บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

บนโต๊ะอาหารเช้าของครอบครัวรัตนาชัย ที่เช้านี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา รณรุตทราบเรื่องที่รุ้งไพลินจะย้ายออกไปอยู่คอนโดมิเนียม จากภรรยาเมื่อคืนแล้ว รวมถึงทราบเหตุผลร้อยแปดพันประการที่น้องสาวฝากบอก ซึ่งแท้จริงต่างเป็นเหตุผลที่ดลยายกเมฆมาพูดเพื่อให้สามีเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ รุ้งไพลินในครั้งนี้ทั้งนั้น

“ตกลงรุ้งจะย้ายออกไปอยู่คอนโด”

“ค่ะ”

“ทำไม” แม้จะรู้เหตุผล แต่รณรุตก็อดไม่ได้ที่จะถามว่าทำไม

“สะดวกน่ะค่ะ อีกอย่างรุ้งอยากอยู่คนเดียวด้วย โรคติสต์น่ะพี่รุต” รุ้งไพลินไม่รู้จะหยิบยกเอาเหตุผลไหนมาเอ่ยดี เพราะการที่เช้านี้พี่ชายไม่เอะอะโวยวายที่รู้ว่าเธอจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกนั่นคงเพราะพี่สะใภ้เธอพูดให้หมดแล้วเป็นแน่ ถ้าพูดต่างออกไปเดี๋ยวจะมีประเด็นให้สงสัยอีก

“ติสต์มากก็เลยซื้อคอนโดอยู่คนเดียว”

“ค่ะ พี่รุตไม่ค้านใช่ไหม” ถึงจะค้านรุ้งไพลินก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจอยู่ดี ซึ่งรณรุตมีหรือจะไม่รู้นิสัยหัวรั้น ถ้าได้ตัดสินใจอะไรก็ยากจะเปลี่ยนข้อนี้ของน้องสาวที่เลี้ยงมากับมือก็ว่าได้

“ค้านแล้วรุ้งจะเชื่อพี่หรือไง”

“น้องรุ้งเป็นสาวโสด คงต้องการความเป็นส่วนตัว จะว่าไปอีกหน่อยบ้านนี้ก็มีเสียงเด็กร้องไห้งอแงทั้งวันแน่ แบบนั้นน้องรุ้งจะปวดหัวเปล่าๆ” ดลยาเอ่ยเสริม เพราะรู้จากรณรุตว่ารุ้งไพลินนั้นไม่ค่อยชอบเด็ก เธอเองก็หวงลูกแม้จะยังไม่เกิด จนไม่อยากให้รุ้งไพลินเข้าใกล้ด้วยซ้ำ เพราะกลัวน้องสามีจะแอบทำร้ายลูกเธอ

“ใช่ค่ะ รุ้งไม่ปลื้มเด็ก” รุ้งไพลินเอ่ยรับทันที แต่เธอก็ไม่ได้ไม่ชอบเด็กไปเสียทุกคน เพียงแค่ไม่ชอบเด็กดื้อรั้น พาลไม่ชอบพ่อแม่ที่ปรามลูกไม่ได้ด้วย ที่ตามใจหนักจนเด็กเสียคน

“แต่นี่หลานแท้ๆ นะ ยังจะไม่ชอบอีกเหรอ” เสียงสูงๆ ของรณรุตเอ่ยถามผู้เป็นน้อง

“รักค่ะ แต่ถ้ารุ้งเผลอทำหน้าโหดใส่หลานขึ้นมาล่ะคะ จะทำไง”

“โอเคๆ พี่ยอมแล้ว” รณรุตส่ายหน้าให้น้องสาว “เห็นเอมบอกพี่ว่ารุ้งจะย้ายเข้าอยู่วันนี้เลยใช่ไหม”

“ค่ะ รุ้งจะแวะเอาของไปเก็บแล้วถึงจะเข้าบริษัท”

“อืมม์...วันนี้เรามีประชุมสำคัญ อย่าลืมซะล่ะ” ผู้บริหารหนุ่มเอ่ยกำชับกับน้องสาว เพราะประชุมครั้งนี้สำคัญจริงๆ

“ค่ะ งั้นรุ้งไปก่อนนะคะ เดี๋ยวรถจะติด”

“ไว้เจอกันที่บริษัท” เมื่อรุ้งไพลินเดินออกไปแล้ว ดลยาก็เอ่ยถามสามีขึ้นทันที

“ประชุมสำคัญอะไรคะรุต”

“เรื่องขายธุรกิจไปอิตาลีน่ะครับ” รณรุตหันมาตอบภรรยา ก่อนจะยื่นมือไปลูบท้องนูนๆ ของดลยา อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะได้เห็นหน้าลูกแล้ว เมื่อทานข้าวเช้าอิ่มรณรุตก็ออกไปทำงานและไม่ลืมกำชับให้ดลยาดูแลตัวเองดีๆ ก่อนจะจูบก่อนออกไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน เขาทำแบบนี้ตั้งแต่แต่งงาน วันไหนที่ลืมจูบก็พาลหงุดหงิด ลูกน้องเข้าหน้าไม่ติดสักคน

รุ้งไพลินนำของใช้เข้าไปเก็บในคอนโดมิเนียม ก่อนจะเลยไปทำงานที่วันนี้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร เมื่อมาถึงกาแฟยังไม่ทันหายร้อนก็ต้องเข้าประชุมแล้ว หัวข้อการประชุมคือโปรเจ็คต์การขายงานด้านโรงแรมและร้านอาหารไปยังอิตาลี เนื่องจากมีหุ้นส่วนที่สนิทสนมชาวอิตาลีชวนไปเปิดธุรกิจที่นั่น รวมถึงมีหุ้นส่วนอีกคนที่สนใจร่วมทุนด้วยและรณรุตเองก็เห็นลู่ทางในการทำธุรกิจว่าจะเติบโตได้ดีไม่แพ้ประเทศที่ผ่านๆ มา ทั้งหมดลงมติที่ประชุมอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะร่วมลงทุนในครั้งนี้ด้วย

ความที่เป็นผู้บริหารนั่นทำให้รณรุตมีแผนจะต้องเดินทางไปอิตาลีกับหุ้นส่วน เพื่อดูสถานที่จริงจะได้ประเมินงบลงทุน รวมถึงสำรวจกลุ่มเป้าหมายให้แน่ชัดว่าชอบรสชาติอาหารไทยแบบไหนบ้าง เขาจะได้สั่งการพ่อครัวแม่ครัวให้เตรียมรสมือไว้ รณรุตตัดสินใจว่าจะไปดูงานครั้งนี้เอง แต่เมื่อปรึกษากับภรรยา ดลยากลับค้านเสียงแข็งไม่ยอมให้สามีไปอย่างเด็ดขาด

“ทำไมพี่รุตต้องบินไปอิตาลีเองด้วย”

“ก็พี่เป็นผู้บริหาร ต้องไปเองสิครับถึงจะถูก” รณรุตหยิบยกเหตุผลสำคัญขึ้นมาเอ่ย เพราะทุกครั้งที่จะมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เขาต้องไปดูเองเสมอ

“ให้หัวหน้าโปรเจ็คต์ไปก็ได้นี่คะ พี่รุตไม่ต้องไปหรอก” ดลยาไม่อยากให้สามีไปไกลตาจริงๆ เพราะเธอนั้นห่วงและหวงรณรุตมาก

“คงไม่ได้ ถึงจะมีหัวหน้าโปรเจ็คต์ไปแต่พี่ก็ต้องไป”

“พี่รุต” ขณะเอ่ยชื่อสามี ดลยาก็เหมือนจะร้องไห้ที่รณรุตไม่ยอมทำตามที่เธอขอ เขายังคงยืนกรานว่าจะไปทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอท้องอยู่ ส่วนสามีก็พยายามพูดให้ภรรยาเข้าใจ

“นั่นคืองานนะครับเอม อีกอย่างพี่ไปไม่นาน”

“ตั้งสองอาทิตย์ไม่นานได้ยังไงคะ อีกอย่างเอมก็ใกล้คลอดแล้วด้วย”

“อย่าเอาแต่ใจสิครับเอม ลูกเราอีกสามเดือนนะครับถึงจะคลอด พี่กลับมาทันอยู่แล้ว”

“ถ้างานยืดเยื้อพี่รุตก็ต้องอยู่ต่อเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดกลับ” ดลยาเอ่ย เพราะรู้ว่างานรณรุตนั้นเป็นแบบนั้น บอกไปดูงานบางครั้งก็เกินกำหนดกลับ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกันเธอยอมรอได้ แต่ตอนนี้แต่งงานกันแล้ว ที่สำคัญเธอกำลังท้อง อยากให้สามีอยู่ใกล้ๆ จึงยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว

“ไม่รู้ล่ะ เอมไม่ยอมให้พี่รุตไป ยังไงก็ไม่ยอม”

“เอม” รณรุตเริ่มเครียดที่คุยกับดลยาไม่ลงตัวแบบนี้ ภรรยาสาวจึงยกแม่น้ำทั้งห้ามาพูด แม้จะแช่งตัวเองก็ยอมทำ

“ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นตอนที่รุตไม่อยู่ข้างๆ เอม เช่น เอมคลอดก่อนกำหนด เอมเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วตอนอยู่คนเดียวแบบนั้นแล้วเอมจะทำยังไง เอมกับลูกคงต้อง...” แม้ประโยคต่อไปคือคำว่าตาย แต่ดลยาก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยออกมา ถึงอย่างนั้นรณรุตก็เข้าใจดี

“เอม...ทำไมถึงพูดแบบนั้น” สีหน้าของชายหนุ่มไม่สู้ดีนัก เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่เมื่อดลยาเอ่ยมานั่นทำให้รณรุตอดคิดไม่ได้ เพราะตอนนี้รุ้งไพลินเองก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดมิเนียม และยังรับผิดชอบงานร้านอาหารแห่งใหม่ที่ปากช่องต้องไปค้างที่นั่นด้วย

“ก็เอมกลัวนี่คะ นะพี่รุต อย่าไปเลย ให้คนอื่นไปแทนนะ” เมื่อเห็นว่าสามียังนิ่งเงียบ ดลยาจึงหยิบไม้ตายมาพูด

“พี่รุตไม่รักเอม ไม่รักลูกแล้วใช่ไหม เอมกับลูกไม่สำคัญสำหรับพี่แล้ว” ขณะพูดดลยาก็บีบน้ำตาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เดินมาทิ้งตัวบนที่นอน และเข้าแผนเมื่อรณรุตเห็นก็รีบตามมาปลอบทันที

“ไม่ใช่แบบนั้น อย่าร้องไห้สิครับ คนดีของพี่”

“ถ้าพี่รุตรักเอม อย่าไปอิตาลีเลยนะคะ...นะ” ดลยาโผเข้ากอดสามีไว้แน่น ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่ยอมให้รณรุตไปอิตาลีเป็นอันขาด ยิ่งคิดก็ยิ่งร้องไห้ทำเอาคนแพ้น้ำตาอย่างรณรุตใจอ่อนยวบทันที

“ครับๆ พี่ไม่ไปแล้ว หยุดร้องไห้นะ”

“เอมรักพี่รุตที่สุด” แม้จะยังไม่รู้ว่าใครต้องไปแทนสามี แต่ได้ยินว่ารณรุตไม่ไปแล้วแบบนี้ดลยาก็ใจชื้นขึ้นมา ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของสามีพร้อมเอ่ยคำว่ารักแสนหวานให้ได้ยิน รณรุตใช้มือปาดเช็ดน้ำตาให้ภรรยา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel