4
พลันนั้นเองที่คำพูดของเพื่อนดังก้องขึ้นในหัว
‘ก็คุณแม่ฉันกับแม่ของอีตานั่นกำลังจับคู่ให้น่ะสิ นี่แวะมาที่ร้านอยู่เรื่อย วันก่อนมากินคนเดียว วันก่อนของวันก่อนนู้นสั่งอาหารอย่างเยอะ บอกจะเอาไปเลี้ยงลูกน้อง แหวะ ดูยังไงก็รู้ว่าแผนตื้น ๆ มุกจีบสาวแบบเด็กอนุบาล’
แล้วดันไปแซวเพื่อนว่าน่ารักดีด้วยนะ
ก็ถ้ามันเกิดขึ้นกับเธอ สาริศากำลังคิดว่า แบบนี้ไม่น่ารักเสียแล้ว และคงทำหน้ามึน ๆ เมิน ๆ เดินหนีไป หากว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นเธอเข้าเสียก่อน ทั้งยังมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ อีกต่างหาก สุดท้ายก็ต้องยกมือไหว้เขา พร้อมกับตรงเข้าไปทักทายด้วยความจำใจ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่ร้านเราหรือ” บุรินทร์ถามขึ้นประโยคแรกด้วยสีหน้าแปลกใจ ดูเนียนเสียจนสาริศานึกชมว่าหน้านิ่ง ๆ แบบนี้ก็เสแสร้งเก่งเหมือนกันนี่นา
“ใช่ค่ะ ร้านซินเอง”
“พี่แวะมาดูสร้อย” ได้คำตอบจากเจ้าของร้านแล้วบุรินทร์เลื่อนสายตาไปที่ชุดเครื่องประดับตรงหน้า สาริศาตรงเข้ามามองตาม ก็ร้องอย่างดีใจว่า “อุ๊ย! ตาถึงมากเลยค่ะ นี่เป็นคอลเล็กชันใหม่สุดของ Zin Gems เลยนะคะ”
บุรินทร์ได้ยินสำเนียงแบบสาวนักขายก็ผุดรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แววตาของบุรินทร์ปรากฏรอยครุ่นคิดชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจางหายไป แล้วหันไปฟังเจ้าของเสียงใสเอ่ยถึงสินค้าของตนต่อจากนั้น
พอเห็นช่องได้ขายของ สาริศาก็พูดเจื้อยแจ้วผิดจากที่เจอกันคืนก่อน บุรินทร์ไม่ได้มาฟังใครเชียร์ขายของ เพราะเขาตัดสินใจแต่แรกแล้ว เอ่ยตัดบทว่า “พี่รับเซตนี้”
“รสนิยมดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ยิ้มหวานแบบการตลาดให้เขา แล้วว่า “เดี๋ยวซินจัดการให้ค่ะ รอสักครู่” หันไปสบตากับพนักงานในร้าน ให้รีบจัดแจงอย่างเร็วไว
รอไม่นาน บุรินทร์ถามเมื่อชำระค่าสินค้าแล้ว “ปกติทานมื้อค่ำกี่โมง”
คิดอย่างมีอคติว่า นี่เขาซื้อของเธอเพื่อเป็นใบเบิกทางในการเข้าหาอย่างนั้นหรือ อยากดูต่อว่ารุ่นนี้มีมุกจีบสาวแบบไหนกัน ตอบรับเขากลับอย่างไม่มีเคอะเขินว่า “ปกติก็กินช่วงเวลานี้แหละค่ะ”
“พี่เลี้ยงมื้อค่ำได้ไหม”
สาริศาคิดต่อไปอีกว่าคงไม่มีผู้หญิงคนใดโง่ถึงขนาดปฏิเสธมื้ออาหารกับผู้ชายคนนี้เป็นแน่ ในแง่ของหน้าตาและบุคลิก แต่ที่ตอบรับคำชวนของเขาไม่ใช่เพราะกลัวว่าตัวเองจะโง่ แต่เพราะอยากจะรู้ต่อจากนั้นต่างหากว่าเขาจงใจมาจีบเธออย่างที่คิดไว้แต่แรกหรือเปล่า
ปั้นยิ้มแบบเสแสร้งที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ เสียงอ่อนหวานกับเขากว่าเดิม “ไม่ได้ค่ะ ซื้อของของซินแล้ว ก็ต้องให้ซินเลี้ยงสิคะ”
บุรินทร์ไม่โต้แย้งอะไร เขานั่งรอ เมื่อเธอบอกว่าจะขอเวลาสักครู่เพื่อเข้าไปจัดการเอกสารด้านในร้านสักสิบนาที ตรงเวลาตามที่บอก สาริศาเดินกลับมาหาเขาที่นั่งรออยู่ เอ่ยถามไปอย่างนั้นเอง รู้ว่าเขาต้องไม่ขัดข้องอย่างแน่นอน “ไปกินที่ร้าน... ดีไหมคะ”
บุรินทร์ไม่ขัดจริง ๆ แล้วชวนว่า “ไปรถพี่นะ”
“เจอกันที่ร้านดีกว่าค่ะ” บอกเขาแบบนั้นแล้วค่อยตรงไปยังรถของตัวเอง ขับสู่จุดนัดหมายที่เป็นร้านอาหารไทยไม่ไกลจากต้นทางที่จากมาเท่าไรนัก จอดรถเรียบร้อย รอไม่นานบุรินทร์ก็ค่อยตามหลังมาจอดขนาบด้านข้างที่ว่างอยู่พอดี ก่อนจะเดินเข้าร้านไปด้วยกัน
“หมอก” น้ำเสียงดีอกดีใจเรียกชื่อเล่นของบุรินทร์ ทำให้สาริศาต้องหยุดมองตาม พบว่าเป็นชายหนุ่มจากวงสังคมไฮโซ เธอรู้จักหน้าค่าตาเขาดีทีเดียว เพราะเป็นเจ้าของร้านอาหารร้านนี้
พอหันไปทางบุรินทร์ เห็นเขายิ้มแบบที่เธอลงความเห็นได้ว่าเป็นยิ้มสัญลักษณ์ของเขา ทักทายตามมารยาทเพียงแค่ว่า “สวัสดีครับพี่ย้ง”
“มากินข้าวหรือ” เจ้าของชื่อเล่น ‘ย้ง’ ถามแก้เก้อ แล้วก็หัวเราะตามหลังคำถามตัวเอง ลูบต้นคอท่าทางประหม่า “พี่ถามอะไรโง่ ๆ แบบนั้นก็ไม่รู้ มาถึงร้านพี่ก็ต้องมากินข้าวสินะ”
บุรินทร์ยิ้มน้อย ๆ ตอบรับแค่ว่า “ครับ” แบบเดิม
“พี่ตื่นเต้นน่ะ เป็นเกียรติมากที่หมอกเลือกร้านพี่คืนนี้”
“ผมต่างหากครับที่ได้รับเกียรติจากพี่ย้ง”
ชายชื่อย้งยิ้มแบบคนดีใจมาก ๆ แล้วถึงได้ละสายตามองที่เธอบอกบุรินทร์อย่างเกรงใจว่า “รับประทานอาหารมื้อนี้ให้อร่อยนะ ไม่ถูกใจ ไม่พอใจตรงไหน บอกพี่ได้เลย พี่ไม่รบกวนหมอกแล้ว” ชายเจ้าของร้านหันมาสำรวจเธออีกครั้ง บอกตามมารยาทว่า “พี่ไปส่งที่โต๊ะนะ”
สาริศาไม่เคยมากินข้าวกับใครแล้วถูกคนในร้านใช้สายตาสำรวจอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว แล้วเลิกให้ความสนใจเมื่อบุรินทร์ให้เธอเป็นคนเลือกเมนูอาหาร สั่งตามที่อยากกินเรียบร้อย เขาชวนคุยอุ่นเครื่องด้วยเรื่องของข่าวสารรอบตัวทั่ว ๆ ไป
แม้เป็นคนพูดน้อย แต่สาริศาพบว่าบุรินทร์เป็นคนพูดได้น่าฟังมาก เขามีทัศนคติกว้างไกล มีหลายอย่างที่คิดคล้ายคลึงกับเธอ หากไม่อคติเกินไปนัก จะฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาละมุนหูดีทีเดียว และอายุของเขาจะต้องมากกว่าเธอเกินห้าปีอย่างแน่นอน
ก็แล้วทำไมต้องไปคิดถึงความห่างของอายุด้วยเล่า
สาริศาจิ๊ปากเบา ๆ อย่างหัวเสีย หงุดหงิดกับความคิดของตัวเองในตอนนั้น
“ของหวานไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขัดความคิดของเธอ
สาริศาใช้เวลาคิดครู่หนึ่ง ตอบไปว่า “ซินอิ่มมากเลยค่ะ แต่ก็รับได้อีกนะคะ”
บุรินทร์มองเธอราวกับมองเด็กเล็ก ๆ จอมตะกละคนหนึ่ง เธอรู้ว่าเขากำลังคิดแบบนั้น แต่ต้องสนใจด้วยหรืออย่างไร
นาทีต่อมาบุรินทร์ส่งสายตาเรียกพนักงานที่ยืนคอยอยู่ใกล้ ๆ ให้มารับรายการของหวานจากเธอ เขาคุยต่อได้อีกเป็นนาน จนเธอละเลียดของหวานหมดถึงได้ให้พนักงานส่งบิลชำระเงินมา
“ซินบอกว่าซินจ่ายเองไงคะ” สาริศาขัดเขา พยายามยื้อแย่งจะจ่ายค่าอาหารเอง
“เอาไว้รอบหน้าก็แล้วกัน”
เขาบอกแบบนั้น ล้วนเป็นไปตามมารยาท พร้อมส่งบัตรเครดิตให้ทางพนักงานของร้าน สาริศาได้ยินก็เมินหน้าไปมองทางอื่น มุมปากกดลงนิดเดียวแทบมองไม่เห็น หากไม่สังเกตดี ๆ ก่อนหันไปสบตากับบุรินทร์ด้วยรอยยิ้มแบบเด็กขี้ประจบ ในหัวของเธอคิดอย่างติดตลกว่ายังจะมีรอบหน้าอีกหรือ เธอคงไม่ดวงกุดขนาดจะเวียนไปพบกับบุรินทร์ได้อีกครั้งเป็นแน่
บุรินทร์เดินไปส่งเธอที่รถ กล่าวขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการ แล้วแยกย้ายจากไปในทันที
