Ep1 เผชิญหน้า
Tt Meta Industry
บริษัทในเครืออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และไมโครชิฟเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก
เพทาย ฝีมือฉมังเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ก็คงไม่แปลกที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยหน้าใหม่ไฟแรง เขากำลังรอการกลับมาของนักบริหารหนุ่มเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากในเมื่อครั้งอดีต แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ใครเล่าจะไปรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังสนิทกันเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
ทามไทเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้รถยุโรปรุ่นธรรมดา จบปริญญาตรีในไทย จากนั้นบิดามารดาก็พาเขากลับอิตาลีเพื่อไปเรียนต่อโท และต่อเอกที่สหรัฐอเมริกา การใช้ชีวิตของเขาจึงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย
ในขณะที่อีกคนก็เรียนต่อด้านไมโครชิฟที่ไต้หวัน เพราะไต้หวันเองก็เป็นประเทศที่เก่งด้านไมโครชิฟรองลงมาจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่อเมริกา ด้วยฐานะทางบ้านของเพทายก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่าสู้ใครอีกคนไม่ได้
“คุณเพทาย สวัสดีค่ะ”
ทันทีที่สาวสวยฝ่ายการตลาดอย่างพินทุอรเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำเนื้อแน่นตัวสูงราว 187 เซนติเมตรเดินเข้ามาบริษัทแต่เช้า แม้เวลาเข้างานจะ 8:30 น. ทว่าผู้คนเริ่มทยอยมาสแกนลายนิ้วมือตั้งแต่ 8:00 น. เพราะการทำงานกับฝรั่ง ใช่ว่าจะสายแบบไทยทามได้ จะยืดหยุ่นแบบระบบตอกบัตรก็คงไม่ใช่ อีกทั้งรายนี้นะเขาเป๊ะตั้งแต่ไหนแต่ไร
“สวัสดีครับ เอ่อ..? ”
“ดิฉัน พินทุอรค่ะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด วันนี้ดิฉันมีหน้าที่แนะนำแผนกต่างๆ ให้คุณเพทายรู้จัก รวมถึงบอสคนใหม่ของเราด้วยค่ะ จะว่าไปอรก็อดตื่นเต้นไม่หาย นี่ทุกคนก็จะได้เจอหน้าบอสคนใหม่วันนี้เหมือนกันค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเรียกแทนตัวว่าอร
คนร่างสูงลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก เมื่อได้ยินคำว่าบอส เพราะเขารู้ดีว่าผู้ที่มาใหม่นั้นเป็นใคร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณพินทุอร”
ชายหนุ่มเอ่ยทักทายหญิงสาวอย่างสุภาพ
“เรียกอรเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
พูดพลางหันมายิ้มใหญ่ ผู้ชายอะไร ตัวหอมชะมัด ถ้าได้เป็นแฟนคงจะดีไม่น้อย สาวสวยที่จัดว่าหน้าตาดี รูปร่างสมส่วนในวัย 29 แอบคิดกับตนเองเพียงในใจ
“คือว่าบอสที่อรจะแนะนำให้คุณเพทายได้รู้จักเดี๋ยวท่านจะเข้ามาช่วงเก้าโมงนะคะ”
ชายหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนถามต่ออีกว่า
“ปกติแล้วคุณอรทำงานที่เมต้ามานานหรือยังครับ?”
“อ๋อ…อรทำมาได้สามปีแล้วค่ะ ตั้งแต่เรียนจบแล้วล่ะค่ะ แต่อรยังไม่เคยเจอบอสตัวจริงหรอกนะคะ ส่วนมากก็เจอผ่านซูมเท่านั้นค่ะ นี่เป็นรอบหลายปีที่บอสจะกลับมาดูแลบริษัทในเครือที่เมืองไทย เห็นว่าพี่ชาย”
หญิงสาวดูเหมือนว่าคนตรงหน้าอาจจะงง จึงอธิบายเสริมไปว่า
“คือบอสคนก่อนที่บริหารเมต้าอยู่ที่ไทย คือพี่ชายของบอสคนที่คุณเพทายจะเจอในวันนี้น่ะค่ะ”
“อ๋อ .. ครับ” เขาตอบพร้อมยิ้มให้กับเธอ
พินทุอรว่าบอสที่เธอประชุมซูมด้วยเป็นครั้งคราว รายนั้นว่าหล่อแล้ว มาเจอพ่อเลขาคนนี้เข้าไปเจ้าหล่อนถึงกับเกือบเดี้ยง โอ้ยคนอะไร หล่อไร้ที่ติ
“งั้นเดี๋ยวอรพาคุณเพทายไปดูในห้องที่ทำงานกันดีกว่านะคะ”
“เอาสิครับ มีอะไรก็แนะนำกับผมได้เลย”
ไม่นานนักประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกมายังชั้น 18
ติ๊ง…
“ชั้นนี้ด้านซ้ายจะเป็นฝ่ายวิศวกรรมนะคะ ส่วนโซนด้านขวาจะเป็นฝ่ายผู้บริหาร ส่วนชั้นที่เราผ่านมาเมื่อครู่ ชั้น 17 เป็นฝ่ายวิจัยและพัฒนา ชั้น 16 เป็นฝ่ายการผลิต ชั้น 15 เป็นมาเกตติ้ง ฝ่ายการเงิน และทั่วไปค่ะ ถ้าอรพูดเร็วหรือไม่เข้าใจก็ถามได้นะคะ”
“ครับ .. เข้าใจครับ”
แม้หญิงสาวจะพล่ามซะยืดยาว ทว่าเขากลับจำได้ทั้งหมด ก่อนที่หญิงสาวที่สูงราวๆ 160 ที่เขาคาดเดาจากสายตาจะพาเปิดไปยังห้องห้องหนึ่ง ที่มันเขียนว่า ‘สำหรับผู้บริหารระดับสูง’ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงได้ถามพินทุอรขึ้น
“คุณอรครับ? ”
“คะ? ”
แต่เหมือนเธอจะพอดูรู้จึงได้เอ่ยต่อก่อนว่า “โต๊ะทำงานของคุณเพทายอยู่ด้านในกับโซนผู้บริหารค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ มันจะแยกโซนเข้าไปด้านในอีกชั้นหนึ่งหน่ะค่ะ แค่คุณต้องแยกโซนกับพนักงานเข้าข้างในก็แค่นั้น”
เธอพูดหันมาพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเขาก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่หญิงสาวจะแนะนำนั่นนี่ บอกชายหนุ่มถึงจุดต่างๆ จนกระทั่งตอนนี้ได้เวลาเข้างาน
“เดี๋ยวสักสิบโมง หลังจากที่คุณเพทายได้ทำความรู้จักกับบอสแล้ว อรจะพาน้องๆ สองสามคนมาแนะนำให้รู้จักนะคะ เพราะคุณต้องได้ประสานงานกับน้องๆ พวกนี้ค่ะ”
เธอหมายถึงพวกเด็กวิศวะอิเล็กทริกนั่นแหละ ก็ไม่รู้ว่าคนสมัยนี้กินอะไรเข้าไป ทำไมถึงได้หน้าตาดีกันนัก เมื่อเห็นว่าได้เวลางานหญิงสาวจึงปล่อยให้เขาเริ่มทำความคุ้นเคยกับที่ทำงาน
8:55 น.
ไม่นานนักเสียงที่ด้านนอกก็เหมือนจะพูดอะไร นั่นคือพวกเขาต่างตื่นเต้นกับการมาใหม่ของใครอีกคน ก็ผู้บริหารคนก่อนว่าหล่อแล้ว มาเจอคนนี้เข้าไป หล่อกินขาด ไม่รู้ว่าพวกเขาทำบุญด้วยอะไรมากันนะ ทำไมถึงได้ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้
เสียงประตูดังขึ้น ทำให้เพทายต้องลุกขึ้นตามมารยาท แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคนที่มานั้นเป็นใคร เขาจำน้ำเสียงและฝีเท้าของการก้าวเดินได้ดี แม้จะทำใจมาบ้างก่อนหน้านี้ แต่พอถึงเวลานี้เข้าจริงๆ เขากลับยืนตัวสั่นไม่หาย พลางนึกย้อนไปเมื่อวันวาน ในช่วงที่คนที่คู่ต่างหวานซึ้งและแอบคบกันอย่างลับๆ สมัยมหาลัย ซึ่งใครก็มองเพียงว่าคนทั้งคู่ต่างเป็นคู่หูดูโอ้ก็แค่นั้น แต่ใครจะหารู้ไม่ว่าพวกเขาเกินเลยไปถึงไหนต่อไหน
ชายหนุ่มแอบคิดในใจว่าทามไทคงจะเป็นเหมือนเดิมสินะ รายนั้นเขาไม่ชอบรู้อะไรล่วงหน้า แม้แต่ประชุม หรือรับน้อง ก็ชอบมาด้นสดเอาท่าเดียว แล้วนี่ดูทรงแล้ววันนี้ก็น่าจะยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาทำงานเป็นเลขาของเขาที่นี่
สักพักเขาก็ได้ยินเสียง ‘กรึบติ๊ด’ เปิดประตูเข้ามา
ตอนนี้บรรยากาศมันช่างน่าอึดอัดและบอกไม่ถูก เมื่อคนทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากัน ทามไทปล่อยให้ประตูอัตโนมัติปิดลงอย่างช้าๆ เขายังคงยืนตัวแข็งทื่อตาค้าง ไม่ต่างกับอีกคน ที่ค่อยๆ ลุกเพื่อที่จะกล่าวทักทายผู้ที่มาใหม่
ทว่า!! คนทั้งคู่ต่างจ้องมองตากันด้วยความนิ่งงัน
“ทาม..” เพทายเป็นคนตัดสินใจเอ่ยขึ้นก่อน เพราะตามมารยาทแล้วเขาก็ต้องเป็นฝ่ายทักทายผู้บริหารก่อนอยู่แล้ว ชายหนุ่มยื่นมือขึ้นมาเพื่อที่จะทักทาย แต่แล้วก็ต้องยืนนิ่งค้างตัวแข็งทื่อ เมื่อบุรุษร่างสูงอีกคนโผเข้ามากอด
แน่นอนว่าเขาก็กอดตอบเช่นกัน
“นายสบายดีมั้ยทาย”
คำแรกที่เขาเอ่ย ทำเอาคนฟังน้ำตาคลอแทบจะทันที
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะ? ”
“ฉันก็สบายดี”
ตอบพร้อมกับอยากจะถามอะไรคนตรงหน้าขึ้นมา ก่อนที่ทามไทจะเอ่ยถามคำถามนั้นอย่างลุ้นในคำตอบ
“นายแต่งงานรึยัง? ”
อื้อหืม จะเอาอะไรมาแต่งกันล่ะครับ ก็ผมไม่เคยจะลืมคุณได้ ชายหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดภายในใจ
“ยังครับ”
นั่นเป็นเพียงคำตอบสั้นๆ แต่ว่าได้ใจความของเขา ทามไทได้ยินเพียงแค่นั้นก็เอาสองมือหนาเหยียดไหล่ของคนตรงหน้าออก ก่อนที่ทั้งคู่จะจ้องมองตากันอีกครั้ง โดยที่ไม่มีใครคิดจะยอมใคร ทามไทสบตากับเพทาย เขาค่อยๆ จ้องมองคนตรงข้ามด้วยความถวิลหา แล้วสายตาคู่คมของเขาก็ค่อยๆ ลดระดับมามองยังริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของอีกฝ่าย ก่อนที่สายตานั้นจะเลื่อนขึ้นไปสบตากันอีกที
มือหนาไม่รอช้า เขาควานหารีโมทคอนโทรล ก่อนจะกดปุ่มล็อกห้องอย่างไว ไม่รอช้าผู้บริหารหนุ่มก็คว้าเลขาหมาดๆ เข้ามาสวมกอดไว้แน่น เขาก้มซบเอาหน้าผากประกบกับคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้ๆ อย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็จ้วงทับเรียวปากลงมายังริมฝีปากของอีกคนอย่างคิดถึง เพทายเองที่ต่างปรารถนารสสัมผัสนี้ไม่ต่างกัน เขาเผยออ้าปากรับเอาสัมผัสนั้นอย่างหลงลืมตัว ทั้งคู่ดูดดื่มกันอย่างหื่นกระหาย ลิ้นหนาที่เกี่ยวตวัด กับลมหายใจที่ติดขัดของคนทั้งสอง ก่อนที่ทามไทจะดึงทึ้งเสื้อสูทตัวนอกของตนเองออกอย่างไว และตามมาด้วยปลดเปลื้องเสื้อสูทของอีกฝ่ายอย่างไวเช่นกัน
พวกเขาไม่มีคำเอื้อนเอ่ยใดๆ นอกจากบทจูบอันวาบหวามที่ส่งผ่านให้กันและกัน ความคิดถึงบวกกับความถวิลหาพุ่งกระฉูดเป็น200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ว่าได้ แต่แล้วบทจูบอันแสนหวานก็ต้องพังครืนลงไป เมื่อเสียงเคาะประตูที่ด้านหน้าดังขึ้น
ก๊อกๆ
“คุณเพทายคะ พินทุอรเองค่ะ”
พวกเขารีบจัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างลวกๆ ก่อนที่ทามไทจะเดินเข้าไปโซนด้านใน รีบก้มลงมาจุ๊บเพทายอย่างไว เมื่อจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงกดสวิตช์เปิดประตูให้พินทุอรเข้ามา
“เข้ามาครับ” เพทายเอ่ยบอกและพยายามสะกดกลั้นอาการเมื่อครู่เอาไว้
พินทุอรแนะนำเด็กใหม่ไฟแรงให้เพทายได้รู้จัก ส่วนผู้บริหารเธอคงไม่ต้อง เพราะทุกอย่างล้วนแจ้งผ่านเลขาส่วนตัวเท่านั้น ไม่นานนักพินทุอร สาวสวยก็พาทุกคนกลับไปหลังจากที่ได้แนะนำทุกคนให้รู้จักกันแล้ว
ตอนนี้ชายหนุ่มถึงกับใจตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมาอีกรอบเมื่อเสียงเรียกจากเครื่องอินเตอร์คอมดังขึ้น
“เข้ามาหาฉันหน่อย”
จากนั้นเขาก็วางสาย ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตามคำสั่ง …
