เข้ากรุงเทพฯ
ตอนที่ 2
เข้ากรุงเทพฯ
นลินมองเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเพียงน้อยนิด ไม่รู้ว่าเธอจะได้งานทำเมื่อไหร่ ได้แต่รอไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ไม่มีบริษัทไหนติดต่อกลับมาเลย แม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่เธอไปสมัครเป็นแคชเชียร์ ก็ไม่ติดต่อกลับมาสักที่
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงหางานไม่ได้ ทั้งๆที่เธอเรียนจบสูงเกรดก็ดี นลินไม่อยากนั่งรอโชคชะตา ถ้าการอยู่ที่นี่ทำให้ชีวิตของเธอ ไม่ก้าวหน้า เธอก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหางานทำ
“แกจะไปไหน”
ผู้เป็นแม่นั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่โต๊ะ มองลูกสาวที่กำลังเก็บกระเป๋า ช่วงนี้เธอหงุดหงิดบ่อยเพราะออกไปไหนไม่ได้
เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน จนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เมื่อก่อนออกไปนู่นไปนี่ทุกวันแต่ตอนนี้แค่โผล่หน้าออกจากหน้าต่างเธอยังไม่กล้า
“หนูจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ”
“แล้วที่นี่มันทำไม่ได้หรือไง”
คนเป็นแม่เหน็บแนมเข้าใจว่าลูกสาวต้องการทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว แต่ความจริงแล้วนลินไม่ได้คิดแบบนั้น เธอตั้งใจจะไปหางานทำจะได้มีเงินใช้หนี้ แม่ก็ไม่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆแบบนี้อีก
“หนูสมัครงานไว้ตั้งหลายที่ ไปสัมภาษณ์เขาก็ไม่รับ หนี้สินก็เยอะ หนูต้องใช้หนี้ให้แม่ แม่อย่าลืมสิ”
หญิงวัยกลางคนไม่ได้สนใจความทุกข์ของ ลูกสาว เธอสนใจแต่ตัวเอง กลัวว่าลูกจะไม่ยอมส่งเงินมาให้
“แล้วแกพอจะมีเงินให้ฉันไหม”
“หนูไม่มีให้แม่หรอก หนูบอกแล้วไงว่าหนูจะซื้อของกินเอาไว้ให้”
เพื่อป้องกันไม่ให้แม่ไปเล่นการพนันอีกวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด
“แล้วถ้าแกไม่อยู่ล่ะใครจะออกไปซื้อของกินให้ฉัน”
คนเป็นแม่โวยวายขึ้นมา พยายามหาทางเอาเงินจากลูกสาวให้ได้ แต่นลินไม่ใจอ่อน เธอมีวิธีแก้ไขปัญหานี้อยู่แล้ว
“แม่อย่าลืมนะว่าสมัยนี้เราสามารถสั่งอาหารมาส่งที่บ้านได้ แม่อยากกินอะไรก็โทรมา หนูจะสั่งมาให้”
เธอเตรียมเอาไว้หมดแล้ว จะไม่ยอมให้แม่ได้ถือเงินอีก เพราะแม่ของเธอไม่มีวันปรับปรุงตัวได้ หลายปีมานี้แม่เอาแต่เข้าบ่อน งานการไม่ทำ เวลาเธอให้เงินก็เอาไปผลาญเล่นหมดไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
นลินไม่อยากใจร้ายกับแม่ตัวเอง แต่หากเธอยังให้เงินอยู่นั่นเท่ากับว่าเธอสนับสนุนให้แม่เคยตัว
“แกนี่มันขี้งกจริงๆ ขี้งกเหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“หนูไม่เหมือนพ่อหรอกนะแม่ ต่อให้หนูเครียดและกดดันมากแค่ไหน หนูก็คงไม่แขวนคอตายเหมือนพ่อ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนเป็นแม่สะอึก ความรู้สึกบางอย่างพลาดผ่านดวงตาไปอย่างรวดเร็ว แต่หญิงวัยกลางคนก็แกล้งทำเป็นไม่แยแส แต่ลึกๆในใจเธอก็ไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกมา
“แกไม่ต้องขุดคุ้ยเรื่องนั้นหรอก ฉันไม่ได้เสียใจสักนิดที่พ่อแกตาย แทนที่จะอยู่ช่วยลูกเมีย ดันหนีปัญหาด้วยการตาย”
นลินเบื่อหน่ายที่แม่คิดไม่ได้เสียที ที่พ่อตัดสินใจคิดสั้นก็เพราะทนความเครียดไม่ได้ ทำงานเท่าไหร่แม่ก็เอาไปละลายในบ่อนหมด
พ่อคาดหวังว่าแม่จะเก็บเงินที่พ่อโอนมาให้ทุกเดือน แต่เมื่อพ่อกลับมาบ้านพบว่าเงินเก็บไม่เหลือเลยแม้แต่บาทเดียว แถมหนี้สินยังเพิ่มพูนท่วมหัว เพราะทนความเครียดไม่ไหวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของนลินมาโดยตลอด
แต่เธอก็เกลียดแม่ตัวเองไม่ลง ถึงแม้ว่าแม่จะขยันสร้างปัญหามากแค่ไหนแต่เธอก็ตามเช็ดตามล้างให้ไม่หยุดหย่อน
“พ่อคงจะเหนื่อยมาก ดีแล้วล่ะที่พ่อทำแบบนั้น จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจเหมือนหนู”
“นี่แกจะบอกว่าฉันทำให้แกลำบากสินะ แกจะไปไหนก็ไป!”
หญิงสาวหันมองแม่ ลึกๆก็รู้สึกเป็นห่วง แต่หากเธอยังอยู่ที่นี่ชีวิตของเธอก็ไม่มีวันเจริญก้าวหน้า หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ต้องใช้หนี้ให้แม่หมด เงินเก็บก็ไม่มี อยากซื้ออยากกินอะไรก็ต้องอดทนเอาไว้
นลินเดินทางมาที่สถานีขนส่งประจำจังหวัด เธอขึ้นรถเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยจุดหมายปลายทางคือหอพักราคาถูกที่เธอติดต่อเอาไว้
หญิงสาวกำกระเป๋าเงินไว้แน่น นี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เธอหลงเหลืออยู่ และเธอจะต้องหางานทำให้ได้
นลินมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะหาเงินเพื่อใช้หนี้ และสร้างเนื้อสร้างตัว เธอใฝ่ฝันอยากมีบ้านเล็กๆสักหลังเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าความฝันนั้นมันไกลเกินเอื้อม
หญิงสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกคิดถึงพ่อจับใจ สมัยก่อนเวลาเธอมีปัญหาอะไรก็มักจะคุยและปรึกษาพ่อเสมอ แต่พอพ่อไม่อยู่แล้วเธอก็รู้สึกเคว้งคว้างโดดเดี่ยว
ในวันที่พ่อตายเธอยอมรับว่าเสียใจและโกรธมาก เธอโกรธที่พ่อตัดสินใจทิ้งเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มเข้าใจพ่อมากขึ้น เพราะในบางครั้งเธอก็มีความคิดอยากจะตามพ่อไปเหมือนกัน
แต่หัวใจของเธอแข็งแกร่งมากกว่านั้น เธอยังอยากมีชีวิตอยู่ อยากสู้ให้ถึงที่สุดก่อน แต่ถ้าไม่ไหวบางทีเธออาจจะตัดสินใจแบบเดียวกับพ่อ
นลินหลับตาลง กอดกระเป๋าของตัวเองเอาไว้แน่น กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็อีกหลายชั่วโมง แต่เธอก็ไม่กล้าหลับนาน กลัวว่าตื่นมาแล้วกระเป๋าเงินของเธอจะหายไป หญิงสาวไม่ไว้ใจใคร เธอพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับ
แต่ด้วยความเหนื่อยทำให้เธอเผลอหลับไป เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ กระเป๋ารถก็เดินมาปลุก
“น้องๆถึงแล้ว”
หญิงสาวสะดุ้งตื่น เธอรีบลงมาจากรถแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคย เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพราะนี่น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเหลือเธอได้
นลินเดินทางมาที่หอพัก เป็นหอพักเก่าๆอยู่ในซอยเล็กๆ ค่าเช่าเดือนละสองพันบาท ถือว่าถูกมากในกรุงเทพฯ
โชคดีที่ภายในห้องมีเตียง เธอจึงไม่ต้องเสียเงินซื้อที่นอนใหม่ หญิงสาวล้มตัวลงนอนเพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดสัมภาษณ์กับบริษัทแห่งหนึ่ง เธออยากเตรียมตัวให้พร้อม จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด
