ตอนที่ : 11 แหกกฎ 2
“เอ่อ หวานจะค่อย ๆ ผ่อนคืนค่ะ” คนที่ยังไม่รู้ว่าจะมีเงินผ่อนคืนเขาตอนไหน ได้แต่ตะกุกตะกักออกมาแบบไม่มั่นใจ
“ถ้ามาผ่อนคืนนาน ๆ หลายเดือนแบบนั้น คงไม่ได้หรอกน้องหวาน พี่ต้องเอาไปโปะรถพี่น่ะ” อีกคนเลยปฏิเสธในทันที
ชลธารเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา เธอก็แค่หน้าด้านขอยืมดู เมื่อเขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ทัตเทพ หวานไม่กวนแล้วค่ะ”
“ขอโทษจริง ๆ นะน้องหวาน ที่ช่วยอะไรไม่ได้”
“ไม่เป็นค่ะ หวานก็แค่ลองถามดู ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ” ชลธารโบกมือให้เขาอย่างเกรงใจ แค่เขายอมมานั่งฟังเธอคุยเรื่องนี้ ก็นับว่าใจดีกับเธอมากพอแล้ว
เป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องดื่มถูกยกมาเสิร์ฟ ทั้งคู่เลยเปลี่ยนเรื่องคุย เป็นเรื่องงานทั่วไปในแผนกแทน
หากชลธารสังเกตสักนิด ก็จะเห็นว่าธีร์กำลังเดินตรงเข้ามาภายในร้านพอดี เขาพาลูกค้ามานั่งดื่มกาแฟ ก่อนส่งกลับที่หน้าตึกของบริษัท ชายหนุ่มหน้าตึงทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ในร้าน กับเพื่อนร่วมงานชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ท่าทางดูสนิทสนมกันอยู่ไม่น้อย
สักพักใหญ่ ๆ ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป ฝ่ายชายตรงเข้าห้องน้ำของร้านกาแฟ ธีร์เลยขอตัวลูกค้าไปเข้าห้องน้ำบ้าง เขาแค่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัด ๆ เท่านั้นเอง ทว่าเขากลับได้ยินเต็มสองหูอีกด้วย ระหว่างอยู่ในห้องน้ำ
“ว่าไงเทพน้องหวานนัดไปทำไมวะ ข้านั่งรอจนเมื่อยก้นไปหมดแล้วนี่”
“โทษที ๆ พอดีน้องหวานเขาเดือดร้อนเรื่องเงินน่ะ”
“เดือดร้อนเรื่องเงิน อย่าบอกนะว่าน้องหวานมาขอยืมเงินแก”
“ก็เออน่ะสิ”
“ว้าวซ่ามาก ตอนจีบไม่รับ ตอนรู้ว่าถูกสลากออมสินเงินแสนรีบทักมายืมเงินเลย ไม่คิดว่าน้องเขาจะเป็นคนแบบนี้นะเนี่ย ว่าแต่แกใจอ่อนให้ยืมไหมวะ อย่าเชียวนะโว้ย”
“บ้าใครจะไปกล้าให้ยืม รู้ ๆ กันอยู่เงินเดือนน้องก็แค่นั้น จะมีปัญญาที่ไหนมาคืนวะ ตั้งแสนหนึ่ง”
“กล้ายืมตั้งแสนเลยเหรอ”
“เออ แต่ข้าบอกปัดไปแล้วว่าจะโปะรถให้หมด น้องเขาก็เข้าใจอยู่”
“โกหกชัด ๆ รถแกโปะหมดไปนานแล้วนี่”
“ทำไงได้ ก็ไม่อยากให้ยืมนี่นา ถ้ายอมมาเป็นแฟนกันตั้งแต่แรก ป่านนี้ช่วยไปแล้ว”
“เออ ๆ ช่างปัญหาน้องเขาเถอะ เนื้อไม่กินหนังไม่ได้รอง ก็อย่าเอากระดูกมาแขวนคอเลย ไปไอ้กุ้งไปรอที่ร้านแล้ว”
“เออ ไปกัน”
เสียงคนพูดคุยกันข้างนอกตรงอ่างล้างมือเงียบไปแล้ว ธีร์เลยเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา เขากำหมัดแน่นขบกรามจนเส้นเลือดปูดขึ้นตรงขมับ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร แต่เหมือนหัวใจกำลังถูกบดขยี้อยู่ ใช่ เขาเป็นคนบีบ ให้ชลธารต้องทำแบบนั้นเอง
ชลธารเดินออกมาพ้นตัวตึกได้ไม่ถึงสิบก้าว เป็นอันต้องหยุดเดิน เพื่อรับสายโทรศัพท์มือถือจากเขา
“คะคุณธีร์ หวานกำลังจะกลับบ้านค่ะ”
“กลับเข้าตึกมาเดี๋ยวนี้หวาน”
“คะ แต่ว่าหวาน”
“ผมบอกให้คุณเดินกลับเข้ามาในตึกเดี๋ยวนี้ !”
“ค่ะ ๆ” ชลธารนึกไม่ออกว่าทำไม เขาถึงโมโหใส่เธอแบบนี้ ได้แต่ถอนหายใจดัง ๆ ออกมา แล้วหมุนปลายเท้ากลับเข้าไปในตึกอีกครั้ง
หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นเขายืนหน้าบึ้ง อยู่หน้าประตูร้านกาแฟ ที่เธอเพิ่งเดินออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ พอเห็นเธอธีร์ก็เอียงหน้าไปที่ลิฟต์ เป็นการบอกให้ตามเขาไป ชายหนุ่มกดลิฟต์แล้วเดินเข้าไปก่อน เขากดปุ่มเปิดค้างไว้ รอให้อีกคนเดินเข้ามาแล้วค่อยกดปุ่มปิด
“มีอะไรกับหวานหรือเปล่าคะคุณธีร์” คนถามใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้ ยิ่งเขาไม่ตอบด้วย ใจเธอยิ่งหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม
ธีร์ในตอนนี้ดูน่ากลัวมากกว่าปกติ เขาล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง หน้าเธอแทบไม่หันมามองเสียด้วยซ้ำ จะลืมได้อย่างไรว่าเขาคือเจ้านายจอมดุของทุกคน เวลาเล่นคือเล่น เวลางานคืองาน พนักงานบางคนแค่ถูกเขามองเชิงตำหนิ กดดันถึงกับร้องไห้โฮออกมาก็มี แล้วเธอล่ะจะไปเหลือรอดอะไร คิดแล้วก็มองซ้ายขวา หาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน
โชคดีที่ชั้นทำงานของเขาไม่มีคนอื่นอยู่เลย ธีร์เดินนำหน้าเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน ชลธารรีบก้าวเท้าตามหลังไปติด ๆ
“ล็อกประตูด้วย”
กริ๊ก ด้วยอารมณ์เหมือนคนมีไฟสุมทรวงของเขา ทำให้ชลธารแทบไม่ต้องคิด หันหลังไปล็อกประตูตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
ธีร์ล้วงกระเป๋ากางเกงพิงสะโพกบนขอบโต๊ะ ส่วนอีกคนก็ยืนตัวลีบอยู่กลางห้อง หัวไหล่สะพายกระเป๋าข้าง
“เอ่ย คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่าคะ” สายตาจ้องนิ่งดุ ๆ แบบนี้ เหมือนเธอกำลังจะถูกลงโทษอยู่เลย
“เอาของในมือคุณ มาวางไว้บนโต๊ะผมนี่” เขาตบโต๊ะเบา ๆ ชลธารรีบเดินเข้าไปหา วางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ
“วางแล้วค่ะ”
“ทำตรงนี้”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นหลังได้ยิน ทำตรงนี้ คืออะไร เธอยังไม่ค่อยเข้าใจ ธีร์เหมือนมีความโกรธกรุ่น ๆ อยู่ข้างใน แต่ไม่ยอมเอ่ยออกมาตรง ๆ
“อ๊ะ” คนโกรธฉุดข้อมือของเธอ ให้เดินตามไปหลังโต๊ะทำงาน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ใช้เท้าถีบเลื่อนไปด้านหลัง
“เข้ามา !”
“คุณธีร์” ชลธารถูกกระชากข้อมือให้เข้าไป บังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขาของเขา ตอนนี้เธอแทบจะมุดอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาก็ว่าได้
“โกรธอะไรหวานคะ”
“บอกให้ทำตรงนี้ไงหวาน อย่าถามได้ไหม”
“คุณธีร์โกรธเรื่องหวานขอยืมเงินเหรอคะ หวานขอโทษจริง ๆ ค่ะ” เจ้าของน้ำเสียงสั่น ๆ พูดไป มือก็ปลดเข็มขัดเขาออกไปด้วย
“ใช่ ผมโกรธคุณเรื่องยืมเงิน”
“คุณธีร์”
“จัดการเดี๋ยวนี้หวาน” พูดแล้วก็ดึงซิปรูดลงเอง พร้อมกับดึงความเป็นชายออกมาให้หญิงสาว
ชลธารกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ สะบัดหน้าแรง ๆ เพื่อเรียกสติ เธอทำได้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่ เอื้อมมือสั่น ๆ ไปจับเขา ใช้ปากตัวเองทำให้
ธีร์มองคนด้านล่างด้วยสายตาแน่นิ่ง ใช่ เขาโกรธ แต่ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร หรือโกรธใคร เขาต้องการที่ระบายเท่านั้นเอง ชายหนุ่มพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ สายตามองฝ้าเพดานด้านบน ด้วยความคิดที่ไหลผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีความผิดใดที่ชัดเจนเลย
เขาเลื่อนสายตาลงมองคนด้านล่าง เจ้าของดวงตากลมโตมีหยาดน้ำใส ๆ เอ่อคลอตรงหางตา ความรู้สึกถูกถาโถมเข้ามาจนเจ็บหนึบ ใช้ฝ่ามือนาบลงบนพวงแก้มนุ่มเบา ๆ สะกิดเบา ๆ ให้หยุด
“พอแล้วหวานขึ้นมานี่มา” เขาดึงตัวหญิงสาวให้ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตักของตัวเอง
ดันกระโปรงทรงสอบของเจ้าตัวร่นสูงไปอยู่บนสะโพก ชลธารซุกหน้าตรงซอกคออุ่นของเขา แล้วสะอื้นไห้ออกมาเบา ๆ เธอเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มทีในตอนนี้ รู้สึกสิ้นหวังไปหมดทุกหนทาง ธีร์ยังทำเหมือนเธอเป็นแค่ที่รองรับอารมณ์ของเขาอีก รู้สึกเจ็บจนชาไปหมดทั้งหัวใจ
“อย่าร้องไห้สิหวาน” เขาปลอบเบา ๆ น้ำเสียงไม่แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้า ยิ่งทำให้คนร้องร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
“ฮะฮรึก” เสียงสะอื้นไห้ยังไม่หยุด กอดคอเขาแน่นซุกหน้าหนีอยู่แบบนั้น ธีร์ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง
“ไหนขอดูหน้าคนขี้แยหน่อย” เมื่อความโกรธเลือนหาย ความรู้สึกบางอย่างก็กลับคืนมา เขาดันตัวคนบนตัก ให้ออกมาจากซอกคอของตนเอง
“ตาบวมไปหมดแล้วนะหวาน” ธีร์ปาดคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ แววตาของหญิงสาวดูหวาดหวั่นในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“คุณกลัวผมเหรอ” ชายหนุ่มลองถามดู ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าลงช้า ๆ แต่ไม่กล้ามองสบสายตาเขาอยู่ดี
“กลัวทำไมหืม ผมคือคุณธีร์ของคุณไงหวาน” เขาบอกแล้วจูบหน้าผาก ปลายจมูก พวงแก้มทั้งสอง และจุ๊บที่ปากหนึ่งที ชลธารหลับตาปี๋ก่อนลืมขึ้นมา ทำตาปริบ ๆ มองเขาเหมือนไม่ไว้วางใจ
“เอาเป็นว่าวันนี้ผมไปส่งที่ห้องก็แล้วกัน แต่ผมไม่ได้ค้างนะ” เขาตัดสินใจพูดออกมา หลังหญิงสาวเอาแต่มองเขานิ่ง ๆ
“คุณธีร์ไม่กลัวคนอื่นเห็นเหรอคะ”
“ก็อย่าให้ใครเห็นสิ รถผมติดฟิล์มดำไม่ต้องกลัว ป่านนี้คนคงกลับกันหมดแล้วมั้ง ที่ลานจอดรถผู้บริหารตอนนี้คงโล่ง”
“ก็ได้ค่ะ”
“แต่ตอนนี้คุณนั่งทับอะไรผมอยู่รู้ไหม” เขาบอกแล้วลูบสะโพกหญิงสาวไปมา ชลธารหน้าแดงระเรื่อขึ้นในทันที เขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเธอตามไม่ทัน
“ปล่อยหวานลงสิคะจะได้ไม่หนัก”
ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นอย่างรู้ทัน เขาอุ้มหญิงสาวลงจากตัก ให้เจ้าตัวหันหน้าเข้าโต๊ะทำงานแทน ดันกระโปรงของหญิงสาวขึ้นไปพักไว้เหนือเอว เกี่ยวชั้นในตัวน้อยให้หลุดลงจากสะโพก ใช้นิ้วหยอกเย้าหลอกล่อน้ำหวานให้ออกมา ไม่ช้าเขาก็ได้สมดั่งต้องการ ฝ่ามือหนาตรึงสะโพกเอาไว้ทั้งสองข้าง จับกระแทกเข้าหาตัวเองแบบแรง ๆ
ชลธารไม่กล้าร้องเสียงดัง แม้เขาบอกว่าเป็นห้องเก็บเสียงก็เถอะ เธอกลั้นเท่าที่จะทำได้ มือทั้งสองข้างกำขอบโต๊ะของเขาเอาไว้แน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้มันง่ายเลย ธีร์ห่มสะโพกใส่เธออยู่นานสองนาน ก่อนจะเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้น แรงกระแทกครั้งสุดท้าย มาพร้อมกับความอุ่นวาบภายในตัวของเธอ เขากระตุกสองทีอย่างหมดแรง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ไม่วายหันไปหยิบทิชชูเช็ดทำความสะอาดให้เธอ ดึงกางเกงในขึ้นให้ ดันกระโปรงลงที่เดิม
ชลธารหันหลังกลับมามอง เห็นเขาจัดการกับกางเกงของตัวเอง สีหน้าเขาผ่อนคลายไม่บึ้งตึงแล้ว ผู้ชายคงแบบนี้สินะ พอได้ปลดปล่อยอารมณ์ก็เปลี่ยนไป เฮ้อ
ธีร์พาชลธารไปยังชั้นลานจอดรถของผู้บริหาร เป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ มีรถเหลืออยู่แค่สองสามคัน และไม่มีคนอยู่บนชั้นนี้เลย เขาไปส่งที่คอนโดมิเนียมอย่างที่บอกไว้ และก่อนที่ชลธารจะเปิดประตูรถลงไป ธีร์ก็เอ่ยคำพูดบางอย่างออกมา
“หวาน อย่าเที่ยวไปยืมเงินคนอื่นเขานะ ผมไม่ชอบ”
