2
“นี่เธอกำลังขู่ฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ”
“ดิฉันไม่ได้ขู่ค่ะ แต่คุณก็รู้ว่าดิฉันเอาจริงแค่ไหน ในทุก ๆ เรื่อง”
“ก็คงเอาจริงทุกเรื่อง ถึงได้ออดอ้อนให้ทุกคนรักและเอ็นดูได้ขนาดนี้”
“แล้วท่านประธานล่ะคะ รักฉันรึเปล่า” เธอเอ่ยถามพลางทำสีหน้ายียวนกวนประสาท
“อย่าหวังสูงว่าฉันจะรักเธอ” เขาผลักเธอออกห่าง เมื่อเห็นท่าทีของเธอ คิดจะจับเขาอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก ชายหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มองเธอด้วยสายตาคมกริบ แล้วเดินไปทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ตัวโตของตัวเอง
“ไปได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรไม่ต้องเข้ามา”
“ทำยังกับฉันอยากเข้ามาในห้องนี้นักหรือไง”
“นี่เธอ!” คำพูดยียวนกวนประสาทของเธอ ทำให้เขาเริ่มโมโหอีกรอบ
“ถ้าท่านประธานอึดอัดนัก จริง ๆ ก็ควรที่จะบอกญาติผู้ใหญ่ของคุณว่าไม่ต้องการให้ฉันมาทำงานเป็นเลขานะคะ ไม่เห็นต้องมาทนอยู่แบบนี้เลย”
เธอไม่เข้าใจเลยว่าคนไม่ชอบหน้ากันจะมาทนกันอยู่ทำไม ในเมื่อเขาเกลียดขี้หน้าเธอขนาดนี้
“เราควรเก็บศัตรูเอาไว้ใกล้ตัว ฉันไม่ปล่อยให้เธอห่างสายตาแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะควบคุมพฤติกรรมแย่ ๆ ของเธอไม่ได้”
เธอได้ยินดังนั้นก็อยากจะเถียงเขา แต่ยั้งปากเอาไว้ ชิ! ได้ทีเมื่อไหร่จะแกล้งเสียให้หนำใจเลย
สร้อยเพชรพยายามสงบสติอารมณ์แล้วตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้จะไม่ชอบเจ้านายจอมหาเรื่องเพียงใด เธอก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่ให้ใครมาดูถูกเอาได้
“ได้เวลาแล้ว” เสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นหน้าโต๊ะทำงาน ทำเอาสร้อยเพชรต้องสะดุ้งสุดตัว
“ตกใจอะไร”
“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันคะ จู่ ๆ ท่านประธานก็โผล่มาแบบนี้”
“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานสักที ฟังแล้วขัดหู”
“แล้วจะให้เรียกอะไรคะ เรียกพี่เขมก็ไม่ได้ ท่านประธานก็ขัดหู”
“เรียกเหมือนคนอื่นสิ”
“คนอื่นเรียกท่านประธาน ดังนั้นดิฉันก็ควรเรียกท่านประธาน”
“เธอนี่มัน!” เขากระตุกทีเดียวร่างของเธอก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา สร้อยเพชรยอมรับว่าตกใจ เพราะไม่ทันตั้งตัว เขามองใบหน้าของเธอนิ่งก่อนจะพูดประโยคเน้น ๆ ชัด ๆ กับเธอ
“เรียกชื่อฉันเหมือนคนอื่น แทนตัวเองด้วยชื่อเล่น ไม่ใช่อะไรหรอก พ่อกับแม่แล้วก็ย่าของฉันคงไม่ชอบใจแน่ที่เธอเรียกฉันเสียห่างเหินขนาดนั้น เพราะพวกท่านอยากจับเธอทำลูกสะใภ้เสียเหลือเกิน”
“ค่ะคุณเขม คราวนี้ก็ควรปล่อยได้แล้วนะคะ”
“นึกว่าฉันอยากสัมผัสเนื้อตัวเธอนักหรือไง” แม้จะพูดแบบนั้นออกไป แต่เขาก็รวบข้อมือของเธอมาซุกเอาไว้ใต้รักแร้ หนีบเอาไว้ไม่ให้เธอหนีหายไปไหนได้ ก่อนจะพาเดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยกัน
“คุณเขม คุณทำอะไรของคุณนี่ นี่ปล่อยนะคะ”
“ถ้าเธอขืนพูดมาก ฉันจะจูบเธอตรงนี้แหละ” พอเข้าไปในลิฟต์ได้ เธอก็รีบยกมืออีกข้างมาปิดปากตัวเองเอาไว้
“กลัวโดนจูบขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่รังเกียจ อื้อ...” จังหวะที่เธอพูดเขาก็จัดการดันเธอไปที่ผนังลิฟต์และบดจุมพิตเธออย่างดุเดือด
“นี่คุณ ปล่อยนะ” เธอประท้วงเสียงหอบ เขาทำท่าจะบดปากลงมาใหม่ เธอก็เบือนหน้าหนี เขาเลยจ๊บพลาดไปโดนแก้มสาว มือหนาจับปลายคางสาวเอาไว้ ก่อนจะบังคับจูบเธออีกรอบ
เขาถอนใบหน้าหนีเมื่อรู้ว่าจะโดนกัด ก่อนจะกระแทกปากจูบเธอใหม่ มือน้อยรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังของเขาระรัว ในขณะที่เธอโดนจุมพิตจนปากแทบช้ำ
เขาหอบหายใจระรัวเมื่อลิฟต์เปิดออก สร้อยเพชรจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เธอกลัวคนอื่นเห็น แต่เลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว จึงไม่มีพนักงานพลุกพล่านเหมือนหนึ่งชั่วโมงก่อน
เขมราชมักทำงานกลับเย็นกว่าคนอื่น เธอเป็นเลขาก็ไม่มีสิทธิ์กลับก่อน นี่เป็นความเอาแต่ใจของเขาอีกข้อหนึ่งที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
“ปากเธอก็ใช้ได้อยู่นะ หวานซะไม่มี” เขายื่นหน้าเข้ามาหาอย่างยียวนกวนประสาท ขณะยัดเธอเข้าไปในรถ
“ฉันจะไปเอง” เธอทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป แต่เขาล็อกเอาไว้แน่นหนา ไม่ยอมให้เธอเปิดประตูหนีลงไปได้
เขมราชดูอารมณ์ดีที่เอาชนะเธอได้ เขาเคลื่อนรถออกไปอย่างไม่รีบร้อน วันนี้ไม่ต้องการคนขับรถ แต่ต้องการอยู่กับเธอแค่สองคน
“คุณเขม” เธอเรียกเขาอย่างโมโห
“ถ้ายังขืนโวยวายลั่นรถแบบนี้อีก เราแวะม่านรูดกันก่อนก็ได้นะ”
“ลามก”
“อ้าว นึกว่าอยากเรียกร้องความสนใจให้แวะ”
“ใครจะไปทำแบบนั้นกัน”
“งั้นก็หุบปากซะ จะได้ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ”
สร้อยเพชรนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่คิดว่าโมโหไปก็ไร้ประโยชน์ จึงสงบสติอารมณ์นั่งเงียบไปตลอดทาง
“หนูเพชรมาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้คุณย่าทำอาหารเมนูโปรดเอาไว้ให้หนูด้วยนะจ๊ะ” คุณผกามาศโอบกอดลูกสาวของเพื่อนรักเอาไว้แนบอกด้วยท่าทีคิดถึง
“สวัสดีค่ะคุณย่า คุณลุงคุณป้า” สร้อยเพชรยกมือไหว้ทุกคนหลังจากคุณผกามาศคลายอ้อมแขนออกแล้ว
“ไหว้พระเถอะจ้ะ หิวกันหรือยังเอ่ย”
“กลิ่นอาหารของคุณย่าลอยตลบอบอวนไปทั่วบ้านเลยค่ะ รู้สึกหิวแล้วค่ะ”
