คำพูดที่ทำร้าย
ตอนที่ 5
คำพูดที่ทำร้าย
“สวัสดีจ้าเจ้าสาวป้ายแดง”
บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีจะมีก็บางคนที่เป็นการยินดีเพียงแค่เสแสร้งแต่ทุกคนก็ล้วนแต่ยิ้มแย้มเมื่อเจ้านายของเขาควงคู่กับเลขาที่เป็นภรรยามาที่บริษัท
“ผมเข้าไปทำงานก่อนนะ”
ปรเมศวร์เดินแยกตัวเข้าห้องทำงานของเขาไปเพราะอยากให้กอหญ้ามีโอกาสได้คุยกับเพื่อนร่วมงานที่ต่างก็ดูจะรอฟังคำตอบจากเธอว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดีๆถึงได้เป็นเจ้าสาวของท่านประธาน
“เก่งจังเลยทำยังไงถึงเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นเธอเนี่ย”
ยุวดีรุ่นพี่ในที่ทำงานที่ใครต่างก็รู้ว่าเธอเป็นคนของดาวิกาเดินแทรกเข้ามากลางกลุ่มเพื่อให้อยู่ใกล้กับกอหญ้ามากที่สุดก่อนที่จะพูดจาด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนคนกำลังหาเรื่อง
“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย คนเขามีบุญที่ถามเนี่ยอิจฉาหรอที่ไม่ได้เป็นบ้าง”
สาวน้อยพนักงานต้อนรับซึ่งเข้ามาทำงานพร้อมกับกอหญ้าทำหน้าที่ตอบคำถามแทนเพราะรู้จักนิสัยเพื่อนดีว่าหญิงสาวไม่สามารถพูดอะไรก็ตอบแบบนี้ได้ทันคน
“ฉันถามกอหญ้าไม่ได้ถามเธอภาสินีเป็นอะไรถึงชอบยุ่งทุกเรื่อง”
“พอเถอะค่ะฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
เลขาที่วันนี้ไม่ได้มาในตำแหน่งเดียวแต่ยังมีตำแหน่งภรรยาของเจ้านายด้วย เลือกที่จะขอตัวเดินออกจากตรงนั้นเพราะเธอไม่อยากฟังเสียงคนทะเลาะกันแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เพื่อนช่วยเธอให้ไม่ต้องเป็นฝ่ายตอบโต้รุ่นพี่
“เมื่อเลือกแล้วก็ไม่ต้องสนใจกับคำพูดอะไรทั้งนั้นใช้ชีวิตของเราให้มีความสุขก็พอ”
ภาสินีเดินมาตบไหล่เพื่อนสาวเพื่อเป็นกำลังใจถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคืออะไรแต่รู้แค่เพียงในเมื่อกอหญ้าเลือกที่จะแต่งงานกับท่านประธานก็จงให้ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดก็พอในฐานะเพื่อนเธอพร้อมจะเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเสมอ
ตลอดเวลาของการทำงานยุวดียังคงหาโอกาสมาพูดจากระทบกระแทกแดกดันกอหญ้าอยู่เสมอและทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของพวกเขาปรเมศวร์ได้รับรู้ทุกอย่างเพราะท่านประธานได้ติดกล้องวงจรปิดไว้เกือบทุกมุมของบริษัทเพราะต้องการตรวจสอบพนักงานในเรื่องของการโกงเงินหรือแม้แต่การทำงานไม่สมกับค่าแรงจึงทำให้เขาได้ยินทุกบทสนทนา
“ท่านประธานให้คนไปตามมีเรื่องอะไรคะ”
เจ้านายไม่มีคำตอบให้แต่เขากลับลุกจากเก้าอี้และเดินอ้อมมาล็อคประตูหน้าห้องก่อนที่จะเดินมาโอบไหล่ทั้งสองข้างของภรรยา
“ก่อนหน้านี้คุณเป็นแค่เลขาแต่วันนี้คุณเป็นภรรยาของเจ้านายทำตัวให้เข้มแข็งอย่าให้ใครใช้คุณเป็นเครื่องมือได้สิ”
กอหญ้ากำลังจะเตรียมตัวหันมาเถียงคนตรงหน้าแต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรก็ถูกอีกฝ่ายใช้เนื้อนุ่มแสนอุ่นของริมฝีปากประกบทาบทับจนมีเพียงแค่เสียงออกจากลำคอของเธอเท่านั้น
“สงสัยผมต้องทำให้คุณรู้ว่าอยู่ที่บริษัทคุณก็เป็นภรรยาและไม่ยอมให้ใครมาพูดจาอะไรกับคุณได้”
ชายหนุ่มร่างสูงพูดจบเขาก็อุ้มตัวเจ้าสาวหมาด ๆ พาไปนั่งบนโต๊ะทำงานก่อนที่ตัวเขาจะยืนอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเธอบรรจงพรมจูบไล่ตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงซอกคอยาวระหง สองมือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเหมือนกับเสือที่กำลังหิวทั้งที่ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่บนเตียงนอน
“ไม่เอาค่ะเดี๋ยวใครมาเห็น”
กอหญ้ารู้สึกสับสนกับหัวใจตัวเองไปหมด ความสุขเธอก็อยากให้มันเกิดขึ้นแต่ก็รู้สึกกลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากของคนอื่นอีกเพราะถ้ามีใครเปิดประตูเข้ามาภาพที่เห็นคงเป็นสิ่งที่คนพากันไปนินทาแล้วได้อย่างสนุกปาก
“ที่นี่ห้องทำงานของผมมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ สามีจะมอบความสุขให้ภรรยาก็คงไม่ต้องขออนุญาตใครก่อนมั้ง”
ท่านประธานที่วันนี้ดูเหมือนอารมณ์จะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสาละวนอยู่กับร่างบาง กระดุมทุกเม็ดของหญิงสาวถูกปลดออกจากกันเผยให้เห็นชุดชั้นในตัวจิ๋วที่ซ่อนอกอวบเอาไว้ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆช้อนยอดปทุมวันที่ชูช่อออกมาดูดกินอย่างน้ำใจ
เวทีแห่งรสสวาทวันนี้เปลี่ยนจากห้องนอนเป็นโต๊ะทำงาน ทั้งสองมอบความสุขให้แก่กันโดยลืมไปเลยว่าเวลานี้ยังอยู่ในเวลาทำงาน
“รีบไปทำงานเดี๋ยวยุวดีจะสงสัยแล้วจะมาเล่นงานเข้าอีก ผมไม่ลืมเลยว่าตกลงผมหรือยุวดีใครเป็นเจ้านายกันแน่”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเมื่อคิดถึงสิ่งที่ยุวดีทำเพราะหญิงสาวคงลืมตัวคิดว่าเป็นคนสนิทของดาวิกาแล้วจะทำอย่างไรกับกอหญ้าก็ได้ทั้งที่ความจริงตอนนี้ดาวิกาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทเลย เขาจึงคิดว่าคงต้องฝากบทเรียนอะไรให้ยุวดีบ้าง
“ถ้าคุณออกไปแล้วช่วยตามยุวดีเข้ามาหาผมด้วย”
กอหญ้ารู้สึกตกใจเพราะกลัวว่าสามีของเธอจะลงโทษอะไรในตัวรุ่นพี่ที่ทำงานแต่ปรเมศวร์ก็ยกมือห้ามไว้ไม่ให้เธอพูดเพราะนั่นไม่ใช่ธุระของเธอ เขาเป็นเจ้านายมีสิทธิ์จะทำอะไรกับลูกน้องที่ไม่รู้จักสถานภาพของตัวเองก็ได้
ปรเมศวร์เรียกยุวดีเข้ามาคุย เขาไม่ได้ตัดเงินเดือนหรือทำโทษอะไรแต่ต้องการให้พนักงานรู้ว่าบริษัทนี้เขาเป็นเจ้าของ ดาวิกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยถ้ายุวดียังทำตัวเป็นคนของผู้หญิงคนนั้น เขาคงต้องขอให้เธอย้ายออกไปทำงานที่อื่นแทน
กอหญ้าเมื่อเห็นท่าทางของยุวดีที่เดินออกจากห้องยังคงมีรอยยิ้มร่าเริงตามปกติ เธอก็แอบถอนหายใจคิดว่าเธอคงคิดมากไปว่าปรเมศวร์จะต่อว่าหรือลงโทษยุวดีที่ทำกับเธอ เขาอาจจะแค่เรียกไปเตือนไม่ให้แสดงพฤติกรรมอะไรออกมามากเกินไปเพราะอย่างไรสุดท้ายปรเมศวร์ก็คงยังแคร์ความรู้สึกของดาวิกาอยู่เช่นเดิมหญิงสาวจึงได้แต่เจียมตัวบอกกับตัวเองว่าคงไม่มีการปกป้องใดๆที่เขาจะมอบให้นอกจากการปกป้องเพียงลับหลังเพื่อให้เธอรู้สึกดีและยอมเป็นนางบำเรอของเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ
