บทที่ สี่ ชีคเจ้าเล่ห์
ด้านชีคราชิดที่หึงและโกรธพิรัณญากับคนสนิทของตนก็เดินกลับมายังที่พักของตนทางด้านปีกซ้ายของคฤหาสน์พอเดินมาถึงเขาก็เอ่ยถามอามีนด้วยความโกรธทันที
“อามีนนายคิดยังไงกับเจนนี่บอกเรามาเดี๋ยวนี้!...”
อามีนรู้ทันทีว่าทำไมท่านชีคของตนถึงได้โกรธหน้าดำหน้าแดงอย่างนี้ที่แท้ก็เป็นเพราะเขานี้เอง ถ้าพิรัณญาไม่ยิ้มให้เขาชีคเล็กคงจะไม่โกรธเขาแต่เอ๊ะ!...ทำไมถึงได้โกรธเขาก็แค่คุณพิรัณญายิ้มให้เฉยๆ หรือว่าชีคเล็กของเขาจะแอบชอบพิรัณญากันแน่นะ…ก่อนเขาจะคิดต่อก็มีเสียงของผู้เป็นเจ้าชีวิตถามขึ้นอีกครั้ง
“ว่าไงอามีนทำไมไม่ตอบที่เราถาม!...” พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตไปให้อามีนเพื่อเป็นการเตือนว่าภัยจะมาถึงตัวในไม่ช้าแน่ถ้ายังไม่รีบเอ่ยตอบเขาอีก
“คะ...คือ...ว่าท่านชีคอามีนไม่ได้คิดอะไรกับคุณเจนนี่แม้แต่นิดเดียวเลยขอรับ” อามีนเอ่ยติดๆ ขัดๆ ด้วยกลัวสายตาของท่านชีคเล็กของตัวเอง
“ดีไม่คิดก็ดีแล้วอามีนเจ้าจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน และจำไว้นะอามีนว่าเจนนี่ต้องเป็นของเราคนเดียวเท่านั้น เราขอห้ามไม่ให้เจ้าทำตัวสนิทกับเธอมากนักเพราะเราไม่ชอบเข้าใจใช่ไหมอามีน” หลังจากได้รับฟังคำตอบหน้าพอใจแล้วความโกรธที่มีอยู่ก็พาลหายไปเหมือนกับไม่ได้โกรธใครมาก่อนหน้านี้เลย
“ขอรับท่านชีคเล็ก” ขานรับด้วยความงุนงงกับอารมณ์ของท่านชีคที่เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ยังกะเป็นคนละคนกัน แต่ถึงยังไงก็ช่างเขาไม่ปรารถนาจะเห็นท่านชีคที่อารมณ์ร้ายเหมือนเมื่อกี้แน่ เพราะมันไม่เป็นผลดีกับตัวเขาเอง
“ดีมากอามีน งั้นพรุ่งนี้อย่าลืมพาพวกเธอทั้งสองคนเที่ยวชมคฤหาสน์นิสรีนของเราด้วยละ”
“ขอรับท่านชีคเล็ก”
“ไปได้แล้วอามีน เราอยากพักผ่อนเจ้าอยากทำอะไรก็ไปเถอะเราไม่มีอะไรให้เจ้าทำแล้ววันนี้”
“ขอรับท่านชีคเล็ก” โค้งคำนับแล้วเดินออกไปด้วยความงุนงงสับสนกับเจ้าชีวิตตน เขาไม่อยากคิดเลยว่าสาวไทยสองคนนั้นมายังไม่ทันข้ามวันก็ทำให้ท่านชีคใหญ่และท่านชีคเล็กของพวกเขาเป็นได้ถึงเพียงนี้ หึหึ
ฝ่ายชีควาคิมเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยอารมณ์โกรธที่มีต่อหญิงสาว ไม่รู้จะระบายยังไงกับใครจึงได้แต่ทำลายข้าวของในห้องจนเละไปหมดจนทำให้ซาลัสไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาเข้าไปห้ามท่านชีคของเขาในตอนนี้มีหวังโดนตัดหัวแน่ๆ เขาเลยยอมอยู่นิ่งๆ ตรงมุมของห้องจะดีกว่าแต่ดูเหมือนว่าชีคที่เคารพจะไม่ยอมให้อยู่เฉยๆ อย่างคิดเมื่อเสียงทรงอำนาจร้องเรียกเขา
“ซาลัส!...เจ้าออกไปได้แล้วเราอยากอยู่คนเดียว” หลังจากทำลายข้าวของจนพอใจก็ตะโกนไล่ซาลัสให้ออกไปให้พ้น เวลานี้เขาคิดแผนการออกแล้วว่าจะทำยังไงกับแพรไหมดี
“ขอรับท่านชีคใหญ่” ซาลัสรีบออกไปจากห้องทันทีก่อนจะโดนไล่เป็นครั้งที่สอง
หลังจากซาลัสออกไปชีควาคิมก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปห้องนอนของตัวเองพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ไปตลอดทางเพราะเขาคิดแผนที่จะทำให้แพรไหมเป็นของเขาได้แล้ว พอเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้วชีค วาคิมก็เดินไปผลักประตูลับที่เชื่อมต่อกับห้องหญิงสาวอย่างเงียบๆ พอเข้าไปแล้วไม่เห็นคนร่างเล็กอยู่เตียงนอนเลยเดินไปดูในห้องน้ำเผื่อว่าเธอจะอาบน้ำอยู่แล้วมันก็เป็นอย่างเขาคิดเมื่อภาพของหญิงสาวนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำร้องเพลงด้วยความอารมณ์ดี ขาสองข้างแทบก้าวไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ชีคใหญ่แห่งเรยาร่าเหมือนโดนมนต์สะกดให้หยุดอยู่กับที่ยังไงอย่างงั้น ภาพหญิงสาวผิวขาวอมชมพูเนียนละออน่าสัมผัสปรากฏแก่สายตาให้ได้ประจักษ์ก็วันนี้เอง สาวเจ้าช่างงามยิ่งนัก แล้วแบบนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกันเล่าใจเอย...
มองได้แต่อย่าชอบ เพราะมันจะทำให้ใจฉันบอบช้ำ
คุยได้แต่อย่านาน อย่าสร้างความผูกพันให้ใจฉันไหวหวั่น
สนิทได้แต่อย่ามาก เดี๋ยวมันจะเกินมากกว่าเป็นเพื่อนกัน
ที่ไม่ได้และขอไว้นั้น คือรักที่ให้ฉันเธออย่าปันให้ใคร……..
ในวันที่เราต้องไกลห่าง ใจอาจหวั่นไหวและเคว้งคว้าง
แต่ขอให้รักมั่นคงไม่เหินห่าง ไม่จืดจางวางใจต่อกัน
ในวันที่เราต้องไกลกัน ข้างกายของเธอไม่มีฉัน
เธออาจพบใครๆ แล้วไหวหวั่น ขอเธอนั้นอย่าปันหัวใจ.......
#เพลงมองได้แต่อย่าชอบ @ลุลา
ส่วนแพรไหมกำลังร้องเพลง มองได้แต่อย่าชอบ ของลุลา นักร้องคนโปรดของตัวเองอย่างเพลินๆ อยู่ก็หันหน้ามาทางชีควาคิมกำลังเดินเหมือนคนละเมอเข้ามาพอดี
“กรี๊ด!...กรี๊ด!...กรี๊ด!...”
เสียงร้องของหญิงสาวดังพอสมควรจึงทำให้คนหลงใหลกับภาพตรงหน้าได้สติกลับมา ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มมุมปากเล็กน้อยเมื่อคิดอะไรดีๆ ออกว่าจะจัดการกับสาวเจ้าเช่นไรดี ‘วินนี่ยังไงวันนี้พี่ต้องได้ครอบครองวินนี่ให้จงได้’ ชายหนุ่มหมายมาดอย่างลำพองใจ
“จะร้องอะไรกันวินนี่ก็แค่เราเข้ามาดูเธออาบน้ำเฉยๆ ใครใช้ให้ไม่ปิดประตูห้องน้ำเอง”
“คุ...คุ...คุณ...เข้ามาทำไม? ” หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อคนร่างใหญ่ย่างก้าวเข้ามาใกล้เธอ
“เปล่า...เราแค่อยากดูเธออาบน้ำ และยิ่งชอบที่เห็นเธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย” เขาพูดออกมาตามใจคิด เวลานี้สายตาเขาไม่ได้มองดวงหน้างามเลยแม้แต่น้อย สายตาคมเหยี่ยวทะเลทรายเอาแต่จ้องมองอกอวบอูมของหญิงสาวที่หายลงไปในผิวน้ำ ชายหนุ่มพยายามควบคุมความร้อนรุ่มของตัวเองอย่างยากลำบาก ยิ่งเจ้าหล่อนหายใจแรงยิ่งทำให้ลูกชายเขาตื่นตัวเร็วขึ้น
“อ๊าย!...ไอ้ชีคบ้า ไอ้ลามก อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบและก็รีบออกไปได้แล้วฉันจะอาบน้ำ” ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกกลัวสายตาคู่นี้ของเขาขึ้นมาเฉยๆ ก็ไม่รู้ จะว่าไปแล้วเวลาผ่านมาสองปี เขาดูหล่อคมเข้มน่าหลงใหลกว่าเมื่อก่อนเป็นสิบเท่า อยากลองสัมผัสริมฝีปากหนาของเขาดูสักครั้งจัง ไม่นะเราไม่ได้อยากสัมผัสปากเขา บ้าไปแล้วแน่ๆ เลยเรา
“ไม่!...กล้าดียังไงวินนี่ถึงมาพูดแบบนี้กับเรา รู้ไหมว่าเราเป็นใคร” อารมณ์ชอบแกล้งก่อนหน้านี้หนีหายไปหมด มีแต่ความโกรธเข้ามาแทนที่ เมื่อโดนหญิงสาวว่าให้ เขาอยากดึงคนร่างเล็กขึ้นมาบดจูบให้หนำใจเสียจริง
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ อย่าคิดนะว่าเป็นชีคผู้ปกครองประเทศแล้วจะมาทำตัวต่ำๆ กับฉันแบบนี้ฉันไม่กลัวหรอก เชอะ!...” เจ้าหล่อนจะรู้ตัวบ้างไหมว่ายิ่งพูดเท่าไหร่ยิ่งทำให้คนอารมณ์ร้อนอย่างชีควาคิมไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น
“หึ...หึ กล้ามากนะวินนี่ ที่กล้าต่อปากต่อคำกับเรา เราชีควาคิมคนนี้นี่แหละจะทำให้เจ้าตกเป็นทาสสวาทของเรา””
“เชอะ!..คิดว่าหล่อรวยมีอำนาจแล้วไงเป็นแค่ชีคไม่เห็นจะสนใจเลยเจ้าชู้ก็เจ้าชู้ ต่อให้โลกทั้งโลกเหลือท่านชีคเพียงคนเดียว วินนี่กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่มีทางเอาผู้ชายอย่างท่านชีคมาเป็นสามีแน่ๆ ” ปากพูดจาเชือดเฉือนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน แต่ข้างในนั้นโหยหาชายตรงหน้าตลอดเวลา
“เจ้า!...กล้าดียังไงมาว่าเรา อย่าคิดนะว่าคนอย่างเราจะสนใจเจ้า...หึหึ...ไม่มีทางซะหรอก อย่างมากผู้หญิงอย่างเจ้าก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ให้เราเพียงเท่านั้น อย่างเขาว่ากัน เหงาเมื่อไหร่ก็มาเอา พอเบื่อแล้วก็ไปไง...” หัวใจของเลือดทะเลทรายเหมือนมีกริซนับพันๆ เล่มทิ่มแทงยังไงก็ไม่รู้ เขาไม่คิดเลยว่าเพียงเวลาแค่สองปีไม่ได้พบกันจะทำให้สาวเจ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้
“คุณจำคำคุณไว้นะ อย่าหลงรักฉันละกันไอ้ผู้ชายมักมาก” แพรไหมไม่รู้หรอกว่าเขามีผู้หญิงกี่คนตลอดเวลาสองปีที่ไม่ได้เจอกัน แต่เธอเคยได้ยินมาว่า ส่วนมากพวกชีคมักมีฮาเร็มเก็บหญิงสาวเพื่อค่อยปรนเปรอความอยากของตัวเอง หญิงสาวจึงคิดว่าชายตรงหน้าก็คงจะไม่ต่างไปจากที่คิดมากหรอก
“เธอนั้นแหละวินนี่ที่จะเป็นฝ่ายรักเรา และต้องตามขอความรักจากเรา” เขาฉวยโอกาสฉุดหญิงสาวขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด!...กรี๊ด!...กรี๊ด!...ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้ชีคบ้า!...” แพรไหมเพิ่งจะคิดได้ว่าตัวเองนั้นไร้อาภรณ์ห่อหุ้มกายสาวไว้ ยิ่งคิดยิ่งหน้าแดง และแดงลามไปทั่วตัว จนอยากจะหายตัวออกไปจากห้อง แต่ก็ทำได้แค่คิด
