EP2 เจอกันอีกแล้ว
เธอก้าวเดินมายังตึกหน้า เดินขึ้นบันไดก้าวเดินเข้ามา เห็นว่าผู้คนเดินไปมาเพื่อมาติดต่อประชาประชาสัมพันธ์ส่วนหน้า และก้าวเดินเข้าไปในออฟฟิศเพื่อเข้าไปทำงานในตึกที่สูงถึงสามสิบชั้น ซึ่งในตึกนี้เป็นตึกสำนักงานของบริษัทปีติโชคโภคินทั้งหมด เรียกว่าอาคารจันทร์กระจ่าง ชื่ออาคารเป็นชื่อเดียวกับนามสกุลของเธอ
เธอมายังประชาสัมพันธ์ โดยมีหญิงสาวสองคนนั่งบริการอยู่ เธอเองก็เห็นพวกเธอมาครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งก่อนที่เธอเข้ามาสมัครงาน
“สวัสดีค่ะ ติดต่ออะไรคะ” พนักงานหนึ่งในสองเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ดิฉันแพรไหม จันทร์กระจ่าง ที่คุณเจนจิราให้ฉันมาสัมภาษณ์รอบสุดท้ายกับคุณโกมินทร์” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้
“สักครู่นะคะ” พนักงานคนเดิมเอ่ยบอกเธอ และยกโทรศัพท์ต่อสายทันที ไม่ช้าคู่สายก็รับโทรศัพท์
“ท่านรองมาถึงหรือยังคะ คุณแพรไหมมาถึงแล้วค่ะ” พนักงานคนเดิมเอ่ยบอกเช่นนี้ ไม่ช้าเธอก็วางสาย
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ พาแพรไหมไปยังประตูกระจกนิรภัย โดยมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าประตู พนักงานจึงกดรหัสแล้วประตูก็เปิดออก เธอจึงเดินเข้าไปกับพนักงานสาวก้าวเดินไปที่หน้าลิฟต์ เธอกดเลขที่ยี่สิบแปด
ไม่ช้าลิฟต์เปิดออก เธอและพนักงานสาวก้าวเดินเข้าไปทันที ลิฟต์ขึ้นไปเรื่อยเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นทั้งที่มาครั้งที่สองแล้ว ไม่ถึงสองนาทีลิฟต์เปิดออก เมื่อเธอก้าวเดินออกจากลิฟต์ แล้วเลี้ยวขวาตามพนักงานสาวไป เธอเห็นโลโก้ของบริษัทติดเป็นรูปใหญ่เด่นสง่า พร้อมกับตัวย่อภาษาอังกฤษของบริษัทที่ติดอยู่ตรงพนังนูนสูง เธอเลี้ยวมาทางด้านขวาอีกทีเธอเปิดประตูกระจกใสให้เธอ เธอเห็นว่ามีทำงานพร้อมด้วยเจนจิราหญิงสาวใบหน้าสวย อีกทั้งเธอยังท้องแก่ใกล้คลอดนั่งอยู่บนเก้าอี้
“สวัสดีค่ะ” แพรไหมบอกกับเจนจิราด้วยรอยยิ้มและยกมือไหว้ เจนจิรายกมือรับไหว้
“สวัสดีจ้ะ เดี๋ยวพี่พาเข้าไป ขอบคุณมากดา” เจนจิราเอ่ยบอกเช่นนี้
“สู้ๆ คุณแม่” หญิงสาวที่พาแพรไหมเอ่ยบอกเจนจิราด้วยรอยยิ้ม
“จ๊ะ เชิญคุณแพรไหม” เจนจิราเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วเธอก้าวเดินออกมาจากเก้าอี้ ทำให้แพรไหมเห็นท้องนูนใหญ่มากราวกับเธอท้องแฝด
เธอพาแพรไหมก้าวเดินไปยังประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท เจนจิราจึงเปิดออก
“ขออนุญาตท่านรอง คุณแพรไหมมาถึงแล้วค่ะ” เจนจิราเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แพรไหมเห็นว่าชายหนุ่มชุดสูทยืนหันหลังอยู่ ขณะที่เขามองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่เบื้องล่าง เพราะห้องนี้เป็นกระจกทั้งห้อง และเปิดผ้าม่านทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่เป็นปูน และบนพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาดตาทำให้ห้องดูสว่าง
“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยบอกกับเจนจิรา ทำให้เธอนึกถึงน้ำเสียงเช่นนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ก็จำไม่ได้ จนกระทั่งเขาหันกลับมามองเธอ ทำให้เธอถึงบางอ้อทันที
“คุณ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอุทานด้วยความแปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกันที่ได้พบเจอเขาอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้
“สวัสดีครับ คุณแพรไหม เจอกันอีกแล้ว” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม มองเธอที่กำลังอึ้งมองเขาด้วยความตกตะลึง เธอจึงรีบตั้งสติ และยกมือเรียวไหว้เขาด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้แนะนำตัว ดิฉัน แพรไหม จันทร์กระจ่าง” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้ เขาเผยรอย แล้วก้าวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของเขา
“เชิญนั่งครับ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ เธอจึงเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาด้วยท่าทีเกรงๆ อยู่บ้างที่ต้องนั่งตรงหน้าเจ้านาย และเขากำลังจับตาเธออยู่ เธอจึงเอาเรซูเม่วางลงบนโต๊ะ
“ขอเรซูเม่ให้ผมดูด้วย” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้
“ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเกรงๆ ส่งเรซูเม่ให้เขากับมือ มือเขาโดนมือเรียวของเธอ เธอกลับเหมือนไฟฟ้ามาสถิตดูดเธอจี๊ดๆ เธอจึงรีบชักมือออก เขามองหน้าปกสักพัก แล้วมองใบหน้าเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ดูวางอำนาจเธอเองก็รู้สึกเกรงเข้าไปอีก
เขาเริ่มเปิดเรซูเม่ดูด้านในทีละหน้า แล้วเขามองหน้าเธอ เธอรู้สึกสั่นไปหมดไม่ใช่ความหนาวแต่เป็นความเกรงล้วนๆ เรียวขาเธอเองก็สีกันอยู่ใต้โต๊ะ
“แนะนำตัวคุณอีกรอบหน่อย” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้
“ดิฉัน แพรไหม จันทร์กระจ่าง” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“คุณชอบทำอะไรในเวลาว่างบ้าง” เขาถาม
“ฉันชอบอ่านหนังสือในยามว่าง และชอบทำอาหารด้วยค่ะ” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้
“คุณชอบทำอาหารอะไรเป็นพิเศษ” เขาเอ่ยถาม
ท่านรอง จะจ้างฉันเป็นแม่ครัวหรือไงคะ
“ฉันชอบทำภาคกลางหลากหลายอย่าง และชอบทำแกง และน้ำพริกต่างๆ ทานกินเอง” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้ ซึ่งเป็นน้ำเสียงดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นต่างจากเมื่อครู่ที่มีน้ำเสียงเกร็งๆ
ไม่นานนัก แม่บ้านนำแก้วกาแฟร้อนกรุ่นเข้ามาวงบนโต๊ะทำงานของเขา และวางกาแฟตรงหน้าของเธอ เธอเผยยิ้มให้แม่บ้าน
“ขอบคุณค่ะ” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แม่บ้านสาวยิ้มให้เธอเช่นกัน แม่บ้านก็ก้าวเดินออกไป
“แล้วคุณชอบอ่านหนังสือประเภทไหน” เขาเอ่ยถามเธอ
“ฉันชอบอ่านหนังสือทุกแนว ฉันอ่านได้หมด” เธอเอ่ยบอก
“แล้วพ่อแม่คุณอยู่ด้วยกับคุณหรือเปล่า”
“พ่อและแม่ฉันอยู่อยุธยา” เธอเอ่ยบอก เขามองเรซูเม่อีกครั้ง
“พ่อคุณเป็นครูและแม่คุณเป็นก็เป็นครูเหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ อีกสีปีก็เกษียณแล้วค่ะ”
“คุณมีพี่น้องไหม” เขาเอ่ยถามอีก ทั้งที่จริงแล้ว เรื่องราวของเธอมันก็มีอยู่ในเรซูเม่นั่นแหละ แต่เขาเหมือนอยากจะพูดคุยให้เธอไม่รู้สึกเกรง
“ไม่มีค่ะ ฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ” เธอเอ่ยบอก
“แล้วคุณละอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่” เขาเอ่ยถามเข้าประเด็นเรื่องเงินเดือน
“แล้วแต่ท่านรองจะพิจารณาค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ทำงานกับผมหนักหน่อยนะ ผมจะให้เดือนละห้าหมื่นบาท มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเวลาคุณเจ็บป่วย มีรถประจำตำแหน่งของคุณ เรามีค่าล่วงเวลาให้ถ้าคุณ ถ้างานยังไม่เสร็จ ยังมีมากกว่านี้ให้คุณลองไปอ่านในเอกสารนะ” เขาเอ่ยบอก เธอร้องตะโกนในใจ
ห้าหมื่น!!! ห้าหมื่นเชียวนะ โอโหเยอะอะ แค่เงินที่ให้ก็เยอะมากพอแล้ว ยังมีสวัสดิการที่ดีอีก ชีวิตฉันต้องดีแน่นอน
“คุณโอเคกับเงินเดือนไหม” เขาเอ่ยถาม
“โอเคมากๆ เลยค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พรุ่งนี้สะดวกเริ่มงานเลยไหมครับ” เขาเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้ม
“สะดวกค่ะ” เธอเอ่ยบอก
“พรุ่งนี้เช้าเริ่มงานเก้าเช้า วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณกลับได้เลยนะ จะได้มาเริ่มงานพรุ่งนี้เช้า” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ ท่านรอง” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และลุกขึ้นเก็บเก้าอี้ให้เขา ยกมือเรียวไหว้เขาด้วยท่าทีนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ” เอธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ พรุ่งนี้เจอกัน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่รับไหว้เธอ เธอก้าวเดินพร้อมกับกระเป๋าสะพายออกไปข้างนอกห้อง
หลังจากที่เดินออกมาจากลิฟต์มาที่หน้าตึก หันกลับมามองหน้าตึกอีกครั้ง ไม่นานนักเม็ดฝนก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ทำให้ผู้คนก้าวเดินเข้าไปในอาคาร บางคนก็กางร่มออกเพื่อป้องกันเม็ดฝน แต่ทว่าแพรไหมกลับให้ฝนร่วงหล่นบนตัวเธอจนเปียกชุ่ม
“โอ้พระเจ้า....”
ฉันกลับนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคลายของเขาได้อย่างไงกัน อาจเป็นเพราะเธออยากไม่เคยเจอผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเช่นนี้มาก่อน หรือไม่เขาก็คือผู้ชายในอุดมคติของเธอ ที่เธอตามหา
จะบ้าเหรอ แพรไหม เขาคือเจ้านายนะเว้ย
...................................................
ตอนที่ 2 มาแล้วน๊า สนุกไหมคะ
อย่าลืมคอมเม้นท์ และกดหัวใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊ะ
