ตอนที่5 เบามือหน่อย
ชั่วโมงต่อมา
“ให้มันเบามือหน่อยนะคะพี่เบน”
น้ำใส หมอสาวที่ประจำอยู่ที่คลินิกของบ้านตัวเอง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเบนจามิน สนิทกันเหมือนพี่เหมือนน้องแท้ๆเพราะเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ
หลังจากได้ตรวจดูอาการหญิงสาวเธอถึงกับต้องหน้าหงิกหน้างอใส่คนเป็นพี่ชายที่ดูจะรุนแรงเกินเหตุเกินเรื่องไป แต่เธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่ชายเธอดูจะห่วงผู้หญิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงเป็นพิเศษ เท่าที่เธอเคยรู้มาพี่ชายเธอไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่
“อืม...รู้แล้วน่า”
เบนจามินทำหน้าเซ็ง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเป็นหนักขนาดนี้เสียหน่อย แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
“นี่ยาค่ะ เธอตื่นก็ให้เธอทานด้วย น้ำเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอแล้ว”
น้ำใสยื่นซองยาให้คนเป็นพี่ชายจากนั้นจึงเตรียมตัวกลับทันที เพราะใกล้จะได้เวลาที่เธอจะต้องไปตรวจที่คลินิกแล้ว
โรงพยาบาล
“นี่คุณ จะไปหาน้องฉันเมื่อไหร่”
หลังจากที่หมอหนุ่มตรวจอาการของแม่เธอเสร็จต้นหลิวก็ถือโอกาสนี้ถามชายหนุ่มทันทีว่าเขานั้นจะไปหาผู้ชายคนเมื่อคืนเพื่อเจรจาเรื่องน้องเธอตอนไหน
“ผมต้องออกเวรก่อน คงจะเป็นช่วงเย็น”
“ฉันไปด้วยได้ไหม”
ต้นหลิวอยากจะไปดูสถานการณ์กับหมอหนุ่มด้วย เพราะเธออยากพาน้องสาวเธอกลับมาจะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ต้นรักจะเป็นยังไงบ้าง ถ้าคิดไม่ผิดคงจะร้องให้ฟูมฟายเป็นแน่เพราะน้องสาวเธอออกจะขี้กลัวกว่าเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องจะดีกว่า ผมว่าผมคุยเองจะง่ายกว่า คุณรอฟังข่าวจากผมก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อน ต้องไปตรวจคนไข้คนอื่นแล้ว”
คาวีเห็นว่าเรื่องนี้เขาไปจัดการด้วยตัวคนเดียวจะดีกว่าเพราะถ้าหากเบนจามินเห็นเธอหญิงสาวอาจจะไม่ปลอดภัยก็เป็นได้เขาไม่ได้กีดกันเธอ แค่ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักก็เท่านั้นเอง
“เฮ้อ!!”
ต้นหลิวนั่งลงถอนหายใจ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่มาจากฝีมือเธอทั้งหมดยิ่งโมโหตัวเองพลางหันไปมองคนเป็นแม่ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็น้ำตาคลอ หากแม่เธอรู้ว่าเธอไปทำอะไรมาแม่เธอคงจะเสียใจมากๆแน่ หากตอนนั้นเธอคิดให้มากๆกว่านี้เรื่องร้ายๆคงจะไม่เกิดขึ้นกับน้องของเธอ
เพนท์เฮ้าส์
17.00 น.
“จะหลับไปถึงไหนกันนะ”
เบนจามินเดินวนไปมาเข้าออกห้องนอนของเขาอยู่หลายรอบเพื่อดูว่าหญิงสาวตื่นหรือยัง แต่ก็ไม่ยักจะเห็นว่าเธอนั้นตื่นเสียทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าเขานั้นทำไมจะต้องห่วงเธอนักหนายิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดกับตัวเอง
“สวัสดีครับคุณเบน”
คาวีเลิกงานได้เขาก็มุ่งหน้ามาที่เพนท์เฮ้าส์ของเบนจามินทันทีเพื่อที่จะคุยเจรจาเรื่องของต้นรัก เบนจามินนึกไม่ชอบใจหมอหนุ่มที่โผล่มาหาเขาถึงที่นี่เพราะเรื่องผู้หญิงคนเดียว
“ผมหวังว่าหมอคงเข้าใจที่ผมพูด แล้วผมจะให้ต้นรักบอกกับครอบครัวของเธออีกที”
“ครับงั้นผมขอตัว”
และแล้วคนที่ต้องเป็นฝ่ายยอมถอยก็เห็นจะเป็นคาวี เพราะเบนจามินบอกกับหมอหนุ่มไปว่าหญิงสาวเป็นคนยอมอยู่กับเขาเอง หากเรื่องลงเอยเช่นนี้คาวีเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากให้พี่น้องติดต่อกันเอง
“เรื่องค่ารักษาพยาบาลของแม่ต้นรักผมจะเป็นคนออกเองทั้งหมด คุณก็รักษาให้เต็มที่ก็แล้วกันผมรู้ว่าคุณมีฝีมือ”
“ครับ”
คาวีพอจะมองออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากต้นรักยอมที่จะอยู่ที่นี่จริงเขาเองก็ถือว่าเป็นคนนอกที่เป็นตัวกลางในการพูดคุยเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ไปบังคับอะไรใครได้
ร้านกาแฟ
“อะไรนะคะ ต้นรักเนี่ยนะยอมอยู่กับผู้ชายคนนั้น”
ต้นหลิวนัดคุยกับคาวีที่ร้านกาแฟใกล้ๆกับโรงพยาบาลหญิงสาวแทบไม่เชื่อหูตัวเองจากคำพูดของชายหนุ่มที่บอกว่าน้องสาวเธอยอมอยู่กับผู้ชายที่จับตัวไปเมื่อคืน
“อืม นี่มือถือคุณคุณ ลองโทรคุยกับน้องคุณดูสิว่าจริงหรือเปล่า”
คาวีก็พูดกับเธอแบบที่เขาได้ฟังมาจะจริงหรือไม่จริงก็ให้พี่น้องเขาคุยกันเอง พร้อมยื่นมือถือของหญิงสาวที่เบนจามินให้เขามาคืนให้เธอ
“ฉันว่าต้นรักต้องโดนบังคับแน่เลย”
ต้นหลิวไม่เชื่อเด็ดขาดว่ามันจะเป็นไปได้ พร้อมกับกดมือถือต่อสายหาต้นรักด้วยความรวดเร็ว
เพนท์เฮ้าส์
“หลิว”
ต้นรักรับโทรศัพท์โดยที่มีเบนจามินนั่งอยู่ข้างๆคอยจ้องเธอให้คลาดสายตา
“รัก เป็นยังไงบ้าง เรื่องที่รักยอมอยู่กับผู้ชายคนนั้นไม่จริงใช่ไหม”
ต้นหลิวยังเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ยังคงเชื่อว่าต้นรักจะถูกบังคับ หากเป็นเช่นนันยากเย็นยังไงเธอก็จะช่วยน้องออกมาให้ได้
“จริง เค้ายอมอยู่กับคุณเบนเพราะคุณเบนบอกว่าจะออกค่ารักษาแม่เราให้หาย อีกอย่างคุณเบนเค้าก็จะไม่เอาเรื่องหลิวด้วยนะ”
ต้นรักพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด แม้ตอนนี้เธอจะน้ำตาไหลอยู่ก็ตาม
“ทำไมเป็นแบบนั้น รักโดนผู้ชายคนนั้นบังคับใช่ไหมบอกหลิวมานะหลิวจะไปช่วยรักเอง”
ต้นหลิวแทบเป็นบ้าเมื่อได้ยินที่น้องสาวของเธอพูดแบบนั้นเธอไม่เชื่อว่าคนอย่างต้นรักจะยอมอยู่กับผู้ชายที่พึ่งเจอกันแค่คืนเดียวแน่นอน ถึงเขาจะเสนอว่าจะช่วยรักษาแม่ของเธอก็เถอะ
“เปล่าหรอกหลิว คุณเบนเค้าไม่ได้บังคับรักเลย”
ต้นรักยังต้องยืนยันคำเดิมกับคนเป็นพี่สาวเพื่อที่ตอนนี้เรื่องมันจะได้ดีต่อทุกฝ่ายแม้เธอจะไม่เต็มใจ แต่ถ้าหากเธอยอมเสียสละเพียงแค่คนเดียวแล้วทุกอย่างมันดีขึ้นเธอก็จะทำ
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ”
ต้นหลิวต้องตัดใจวางสายจากคนเป็นน้องสาวเธอรู้ว่าน้องเธอไม่เต็มใจ เป็นเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ชีวิตน้องสาวเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้
“อึก...ฮือๆๆๆๆ...ทำไม...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
ต้นหลิวรู้สึกโมโหตัวเองอย่างมากที่ทำอะไรไม่ได้เลย
“นี่คุณ ออกไปจากที่นี่ก่อน”
คาวีรีบดึงตัวหญิงสาวออกไปจากร้านกาแฟและไปนั่งในรถของเขาก่อน เพราะเธอร้องให้ฟูมฟายจนคนทั้งร้านมองกันเป็นตาเดียวเขาเองก็จะพลอยถูกมองไม่ดีไปด้วย
ชายหนุ่มส่ายหัวนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หญิงสาวร้องให้ต่อหน้าของเขา เขาเองก็ปลอบคนไม่เก่งเสียด้วย หากจะใช้วิธีของหมอจะหยุดอาการฟูมฟายแบบนี้ได้เขาก็คิดออกวิธีเดียวก็คือฉีดยานอนหลับ แต่คงจะทำกับเธอไม่ได้จึงต้องปล่อยให้หยุดร้องเอง
