Chapter 5 ทดแทนบุญคุณ
“ค่าเทอมของหวานหรือว่าของยายหวายจนจบปริญญาตรี ฉันก็ไม่เคยให้พี่ดาต้องได้จ่าย ทางเรารับผิดชอบให้หมด จริงหรือเปล่าล่ะ” ช้อนสายตามอง คนที่ก้มหน้างุด ถึงกับพูดไม่ออก
“ฉันยังจำได้ ในคราวที่สามีของพี่ดาล้มป่วย รักษา รักษา หมดเงินไปเท่าไร จนสุดท้าย อะไร ๆ ก็ไม่สามารถมายื้อชีวิตของผัวพี่ และทำให้ผัวของพี่พ้นเงื้อมมือของมัจจุราชไปได้ สามีของพี่ดาก็เสียไป ค่าจัดงาน ค่าทำศพต่าง ๆ เราก็เป็นคนออกให้ มันก็มากโขอยู่นา”
คนที่ได้ฟัง ถึงกับถอนหายใจดังเฮือก เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคุณกรองจิต ก่อนที่จะเอ่ย
“คุณกรองอยากจะให้ดาทำอะไรให้หรือคะ”
พอได้ยินคำตอบนี้ กรองจิตถึงกับคลี่ยิ้ม
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะพี่ดา”
ลัดดาถึงกับยืดอก หลังตรง ตั้งใจฟัง เรียกได้ว่า กำลังทำใจนั่นแหละ
“ฉันจะขอให้ หวานมีอะไรกับคิน”
“มีอะไร นี่คืออะไรคะ” อดที่จะถามไม่ได้ หัวคิ้วของลัดดาขมวดเกร็ง และเริ่มมีความไม่สบายใจเกิดขึ้น หูนางไม่ได้ฝาด เรื่องที่คุณกรองจิตขอ ก็คือ...
“ฉันขอให้หวานเป็นเมียของคิน ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม”
ทั้งที่พอจะคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ลัดดาก็อดตกใจไม่ได้ 'คนที่วางก้าม และเป็นคาสโนว่าแบบอคินนะเหรอ ที่ฉันจะต้องยกลูกสาวให้'
“เอ่อ... คุณกรองคะ เรื่องนี้ มันต้อง อ่า...” ตะกุกตะกัก เรื่องที่เพิ่งรับรู้ ทำให้ลัดดาพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
“จะเอ่อ จะอ่า อะไร ก็พูดมาสิ” น้ำเสียงเข้มทรงอำนาจ ตวาดออกมาทันควัน คนที่ได้ฟังถึงกับทำหน้าไม่ถูก ใบหน้ายิ่งซีดเผือดลงไปอีก
“คุณคินเป็นคนเอ่ยปากเรื่องนี้หรือคะ” สวนคำถามที่คลางแคลงใจออกไปในทันที
“ฉันเป็นคนพูด ฉันเป็นคนออกปาก พี่ดาก็ได้ยินเต็มสองหูนี่” รู้สึกขัดใจมากทีเดียว
“เหมือนกับมัดมือชกหวาน คือเรื่องนี้ คุณคินไม่ได้รับรู้ด้วย อย่างนั้นหรือคะ” ลัดดาพึ่งจะเข้าใจถ่องแท้
“พี่ดาอย่าลืมนะว่า ตระกูลศรีตุลาเลิศวานิช มีทายาทที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ คิน เขาคือผู้สืบทอดทั้งหมด ทรัพย์สินศฤงคาร ที่พี่ดาเห็นอยู่ทุกอย่าง นั่นคือของของคินแต่เพียงผู้เดียว แต่นี่... เขาไม่ยอมมีทายาท แม้แต่เมีย คินก็ยังไม่ยอมหาเป็นตัวเป็นตน” ถอนหายใจเสียงดัง
“มิเลยว่า ตระกูลศรีตุลาเลิศวานิช คงจะจบสิ้น มันเป็นความร้อนใจของฉันเอง ที่ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ทายาทมาสืบสกุลของเรา”
“แล้วทำไมต้องเป็นหวานคะ”
“ฉันก็บอกพี่ดาแล้วไง เราก็เหมือนญาติกัน ถ้าหวานมีลูกกับคิน สมบัติเหล่านี้จะเป็นของใคร คิดให้ดี ๆ นะคะ”
สายตาของกรองจิตจ้องเขม็งมองดวงหน้าของลัดดา
“แต่ว่า...”
“พี่กับลูกก็ไม่ได้หวังในทรัพย์สินเหล่านี้”
“พี่ดา” กรองจิตทำเสียงแข็ง
“ที่ฉันบากหน้ามาพูดเรื่องนี้กับพี่ ฉันไม่ได้มาเพื่อจะฟังคำปฏิเสธอะไรนะ ที่ฉันต้องการ ก็คือ ให้หวานทำตามที่ฉันต้องการ” คุณกรองจิตประกาศกร้าว
“สัญญากู้ยืมเงินของเรา ที่พี่เอาไปรักษาสามี เมื่อนานโน่น ยังไม่ได้คืนแม้แต่บาทเดียว แล้วบุญข้าวแดงแกงร้อนที่ราดรดหัวพี่กับลูก ๆ ฉันก็ไม่ได้คิด พี่ดา...” น้ำเสียงเย็นทีเดียว พร้อมส่งสายตายะเยือก ที่คนเห็นก็เสียวสันหลังวูบ
“แล้วเป็นเมียของคิน มันไม่ดีตรงไหน แม้จะไม่ได้ออกหน้า แต่ก็ได้อยู่บนเตียงเดียวกับคินนะ”
ลัดดาถึงกับพ่นลมหายใจอีกเฮือกใหญ่ หัวสมองคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นชีวิตทั้งชีวิตของลูกสาวของเธอ คนที่ควรจะตัดสินใจ ก็ควรจะเป็น อารัณ ไม่ใช่คนเป็นแม่
“ที่เงียบ ที่นิ่งไป พี่ดาคิดอะไรอยู่”
“พี่ต้องถามหวานดูก่อน”
“ถามหวานหรือคะ” หน้านิ่วคิ้วขมวด นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจ
“พี่ดาเป็นแม่ประสาอะไร พี่ไม่เคยสังเกตลูกสาวของตัวเองบ้างหรือยังไง”
“ทำไมคะ” น้ำเสียงอ่อนล้า มองสบตากับคุณกรองจิตด้วยความสงสัย
“ใครที่ยืนอยู่บนดวงจันทร์ก็มองออกค่ะว่า หวานน่ะ ชอบคิน หรืออาจจะเรียกว่า ตกหลุมรักก็ได้”
ผู้เป็นแม่ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก
“พี่ไม่รู้ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้คะ” หรี่ตามอง
“เสน่ห์ของคินนะมันเหลือร้าย แค่ชายตามอง”
“เฮ้อ... นี่พี่ดา ฉันน่ะ ไม่ได้คิดจะใส่ร้ายป้ายสีหวานนะคะ แค่พูดความจริง และที่ฉันเลือกที่จะคุยกับพี่ ไม่ได้คุยโดยตรงกับหวาน เพราะฉันยังถือว่า ฉันให้เกียรติพี่อยู่ อยากให้พี่เป็นคนตัดสินใจอีกอย่าง ฉันน่ะ อยากจะได้หวานมาเป็นสะใภ้จริง ๆ” ถอนหายใจทิ้งขว้าง แต่สายตาก็ยังจ้องสบตาไม่ลดละ
“ฉันรักและเอ็นดูหวานมากเลยนะพี่ดา ลำพังยายผู้หญิงที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมานอนกับคินนะ ฉันไม่เห็นว่าใครเหมาะสมกับคิน” ส่ายหัวไปด้วย
ลัดดาหนักใจไปหมด ตอนนี้เหมือนน้ำท่วมปาก พูดอะไรออกมาก็ไม่ได้ 'มันก็จริงอย่างที่คุณกรองจิตพูด หวานรักและปลื้มอคินมากจริง ๆ ถ้าคุณกรองจิตเอ่ยปากเรื่องนี้กับหวาน แม่ลูกสาวก็คงจะกระโดดลงมาทั้งตัวและหัวใจ'
“อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย พี่ดาไม่ควรปฏิเสธฉัน” สายตาจริงจังและแน่วแน่
