทำให้หลับได้สนิทและไม่ต้องอยู่กับตัวเองมาก ชีวิตของมัญชุภาเป็นแบบนี้ และก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน... ชีวิตที่มีแต่งานที่หล่อนรัก เป็นชีวิตที่หญิงสาวคิดว่าดีที่สุดแล้ว