บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ความทรงจำไม่ใช่ของฉัน

ความเงียบกลืนกินทุกอย่าง ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเสียงตะโกน หรือเสียงกรีดร้องของฝูงชนจากด้านบน ราวกับว่าโลกภายนอกก่อนหน้านั้นเป็นเพียงความฝัน

อู่หลิงเยว่นั่งนิ่ง ฟังเสียงลมหายใจตัวเองจนมั่นใจแล้วว่านางปลอดภัยดี จึงได้เริ่มขยับตัวอีกครั้ง คราวนี้นางพยายามคลานออกไปอย่างระวัง มือซ้ายพยุงตัว ส่วนมือขวาเจ็บเกินกว่าจะใช้แรงเต็มที่ ทันทีที่ศีรษะของนางกระแทกเข้ากับกิ่งไม้แห้งที่ยื่นลงมาจากด้านบน

“อ๊าาาาาา!” 

ชั่วขณะนั้นนางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ภาพ และเสียงจากความทรงจำของใครคนหนึ่งแล่นพ่านเข้ามาในโสตประสาทของนางโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างรุนแรงราวกับคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด

หญิงสาวคนหนึ่งนั่งเย็บผ้าอยู่ในเรือนไม้ล้อมด้วยแสงแดดอ่อน ๆ มารดาของนางกำลังเรียกให้ไปกินข้าว บิดาใส่ชุดผ้าแพรนั่งจดบัญชีอยู่บนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ เสียงลมพัดม่านกระทบกันเบา ๆ กลิ่นชาอ่อน ๆ ผสมกลิ่นสมุนไพรลอยในอากาศเหมือนบ้านที่อบอุ่น

แต่วินาทีถัดมา ภาพทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้าย

ไฟลุกไหม้ โกลาหล ผู้คนกำลังวิ่งหนีและกรีดร้อง หญิงสาวในชุดเดิมกำลังกอดศพมารดาด้วยน้ำตาเต็มหน้า บิดาถูกลากออกไปยังตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ นางวิ่งหนีไปในป่าพร้อมกับฝูงชนแปลกหน้า 

วันแล้ว วันเล่าผ่านไปพร้อมกับความหิวโหยและหวาดกลัว บางวันหญิงสาวคนนั้นก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในน้ำเกือบครึ่งคืนเพื่อหลบหนีจากทหารฝ่ายศัตรู 

คนแปลกหน้าในความทรงจำเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่หญิงสาวจากยุคโบราณในภาพจะสะดุดหินริมลำธารล้มศีรษะกระแทก และเลือดไหลไม่หยุด

อู่หลิงเยว่ยกมือขึ้นกุมศีรษะ และเพิ่งจะรู้ตัวว่านางมีบาดแผลอยู่บริเวณไรผมบนหน้าผากจริงๆ หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นจนเหมือนจะหลุดออกจากอก

“ไม่ใช่ของฉัน!! ความทรงจำพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน!!”

แต่นางสัมผัสได้ว่า ทุกอย่างมันเป็นจริง นางไม่ใช่แค่เห็น แต่รู้สึกราวกับเป็นคนเดียวกันกับหญิงสาวผู้นั้น!!

แท้จริงแล้วตอนนี้นางอยู่ในอีกยุคโบราณในแคว้นเหยียน ที่เพิ่งถูกโจมตีจากแคว้นหลัวซานซึ่งสมคบคิดกับขุนนางกบฏนามจ้าวเยียน กำแพงเมืองถูกทำลาย ตลาดถูกเผา ครอบครัวของนางถูกสังหารเพื่อปล้นชิงทรัพย์สินไปจนหมด

และร่างนั้น..ตายใต้ต้นไม้ริมลำธาร

“ฉันตื่นมาในร่างของนาง” ความคิดนี้กระแทกเข้าใส่จิตใจของอู่หลิงเยว่อย่างรุนแรง

ตัวนางในอีกโลกหนึ่งจบชีวิตอยู่ใต้ซากตึกถล่ม แต่กลับมามีชีวิตใหม่อยู่ในอีกโลกหนึ่งที่ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่านางมีตัวตนอยู่ตรงนี้ ไม่มีมือถือ ไม่มีโลกออนไลน์ ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีครอบครัวหรือคนรู้จักหลงเหลือเลยแม้แต่คนเดียว!! 

“ฉันจะอยู่รอดได้ยังไง..?” นางพูดกับอากาศด้วยเสียงสั่นเครือ ราวกับว่าจะได้ยินคำตอบจากใครสักคน

แต่ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหยดน้ำจากรากไม้ด้านบนที่ดังเป็นจังหวะเหมือนหัวใจของอุโมงค์นี้

แล้วทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น..เบาเกินจะเป็นแค่ลมแต่มันคล้ายกับเสียงลมหายใจที่ขาดช่วงของใครบางคน!

อู่หลิงเยว่สะดุ้ง หัวใจเต้นรัวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะกลัวแต่กลับเป็นความหวัง 

หวังว่าจะมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนนางในยามนี้

นางค่อย ๆ ลูบผนังดินแล้วคืบคลานช้าๆ ไปทางด้านที่มีเสียง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ทั้งตื่นเต้น ทั้งตื่นกลัว ทั้งเจ็บ

“มีใครอยู่ไหม” นางเปล่งเสียงออกไปเบา ๆ

“มีใครอยู่ไหม?” นางสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามรวบรวมความกล้าถามออกไปอีกครั้ง น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ก้องกังวานในโพรงมืด ยืนยันว่ายังมีใครบางคนอยู่ในนี้จริง ๆ

อู่หลิงเยว่ค่อย ๆ คืบคลานตามทางอุโมงค์ที่แคบจนพบบริเวณที่โพรงดินที่กว้างขึ้น ใต้แสงจันทร์เลือนรางนางเห็นร่างของบุรุษคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่ ใบหน้าของเขาถูกคลุมครึ่งด้วยผ้าขาดเก่า ๆ

หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้าไปใกล้ร่างนั้น ก่อนจะกัดฟันเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมบนใบหน้าของคนผู้นั้นออก

ใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษในวัยยี่สิบต้น ๆ ปรากฏขึ้นในสายตา ลำคิ้วเข้มได้รูปขมวดแน่นราวกับยังตกอยู่ในห้วงฝันลึก จมูกโด่งตรงอย่างสมบูรณ์แบบรับกับแนวกรามคมชัด

ผมยาวสีดำสนิทของเขาหลุดลุ่ยแผ่สยายไปกับพื้นดิน แม้ดวงตาจะปิดสนิท หากบรรยากาศรอบกายยังแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นน่าเกรงขาม

เสื้อเกราะบางแบบทหารโบราณบางส่วนที่ฉีกขาด แต่อาศัยจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางก็รู้ได้ทันทีว่าสัญลักษณ์บนเสื้อเกราะนั้นเป็นของทหารแคว้นเหยียน!

“ขอโทษนะ คุณได้ยินฉันไหม?” นางถามเสียงเบา

เสียงครางแผ่ว ๆ ดังขึ้นจากลำคอชายหนุ่ม เปลือกตาของเขากระตุกช้า ๆ

“อย่าขยับมากค่ะ คุณบาดเจ็บหนัก” อู่หลิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบและวิตก

สายตาของนางเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่วางอยู่ใกล้ร่างใหญ่ รู้สึกอุ่นใจขึ้นไม่น้อย 

นางรีบคว้าถุงหนังสัตว์ที่พาดอยู่ข้างเอวเขาขึ้นมา ปลายนิ้วสะบัดเชือกเส้นเล็กที่ผูกปากถุงไว้แน่นแล้วค่อย ๆ ประคองให้น้ำไหลหยดลงแตะริมฝีปากเขาช้า ๆ

พอได้ดื่มน้ำไปหลายอึก ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขากระซิบด้วยเสียงแหบพร่า

“พื้นที่ปลอดภัย..ห่างจากที่นี่ไม่ถึงสองลี้..มีทหารแคว้นเหยียน”

อู่หลิงเยว่กลืนน้ำลาย “พื้นที่ปลอดภัย?” นางถามซ้ำราวกับหวังว่าจะได้ยินอะไรเพิ่มเติม

“ไปทางทิศตะวันตก” ชายหนุ่มพูดติดขัดก่อนจะไอแรงๆ แล้วยกมือขึ้นกุมท้องของตน

อู่หลิงเยว่เบือนหน้ามองไปที่รอยเลือดบริเวณช่องท้องของเขา ทหารหนุ่มผู้นี้น่าจะได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีตาย และตกลงมาในหลุมพร้อมกับนาง 

คราบเลือดบนเสื้อและบนพื้นมีทั้งที่แห้งกรังจนเปลี่ยนสี และที่กำลังไหลซึมออกมาไม่หยุดอีกหลายแห่งเมื่อเขาขยับตัว

หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นจนแทบหยุด หากนางปล่อยชายหนุ่มผู้นี้ไว้ลำพังเขาอาจจะตาย..

ภาพในหัวของนางพลันแล่นย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้า

พี่เหมยลี่แม่บ้านวัยกลางคนที่มักจะแบ่งขนมให้นางกินบ่อยๆ ถูกเพดานยุบตัวลงมาทับร่างต่อหน้าต่อตาขณะที่นางกำลังวิ่งตามอยู่ด้านหลัง

อู่หลิงเยว่ได้แต่กรีดร้องเรียกชื่อพี่เหมยลี่ แต่นางก็ถูกซากตึกทับร่างอยู่เช่นกัน รู้เพียงว่าเลือดสดของพี่เหม่ยลี่และของตนเองไหลนองเต็มพื้น นางได้แต่นอนมองพี่เหมยลี่ขาดใจไปช้าๆ โดยไม่มีโอกาสได้ช่วยใครรวมทั้งชีวิตของตนเอง

“ครั้งนี้ฉันสามารถช่วยคนได้” นางกัดฟันแน่น น้ำตาคลอเบ้า

“รอเดี๋ยวก่อนนะ ฉันจะช่วยคุณเอง” 

นางพูดพลางฉีกชายเสื้อของตนเองมาส่วนหนึ่งแล้วพันไปที่ต้นขาของอีกฝ่ายเพื่อห้ามเลือด ส่วนบาดแผลบริเวณท้องที่น่าจะใหญ่กว่า นางก็ฉีกผ้าคลุมของเขามามัดไว้

โพรงดินแคบและมีพื้นที่จำกัด แต่โชคดีที่มีไม้แห้งวางระเกะระกะอยู่ข้าง ๆ นางรีบลากมันมาทำเป็นคานค้ำยันอย่างรีบร้อน

“อย่าฝืนมากนะคะ ฉันจะช่วยประคองเอง”

ชายหนุ่มพยายามยันตัวเองขึ้น เสียงครางต่ำดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเริ่มพร่าเลือน

อู่หลิงเยว่ใช้แรงทั้งหมดที่มีดันร่างเขาขึ้นทีละนิด มือของนางเปื้อนเลือดจนมองไม่เห็นผิวเนื้อเดิม ร่างกายสั่นเทาและแทบหมดแรง กลิ่นคาวเลือดจากร่างคนตัวโตทำให้หญิงสาวแทบจะอาเจียน

เมื่อใกล้ถึงปากโพรงดินที่เป็นเนินลาดต่ำ นางก็หยุดชะงักทันที ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ

หญิงชราร่างผอมที่ท้องถูกแทงทะลุ เด็กชายตัวเล็กนอนนิ่งไร้แขนซ้าย ส่วนชายหนุ่มอีกคนมีบาดแผลที่ศีรษะไม่รู้ว่าเป็นหรือตายอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด!

อู่หลิงเยว่ถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น แขนขาสั่นจนควบคุมไม่ได้ ร่างกายแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว

“อย่ามอง” ทหารผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า

นางหลับตาแน่น พยายามรวบรวมสติให้กลับคืนมา นี่มันชีวิตจริงที่นางและเขายังมีโอกาสรอด! นางต้องเข้มแข็งกว่านี้!!

เมื่อสติกลับคืนมา นางก็พยายามลากชายหนุ่มขึ้นจากโพรงดินอีกครั้ง ใช้แรงจากทั้งแขนและขา แม้ตัวนางเองก็บาดเจ็บแต่ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังในที่สุดก็สามารถพาร่างของเขาขึ้นมาจนได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel