บทที่ 6
เช้าวันนั้นดลยากลับได้ยินสิ่งที่ไม่ค่อยอยากได้ยินเท่าไหร่ รณรุตนอนคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนว่าจะตัดสินใจยังไงกับโปรเจ็คต์ที่อิตาลีจนได้คำตอบ ส่วนคนฟังอย่างดลยาถึงกับวางช้อนที่กำลังตักข้าวต้มลงทันที
“พี่อาจต้องเลื่อนโปรเจ็คต์ที่อิตาลีออกไป”
“ทำไมล่ะคะ” ภรรยาสาวคิ้วขมวดเอ่ยถาม เพราะถ้าเลื่อนก็เสียโอกาสทางธุรกิจเปล่าๆ
“อยากรอให้เอมคลอดลูกก่อน ค่อยเริ่มโปรเจ็คต์”
“ทำไมต้องเลื่อน ในเมื่อพี่รุตมีคนทำแทนอยู่ทั้งคน” ดลยาตัดสินใจเลือกคนที่ว่านั่นทันทีที่เห็นสามีลังเล เพราะคิดว่ารุ้งไพลินเหมาะกับงานนี้ ส่วนรณรุตกลับสงสัยว่าคนที่ดลยาเอ่ยถึงคือใคร
“ใคร?”
“ก็น้องรุ้งยังไงล่ะคะ ให้น้องรุ้งไปอิตาลีแทนก็สิ้นเรื่อง น้องรุ้งเก่ง แถมยังโสดไปไหนมาไหนคล่องตัวจะตายไป” ข้อเสนอของดลยานั้นรณรุตก็เห็นด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังแย้ง
“แต่รุ้งยังขาดประสบการณ์ แถมงานนี้ก็ใหญ่มากด้วย” ถึงจะอยากให้รุ้งไพลินไปแทนตัวเอง แต่งานนี้น้องสาวเขายังขาดประสบการณ์อยู่มาก ถ้าจะให้ไปจริงๆ คงต้องส่งมือขวาเขาไปตามประกบ ซึ่งเรื่องนี้คิดเหมือนกับดลยาไม่มีผิด
“ก็ถือเป็นเรื่องดียังไงล่ะคะ น้องรุ้งจะได้ไปเรียนรู้งานไปในตัวด้วย อีกอย่างพี่รุตก็ส่งคนเก่งๆ ไปประกบน้องรุ้งสักคน คุณวินัยก็ได้ เป็นมือขวาพี่รุตไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง” รณรุตเอ่ยเห็นด้วย แม้ดลยาจะไม่ได้เป็นผู้บริหาร แต่ภรรยาเขาคือเพื่อนคู่คิด
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ ให้น้องรุ้งไปแทนพี่รุต”
“แต่พี่ต้องถามความสมัครใจของรุ้งด้วยว่าจะไปไหม”
“ได้สิคะ งั้นวันนี้เอมขอเข้าบริษัทด้วย จะไปช่วยพูดน่ะค่ะ” ดลยามัดมือชกสามีไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะวันนี้อยากไปคุยกับรุ้งไพลินเหมือนกัน เพราะขืนให้สามีเธอคุยคนเดียวมีหวังล่มไม่เป็นท่าแน่ รายนี้ยิ่งใจอ่อนกับน้องอยู่ด้วย
สองสามีเข้าบริษัทพร้อมกัน ก่อนที่รณรุตจะเรียกรุ้งไพลินเข้ามาพบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงก็พบว่าในห้องไม่ได้มีเพียงพี่ชายเธอคนเดียว กลับมีพี่สะใภ้นั่งอยู่ด้วย หญิงสาวหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ขณะรอฟังว่าพี่ชายเรียกเธอมาพบด้วยเรื่องอะไร แต่ก่อนจะเข้าเรื่องรณรุตก็ถามถึงงานของน้องสาวเสียก่อน
“ช่วงนี้งานที่ปากช่องโอเคไหมรุ้ง ติดขัดอะไรอยู่หรือเปล่า”
“ไม่นี่คะ ทุกอย่างโอเคดี”
“อย่างนั้นเหรอ”
“แล้วนี่พี่รุตเรียกให้รุ้งมาหา มีอะไรหรือเปล่าคะ” ท่าทางของรณรุตบอกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ติดที่พี่ชายเธอยังไม่ยอมพูดสักที
“คือพี่...” พอถึงเวลาจริงๆ รณรุตก็ออกอาการอึกอักที่จะพูดกับรุ้งไพลินเรื่องที่จะให้น้องสาวไปอิตาลีแทนตนเอง ดลยานั้นชักสีหน้ามองสามีที่มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่พูดสักทีจนเธอหมดความอดทนต้องเอ่ยขึ้นเอง
“พี่รุตอยากให้น้องรุ้งไปดูงานที่อิตาลีแทนน่ะจ้ะ แต่เกรงใจพูดไม่ออก” คนที่พูดไม่ออกคือรุ้งไพลินมากกว่า เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนี้
“รุ้งเหรอคะ” รุ้งไพลินชี้นิ้วมายังตัวเอง
“ใช่...พี่มีความจำเป็นต้องให้รุ้งไปแทน รุ้งคงไม่ว่าใช่ไหม”
“คือ...” คนฟังพูดไม่ออกที่อยู่ๆ ต้องเป็นคนรับผิดชอบงานใหญ่แบบนี้แทน เพราะตั้งแต่เริ่มแรกรณรุตรับผิดชอบเองไม่ใช่เหรอ มีแผนจะไปดูงานที่อิตาลีด้วย แต่นั่นทำให้รุ้งไพลินถึงบางอ้อ มิน่าล่ะ...วันนี้ดลยาถึงเข้าบริษัทด้วย
“ถือซะว่าน้องรุ้งเห็นใจคนกำลังท้องกำลังไส้อย่างพี่ ช่วยไปดูงานที่อิตาลีแทนพี่รุตจะได้ไหมคะ เพราะพี่เองก็ท้องแก่ขึ้นทุกวัน ใกล้คลอดเต็มที ไม่อยากให้พี่รุตไปไกลตา” นั่นไง... รุ้งไพลินคิดแล้วไม่มีผิด ในที่สุดดลยาก็เอ่ยขึ้นจนได้
“เอาจริงๆ พี่ก็ห่วงเอมนะรุ้ง กลัวเขาจะเป็นอะไรตอนที่พี่ไม่อยู่”
“ใช่ค่ะ เพราะถ้าพี่รุตไป พี่ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว เกิดตกบันได ลื่นในห้องน้ำ หรือคลอดก่อนกำหนดขึ้นมา พี่...” ดลยาแกล้งทำเป็นพูดไม่ออก สีหน้าเธอดูกังวลมาก
“พี่เองก็อยากเลื่อนโปรเจ็คต์นี้ออกไป” ยังไม่ทันที่สามีจะได้เอ่ยจบประโยค ดลยาก็แทรกขึ้น
“แต่ทางอิตาลีเริ่มงานไปแล้ว หรือถ้าน้องรุ้งไม่สะดวกใจที่จะไป พี่เองก็จะยอมให้พี่รุตไปทำงานนี้ พี่จะอยู่ด้วยความอดทน” ดลยาไม่วายแขวะรุ้งไพลิน
“ได้ค่ะ รุ้งไปแทนพี่รุตก็ได้” พูดจบรุ้งไพลินก็ลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ เกิดอาการน้ำท่วมปาก เพราะพี่ชายเองก็เออออไปกับพี่สะใภ้ด้วย เป็นแบบนี้แล้วจะให้เธอปฏิเสธได้ยังไงกัน
“จริงเหรอคะน้องรุ้ง ขอบคุณมากนะคะ” ดลยาเดินเข้ามากุมมือของรุ้งไพลินไว้พร้อมกับรั้งตัวเข้ามากอดอย่างขอบคุณ
“พี่ไม่ได้บังคับรุ้งนะ ถ้าไม่อยากไปก็บอกพี่ได้”
“รุ้งเต็มใจค่ะพี่รุต” รุ้งไพลินผละออกจากอ้อมกอดของพี่สะใภ้แล้วเอ่ยรับ เพราะถ้ารณรุตได้พูดแบบนี้ออกมาแสดงว่าไปไม่ได้จริงๆ เหตุผลก็คงมาจากคนที่กอดเธอเมื่อครู่ เล่นแช่งตัวเองกลายๆ ว่าถ้าพี่ชายเธอไม่อยู่ อาจตกบันได ลื่นในห้องน้ำ หรือคลอดก่อนกำหนดขึ้นมาซะอย่างนั้น ใครจะมีกะจิตกะใจไปไหนไกลๆ ได้
“ขอบใจนะรุ้ง” สองพี่น้องส่งยิ้มให้กัน
“ค่ะ” สำหรับรุ้งไพลินการไปอิตาลีก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายนัก แต่ที่กังวลคือเธอจะทำได้ไหมต่างหาก เพราะนี่คือการไปดูงานต่างประเทศของเธอครั้งแรก
“เดี๋ยวพี่ให้คุณวินัยไปด้วย รายนั้นเก่งไว้ใจได้” พอได้ยินชื่อวินัยจาก รณรุต รุ้งไพลินก็โล่งอกขึ้นมาเปลาะหนึ่ง เพราะวินัยคือมือขวาของพี่ชายเธอ
“น้องรุ้งไปทำงานต่างประเทศแบบนี้ต้องได้ความรู้กลับมาเยอะแน่ๆ จริงไหมคะรุต”
“เดี๋ยวพี่ให้เลขาส่งแฟ้มงานที่นั่นให้รุ้ง จะได้อ่านเตรียมตัวไว้ก่อน เพราะอีกไม่กี่วันต้องเดินทางแล้ว” เมื่อรู้ว่ารุ้งไพลินเต็มใจไปทำงานแทนตนแบบนี้ รณรุตก็หายกังวลไปได้มาก
“ค่ะ”
“ถ้าอยากอยู่เที่ยวต่อที่นั่น พี่อนุญาตนะ ถือซะว่าเป็นโบนัส”
“ขอบคุณค่ะ ไว้รุ้งจะคิดดูอีกที” รุ้งไพลินคิดอยู่แล้ว คิดแนวน้อยใจเสียด้วย ในเมื่อทั้งคู่อยากให้เธอไป รุ้งไพลินก็ตัดสินใจไปแบบไม่ลังเล หนึ่งเพราะประชด สองก็คือต้องการทำให้รณรุตเห็นว่าเธอเองก็สามารถทำงานนี้ได้ และถ้าทุกอย่างลงตัว ไม่แน่เธออาจย้ายไปอยู่ที่อิตาลีถาวรเลยก็ได้ นั่นคือความคิดลอยๆ ที่เกิดขึ้นชั่ววูบขณะนั้น แต่หนึ่งคนที่ค้านเสียงแข็งคือเพื่อนสนิทของ รุ้งไพลินที่ชื่อภัสสร
“หา...นี่แกต้องไปอิตาลีแทนพี่รุตเหรอ” เสียงร้องหาของภัสสรดังลั่นร้านอาหารที่เธอแวะมาทานอาหารเที่ยงกับรุ้งไพลิน ชนิดไม่สนใจใครทั้งนั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนสนิทเอ่ยออกมา
“อื้อ”
“ทำไมล่ะ ก็ไหนบอกโปรเจ็คต์นี้พี่แกรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ” ความสงสัยเกิดขึ้นทันที เพราะเคยได้ยินรุ้งไพลินเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
“เพื่อเมีย”
“เฮ้ย! จริงจัง”
“มาก...ถือซะว่าน้องรุ้งเห็นใจคนกำลังท้องกำลังไส้อย่างพี่ ช่วยไปดูงานที่อิตาลีแทนพี่รุตจะได้ไหมคะ เพราะพี่เองก็ท้องแก่ขึ้นทุกวัน ใกล้คลอดเต็มที ไม่อยากให้พี่รุตไปไกลตา เพราะถ้าพี่รุตไป พี่ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว เกิดตกบันได ลื่นในห้องน้ำ หรือคลอดก่อนกำหนดขึ้นมา สารพัดแบบนี้แกจะทนปฏิเสธได้ไหมล่ะ” รุ้งไพลินหยิบยกคำพูดของดลยามาเอ่ยให้ภัสสรฟังชนิดไม่ตกหล่น ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงถอนหายใจออกมาหนักๆ เป็นแบบนี้พี่ชายเธอไม่ทำเพื่อเมียอย่างที่พูดแล้วจะเพื่ออะไร
