เล่ห์รักภาคิณ

103.0K · จบแล้ว
Ocean Books
42
บท
4.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โปรย ความเข้าใจผิดตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน ทำให้ภาคิณพลาดการเป็นแฟนกับมินตรา สาวเนิร์ดที่เขาแอบหลงรัก แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ เขาจะล่า...และทำทุกอย่างให้เธอมาเป็นแฟนเขาให้ได้ แม้จะต้องทำร้ายจิตใจเธอ...ก็ตาม ตัวละคร ภาคิณ ชายหนุ่มสุดฮอตประจำโรงเรียนที่มีแต่สาวมารุมล้อมเสนอตัวไปเป็นแฟน แต่พวกเธอเหล่านั้นก็ไม่เคยได้เข้ามานั่งในหัวใจของชายหนุ่ม คงเป็นได้เพียงแค่ที่ระบายอารมณชั่วคืนเท่านั้น มินตรา เธอเป็นแค่เด็กเนิร์ด สวมแว่นตลอดเวลาเพราะอยากปกปิดความไม่มั่นใจของตนเองภายใต้เลนส์หนา ๆ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ในมหาวิทยาลัย มินตราได้มาเจอกับภาคิณ อดีตคนที่เคยแอบชอบสมัยมัธยมปลาย เขาคนนั้นสร้างความปั่นป่วนหัวใจให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะชายหนุ่มเอาแต่ควงสาวมามีซัมติงที่ห้องอยู่บ่อย ๆ

นิยายรักโรแมนติกโรงแรม/มหาลัยนักศึกษานิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกรักหวานๆ

ตอนที่ 1 [จุดเริ่มต้น]

"สวัสดีค่ะ นี่คีย์การ์ดของคุณนะคะ”

เสียงพนักงานสาวประจำล็อบบี้ในคอนโดหรูพูดขึ้นพร้อมยื่นคีย์การ์ดมาให้ เมื่อเห็นว่าฉันยิ้มตอบและเอื้อมมือไปรับคีย์การ์ดสีดำเงามาถือไว้แล้ว เธอก็ผายมือไปที่ลิฟต์ทางขวามือพร้อมพูดต่อ

“ห้อง 0516 ชั้นห้านะคะ มีอะไรสามารถติดต่อสอบถามที่เคาน์เตอร์นี้ได้ตลอดเวลาค่ะ ประตูลิฟต์อยู่ทางด้านนั้น" 

"ขอบคุณค่ะ" ฉันกล่าวทิ้งท้ายและรีบลากกระเป๋าใบโตพร้อมกับถือกล่องสี่เหลี่ยมในมือเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที

ระหว่างรอลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นจนถึงชั้นห้า ฉันก็ชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการเข้าพักในคอนโดวันแรก

ฉันเป็นเด็กสาววัย 21 ปีที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยเต็มตัว หลังจากสอบติดคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาการถ่ายภาพ ฉันก็มีข้ออ้างที่จะย้ายออกจากบ้านของตัวเองซึ่งอยู่นอกเมืองมาเช่าหอพักที่อยู่ใกล้มหาลัยวิทยาลัย ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะฉันเบื่อหน่ายภรรยาใหม่ของคุณพ่อเต็มทน

จะว่าไปแล้วระยะทางจากบ้านของฉันมาถึงมหาวิทยาลัยก็ถือว่าไกลอยู่พอสมควร ต้องขับรถนานถึงสองชั่วโมงเต็มหรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ถ้าฉันไม่มาเช่าคอนโดที่นี่มีหวังได้เหนื่อยจากการนั่งรถแทนการเรียนแน่ ๆ

ยังดีที่พ่อของฉันเป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจอะไรง่าย ท่านจึงไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายนัก ซ้ำยังเป็นห่วงด้วยเมื่อรู้ว่าฉันจะย้ายมาอยู่หอตามลำพัง จะติดก็แค่ น้าปราณี แม่เลี้ยงของฉันเท่านั้นที่คอยอิจฉาและหาทางกลั่นแกล้งฉันอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในตอนที่คุณพ่อไม่อยู่บ้าน เธอก็มักจะพูดเสียดสีฉันอยู่บ่อยครั้ง

แต่ใครจะไปสนกันละ...ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะให้ใครมารังแกง่าย ๆ สักหน่อย 

อีกอย่างฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหากคุณพ่อไม่มีเงินที่จะคอยเลี้ยงดูปรนเปรอเธอ เธอจะยังคงรักคุณพ่อของฉันอยู่ไหม เพราะตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของฉันแยกทางกัน การเงินของบ้านฉันก็เริ่มดิ่งลง แต่กระนั้นก็ไม่ถึงกับเข้าขั้นวิกฤต ก็แค่ใช้จ่ายไม่คล่องมือเหมือนเมื่อก่อน 

“รอดพ้นจากแม่เลี้ยงนั่นสักที หวังว่าจะไม่ต้องเจอกันไปอีกสี่ปีนะ” ฉันพึมพำ

ติ๊ง!!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นและเปิดออก ภาพด้านหน้าของฉันคือกำแพงที่มีหมายเลขชั้นกำกับไว้อยู่เพื่อให้รู้ว่าเป็นชั้นห้า ฉันก้าวเท้าออกมาพลางเบนสายตาหันมองซ้ายขวาเพื่อดูว่าห้อง 0516 อยู่ทางด้านไหน

“บรรยากาศเงียบสงบดีแฮะ” ฉันเปรยเบา ๆ

ภายในคอนโดแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นทางซ้ายและขวา มีพื้นที่โล่งและลิฟต์อยู่ตรงกลาง ประตูห้องเรียงกันเป็นแถบ มีหมายเลขห้องสลักไว้อย่างชัดเจน

“ต้องทางนี้ชัวร์”

ฉันมองเลขห้องทางด้านขวามือที่สลักเอาไว้ว่า 0510 ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องหมายเลข 0516 ที่ฉันเช่าเอาไว้

“นี่ไง เจอห้องสักที” ฉันไม่รอช้า รีบยกคีย์การ์ดขึ้นสแกนแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปภายในทันที

แค่ได้เข้ามาในห้อง ความเหนื่อยจากการเดินทางก็เริ่มลดลงจนเกือบหมด

ห้องพักของที่นี่ถูกจัดและดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี ฉันมองสำรวจข้าวของโดยรอบเพื่อตรวจดูว่ามีตรงจุดไหนที่ยังจะต้องจัดการตกแต่งอีกหรือไม่ ก่อนที่จะวางกระเป๋าและของที่นำมาลงบนโต๊ะกลางห้อง 

"ที่นี่ดูสะดวกสบายดีจัง"

ฉันคงไม่ต้องจัดแจงอะไรมากนอกจากจัดกระเป๋าเพื่อนำเสื้อผ้าเข้าตู้และโต๊ะหนังสือเท่านั้น

“เอาล่ะ มาเริ่มจัดห้องดีกว่า”

ฉันถอดแว่นตาที่สวมอยู่วางลงบนโต๊ะหัวเตียงพลางพับแขนเสื้อสีขาวขึ้นมาถึงข้อศอกและใช้มือเก็บรวบผมที่ยาวสลวยให้รวบตึง ก่อนจะเริ่มจัดแจงเก็บข้าวของออกจากกระเป๋าที่นำมา  

เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ห้องที่เคยโปร่งโล่งก็ถูกจัดตกแต่งจนเต็ม แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ลืมทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ ฉันหันไปดึงกระชับผ้าปูเตียงสีชมพูให้แน่น พร้อมทั้งจัดวางตุ๊กตาตัวโปรดลงข้าง ๆ หมอนใบใหญ่ 

“เสร็จสักที...” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใช้มือเรียวเล็กปาดเหงื่อตรงใบหน้าเบา ๆ พลางยกยิ้มอย่างมีความสุข

“ต่อไปก็คงต้องเช็คของในครัวสักหน่อยว่ามีอะไรกินบ้าง ถ้าคืนนี้หิวขึ้นมาคงแย่แน่ มินตรา” ฉันบอกกับตัวเองและเดินตรงดิ่งไปที่ตู้เย็น ก้ม ๆ เงย ๆ มองสำรวจสลับชั้นบนชั้นล่าง

ของที่อยู่ภายในตู้มีไม่มากนัก แต่ก็พอจัดแจงได้สักเมนูหรือสองเมนู ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบฉัน...

“โอเค ทุกอย่างเรียบร้อยดีเหมือนที่คิด”

ดวงตาคู่สวยฉายแววพึงพอใจ  เมื่อสำรวจของทุกอย่างจนครบถ้วนดีแล้ว 

ฉันบิดตัวไปมา ตอนนี้คงจะได้เวลาออกไปยืดเส้นยืดสายตรงนอกระเบียงสักหน่อย คิดได้ดังนั้นฉันก็เดินไปเปิดผ้าม่านผืนยาวแหวกออกข้างประตูบานใสริมระเบียงและค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วปลดล็อกเพื่อเลื่อนประตูเดินออกไปรับลม

ในเวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำ แสงไฟสว่างวิบวับจากตึกโดยรอบเริ่มผุดขึ้นมาทีละน้อย ช่างเป็นบรรยากาศที่แตกต่างจากนอกเมืองเหลือเกิน

หาก เฟราเวอร์ และแพม เพื่อนสนิทของฉันมาเห็นเข้า พวกมันจะต้องอิจฉาฉันมากแน่ ๆ ที่ได้ห้องเช่าแถมวิวสวยขนาดนี้ นัยน์ตาสีอ่อนมองออกไปยังตึกสูงเบื้องหน้ามากมาย ใบหน้าของฉันเผยรอยยิ้มสดใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะเริ่มได้ยินเสียงดังประหลาดลอยมาตามลม ดับความสงบของทิวทัศน์แสนสวยตรงหน้าไปจนหมดสิ้น และดูเหมือนว่า...เสียงนั้นจะดังอยู่ใกล้ ๆ ห้องของฉันซะด้วย!

"อ๊ะ....อ๊ะ...อ๊ะ"

เสียงร้องดังลอยออกมาจากระเบียงห้องข้าง ๆ จนสะกิดเข้าหูฉัน แม้จะเบาบางแต่มันก็ชัดพอให้ชวนเอะใจ ฉันกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงด้วยการเดินตามเสียงนั้นไปจนชิดขอบระเบียงห้องพร้อมทั้งไล่สายตามองหา จนเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นจนได้

“ว้าย!!” ฉันรีบอุดปากของตัวเองอย่างไว ในขณะที่สายตากำลังตรึงค้างกับภาพของคนข้างห้องที่กำลังมีเซ็กซ์กัน บ้าจริง! พวกเขาไม่คิดจะปิดม่านกันเลยหรือไง

แต่เมื่อมองดี ๆ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนั้นจังเลยนะ

ชายหนุ่มคนนั้นคลี่ยิ้มบริเวณมุมปาก ในระหว่างที่กำลังบดขยี้กลีบกุหลาบของสตรีผมสีน้ำตาลยาวสลวยต่อหน้าต่อตาฉัน แม้เขาจะรู้ว่าฉันมองอยู่ก็ไม่เกิดความละอายเลยสักนิด ซ้ำยังเร่งความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก

ฉันยกมือเรียวขึ้นมาขยี้ตาเบา ๆ มองหน้าผู้ชายคนนั้นแบบเต็มตาอีกครั้ง 

"ภาคิณ ใช่เขาจริง ๆ ด้วย" ฉันพึมพำ

ฉันมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นับว่าเป็นหนุ่มหล่อในดวงใจที่เคยแอบชอบสมัยมัธยมด้วยความตกตะลึง ไม่จริงน่า...นั่นเขาเหรอ

"จะมองอีกนานไหม หรือจะเข้ามาร่วมจอยด้วยก็ได้นะ” น้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยแรงอารมณ์เอ่ยถามจนฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ รีบวิ่งกลับเข้าห้องล็อกประตูนอกระเบียงอย่างแน่นหนา แม้ในใจอยากจะก่นด่าแทบตาย แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาจำฉันได้

"ไอ้คนบ้า ไอ้คนโรคจิต ใครจะอยากไปร่วมจอยกับนายกันล่ะ น่าเกลียดที่สุดเลย ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” ฉันตบหน้าตัวเองไปมา แทบอยากจะควักลูกตาออกมาล้างเสียด้วยซ้ำ

อีตาบ้าภาคิณ เป็นเขาไปได้ไงนะ!

“กรี๊ด! ไม่จริงน่า”

ฉันเอาหน้าซุกลงหมอนและกรี๊ดออกมาเพื่อระงับอารมณ์หงุดหงิด ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่ แถมยังมาอยู่ห้องติดกันอีก นี่มันฟ้ากลั่นแกล้งกันชัด ๆ เลย 

“ทำไมวันนี้เสร็จเร็วจังละคะภีม ปกติเอานานกว่านี้นี่น่า” หญิงสาวเอียงคอถามเมื่อเห็นร่างหนาใช้มือถอดถุงห่อหุ้มแกนกายสีใสที่ภายในบรรจุน้ำสีขาวขุ่นโยนทิ้งลงถังขยะ 

วันนี้เขาเพิ่งจะใช้มันไปเพียงอันเดียวเท่านั้น ทั้งที่ปกติใช้มากกว่านี้เป็นไหน ๆ

“วันนี้ผมมีธุระน่ะ ไว้วันอื่นผมจะเอาให้คุณหายอยาก เดินไม่ได้เป็นเดือนเลย” ริมฝีปากหนากระซิบข้างกกหูขาวเนียนจนหญิงสาวผมสีน้ำตาลบลอนด์คลี่ยิ้มชอบใจ เธอกอดซบอกกว้างอย่างออดอ้อนทันที

 "ก็ได้ค่ะ สัญญาแล้วนะคะ เฟียจะรอ” ปลายนิ้วเรียวลูบสัมผัสลำตัวของภาคิณไปมาด้วยแววตาเย้ายวน ก่อนจะถูกมือหนาสลัดออกอย่างไม่ใยดี

"ผมบอกแล้วไง วันนี้พอแค่นี้ก่อน” น้ำเสียงหนักกล่าวดุจนหญิงสาวรีบจัดแจงสวมเสื้อผ้า ไม่กล้าที่จะยั่วอารมณ์ของเขาต่อ

มุมปากหนากระตุกยิ้มร้ายในระหว่างหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาสวมใส่ ปกปิดเรือนร่างหนาล่ำที่ดูสมส่วน บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างหนักและดูแลตัวเองอย่างดี

ภาคิณติดกระดุมเสื้อจนเกือบจะครบทุกเม็ด เขาเผยแผงอกกำยำสีขาวเอาไว้พลางคิดถึงแววตาของมินตราเมื่อสักครู่นี้ เธอคงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาในสภาพแบบนั้น 

เขายกยิ้มอีกครั้ง ยิ่งเห็นสีหน้าตกใจก็ยิ่งอยากแกล้ง ก็ใครใช้ให้เธอพยายามหลบหน้าเขากันล่ะ...เห็นแค่นี้มันยังน้อยไป เพราะคนต่อไปที่จะมายืนให้เขาบดขยี้ จะต้องเป็นเธอ

ในเมื่อวันนี้เหยื่อชิ้นที่เขารอมาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นอาหารจานเก่าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

“ไว้เจอกันนะคะ” 

“กลับดี ๆ ล่ะ” เขาเอ่ยลาเมื่อมาส่งหญิงสาวที่หน้าห้อง

“จุ๊บนะคะ” ริมฝีปากสีแดงระเรื่อประทับรอยจูบตรงแก้มภาคิณก่อนจะเดินส่ายก้นจากไป

ก็อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงประตูที่ดังขึ้นอย่างหนักสามครั้งทำให้ฉันที่นอนเล่นอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งอย่างหนัก

“ใครคะ?” ฉันตะโกนถามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

“นั่นใครคะ”

เงียบสนิท...ไร้เสียงตอบจากผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูห้อง ฉันลังเล กำลังจะอ้าปากถามอีกครั้งแต่คราวนี้กลับเป็นเสียงเคาะประตูที่รุนแรงขึ้นอีก

ปัง ปัง ปัง !! 

“ใครคะ...พี่พนักงานเหรอ” ฉันลองตะโกนถามอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ

เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบลุกจากเตียงเพื่อเดินไปเปิดดูว่าใครกันที่มาเคาะเล่น พูดถามย้ำถึงขนาดนั้นแล้วยังไม่ยอมหยุดอีก ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญจะด่าให้หูชาเลย คอยดูเถอะ!