บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

4

“ก็เอาซิยะ หนอยคนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง แต่แกน่ะเล่นเอาเรื่องร้ายมาเล่าเหมือนเป็นเรื่องสนุก แล้วยังตีสีหน้าท่าทางเหมือนลิงหลอกเจ้าอีก ดูซิถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่มัดหวายใคร้...ใครกันแน่ที่จะโดนลงโทษ ฮึ...” สองแขนเล็กเรียวยกขึ้นกอดอก ดวงตามองเข้าไปในดวงตากลมโตของอีกฝ่าย ถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง

“ว้าย!! ไม่นะจันตี ถ้าตัวเองเอาเรื่องไปฟ้อง มีหวังพี่มัดหวายไม่ให้เค้าไปไหนมาไหนคนเดียวอีกล่ะซิ ทีนี้นะแกก็จะหมดเพื่อนเที่ยวด้วย”

แทนที่คนถูกว่าจะสำนึกว่าเพื่อนเป็นห่วง กลับไถหาเอาประโยชน์เข้าหาตัวเองซะงั้น ทำเอาจันฑีราถึงกับยกมือจับท้องกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง

“แก...แกนี่มันจริงๆ เลยยัยมัดหมี่ แถไปได้ทุกทางซิน่า เอาเถอะเรื่องมันแล้วไปแล้ว ทีหลังก็หัดโทรมาบอกซะมั่งนะ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเป็นห่วงอยู่แบบนี้ นังบ้า...”

“คร้าบ...คุณแม่คนที่สอง น้องหนูมัดหมี่จะจำไว้คร้าบ...จะไม่ยอมให้แบตเตอรี่โทรศัพท์หมดอีกแล้วครับป๋ม” ศีรษะทุยได้รูปขยับแนบชิดบ่ากว้างและถูไถเบาๆ อย่างออดอ้อนและประจบประแจง

“งั้นเข้าไปในงานกันเถอะ ป่านนี้งานคงใกล้เริ่มแล้วมั้ง ได้ยินเสียงนังเก้งกวางวี้ดว้ายมาจากในงานว่าเจ้าชายฟารฮานมาถึงแล้วเหมือนกัน รู้สึกว่าจะพร้อมๆ แกมั้ง”

“เหรอ...ช่างเถอะ เขาจะมาเร็วหรือช้าไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันนี่หว่า? ไม่ได้สนใจเจ้าชงเจ้าชายนั่นสักหน่อย แกก็รู้ว่าฉันสนใจอยู่อย่างเดียวคือจะได้รางวัลหรือเปล่าเท่านั้นเอง สร้อยคอทองคำหนักยี่สิบบาทนั่นไง” ปิยาพัชรพูดตรงๆ แต่ก็รู้อยู่หรอกนะว่าไอ้คนดวงไม่ดีอย่างเธอน่ะหรือจะมีสิทธิ์ได้ สงสัยชาติหน้าตอนบ่ายๆ ละมั้งถึงจะได้

“เอาน่า แกจะเดือดร้อนไปทำไม ถึงไม่ได้ของชิ้นใหญ่ แต่ฉันได้ข่าวใหม่มานะว่าใครที่ไม่ได้รางวัลอะไร ให้เก็บหางบัตรเอาไว้ หลังงานเลิกให้ไปรับรางวัลปลอบใจที่แผนกบุคคลละแก” มือเล็กเรียวเกาะเกี่ยวนิ้วเรียวยาวของเพื่อนรักเดินตามกันเข้าไปในห้องบอลลูมที่จัดงาน

“นายมองดูอะไรครับ” อินซอฟเดินเข้ามาถามเจ้านายหนุ่ม พร้อมมองตามไป แต่ได้เห็นเพียงหลังไวๆ ของสาวน้อยที่ทำให้ฟารฮานติดใจเป็นหนักหนา จนต้องให้รีบสืบหาข้อมูล

“ไม่มีอะไร ว่าแต่นายได้ข้อมูลอะไรหรือยัง” ฟารฮานเอ่ยถามด้วยใจกระชุ่มกระชวย ถ้าคืนนี้เขาได้แม่สาวน้อยนั่นมาอยู่ในอ้อมกอดก็ดีซินะ แต่...คงไม่หรอก เพราะยังไงซะอินซอฟจะต้องเช็กข้อมูลทุกอย่างให้มั่นใจเสียก่อน ไม่ใช่คนที่จ้องจะทำร้ายเขาและพี่ชาย เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงหายนะมาเยือนพร้อมความตาย!

“ยังเลยครับ ผมต้องขอโทษนายด้วย” ร่างหนาใหญ่ค้อมตัวลงด้วยรู้สึกผิด

“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่านายเองก็ทำงานหนัก อีกทั้งคืนนี้ก็มีเรื่องให้เราต้องคอยกังวลใจมากพออยู่แล้ว นายจะมีเวลาไปสืบหาข้อมูลให้ฉันได้ไงกัน” มือใหญ่ตบบนบ่ากว้างของลูกน้องคนสนิท อินซอฟเป็นทั้งเพื่อนรักและลูกน้องคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะต้องมีชายคนนี้คอยตามระวังหลังให้ตลอดเวลา จนไม่ต้องกลัวภัยอันตรายใดๆ

“ในงานเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า” ฟารฮานเอ่ยถามสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนพี่ชายถูกลอบโจมตี ดีว่าจับตัวคนร้ายได้หนึ่งคน ถึงไอ้เจ้านั่นจะปากแข็ง ไม่ยอมซัดทอดถึงผู้บงการใหญ่ แต่ก็ได้กล่าวคำอาฆาตมาดร้ายว่าให้ระวังตัวให้ดี...เราจะกำจัดทั้งแกและน้องให้ได้ ที่ทำให้พี่ชายไม่อยากให้เขามาร่วมงานในวันนี้

“เรียบร้อยดีครับนาย ตั้งแต่องค์ประมุขนาสเซอร์ส่งข่าวมา ผมก็ให้ลูกน้องคอยจับตาดูว่ามีใครมีพฤติกรรมน่าสงสัยบ้างหรือเปล่า และยังคอยตรวจสอบคนที่เข้ามาร่วมงานลับๆ ด้วยครับ” อินซอฟรายงานอย่างละเอียด แต่แม้จะป้องกันไว้อย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ควรตกอยู่ในความประมาท เพราะพวกคนร้ายที่จ้องทำร้ายเจ้าชายฟารฮานและองค์ประมุขนาสเซอร์ดูจะมีพิษสงรอบตัวและกล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดส่งระเบิดปลอมมาวางหน้าประตูบ้านเพื่อเป็นการขู่ขวัญ

“ดีแล้ว บอกคนของเราให้ระวังตัวด้วย เพราะศัตรูอยู่ในที่มืดและเราอยู่ในที่สว่าง การที่จะทำอะไรย่อมต้องมีความระมัดระวังหลายเท่านัก แล้วฉันก็ไม่อยากให้พวกมันหัวเราะเยาะลับหลัง ว่าเจ้าชายฟารฮานน้องชายองค์ประมุขนาสเซอร์ อัสสิยามีย์ ยา อูซาหมัด แห่งแคว้นซัลจาร์บาเมียขลาดเขลา จนต้องยกเลิกกำหนดการ”

“ครับ” ชายร่างสูงใหญ่โค้งคำนับเป็นการรับคำสั่ง พร้อมเดินเคียงข้างเจ้าชายฟารฮานเข้าไปในงาน แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสาวสองนางที่กำลังยืนหัวเราะคิกคัก มือก็ตักเอาอาหารใส่จาน เพราะจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือแม่สาวที่เจ้าชายฟารฮานให้สืบหาข้อมูล

ความคิดหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากจอมโจรอันใหญ่ยิ้มอย่างมาดหมาย ดวงตาพราวระยับ จะว่าไปเขาก็ร้างหญิงข้างกายมานานพอสมควรแล้วเหมือนกัน นับตั้งแต่ย้ายตัวเองมาพำนักอยู่ที่ประเทศไทย ถึงตอนนี้ก็สองปีกว่าแล้วนี่นา ถ้าหากภายในไม่กี่วันนี้จะได้สาวไทยสักคนมาเคียงข้างกายก็คงจะดีไม่น้อย คิดได้ดังนั้นเรือนกายหนุ่มก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างประหลาด

“มีอะไรหรือเปล่าอินซอฟ” ฟารฮานเองแม้จะมองไปยังสาวน้อยที่เขาให้การช่วยเหลือเมื่อครู่ แต่ตาก็ยังไวพอที่จะเห็นพฤติกรรมของเพื่อนสนิท รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากด้านหนึ่ง จะว่าไปตอนนี้อินซอฟเองก็อายุหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่มีหญิงเคียงข้างกายเลยนี่นา คงจะเป็นเพราะเอาตัวและใจผูกติดไว้กับเขา ถ้าเพื่อนรักจะมีคนรู้ใจสักคนก็ไม่เลวเหมือนกัน

“สนใจแม่สาวนั่นหรือไงอินซอฟ ระวังหน่อยล่ะ แม่สาวนั่นท่าทางดุไม่ใช่น้อยเลยน่ะ ถ้านายคิดจะพามานอนเคียงข้างกายละก็...ระวังให้เยอะหน่อยนะเพื่อน กลัวจะต้องตื่นเอาตอนกลางดึก” ฟารฮานพูดน้ำเสียงยิ้มๆ และเกือบจะเดินไปหาปิยาพัชรแล้ว แต่นึกขึ้นมาได้ ถ้าเปิดเผยตัวในตอนนี้อาจไม่เป็นการดีกับตัวเองสักเท่าไหร่ หากคาดผิดไป แม่สาวน้อยนามมัดหมี่เป็นเหมือนกับหญิงคนอื่นๆ ที่เห็นแก่เงิน เขาก็จะเสียอารมณ์เปล่าๆ

“ได้เวลากล่าวเปิดงานหรือยังอินซอฟ คนที่เราเชิญมาเป็นประธานมาถึงหรือยัง”

“ยังอีกไม่กี่นาทีครับ”

“อืม...” แม้ปากจะตอบอินซอฟไป แต่ตากลับมองตามร่างบอบบางที่ตอนนี้วางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้วก้มกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับแม่สาวชุดเหลืองทองที่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปทางด้านประตูด้านข้างของห้อง

“นายอยู่นี่แป๊บนะอินซอฟ หรือถ้าให้ดีก็ลองไปตีสนิทกับแม่สาวชุดเหลืองทองนั่นก็ได้นะ เผื่อได้อะไรดีๆ กลับมาบ้าง”

“แต่นายครับ...”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก” มือใหญ่ตบลงบนบ่ากว้างแรงๆ และรีบเดินตามร่างบอบบางไปอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับมัดหมี่ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” ฟารฮานเอ่ยทักใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตากวาดมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางแสงไฟเรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนนี้แม่สาวมัดหมี่กลับมีหน้ากากสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับด้วยเกร็ดเพชรปกปิดใบหน้าอยู่ ทำให้มองเห็นไม่ชัด

“คะ...คุณทักมัดหมี่หรือคะ แล้วเอ่อ...ไม่ทราบว่า เรารู้จักกันหรือคะ?” ปิยาพัชรถามตรงๆ เพราะชายหนุ่มตรงหน้าก็ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากสีดำสนิท ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากดูน่ากลัวด้วยเหมือนกับซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ ทั้งแข็งกร้าวและเรียกร้องแปลกๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel