แต่งงานกับสมิง!
“อะไรนะคะแม่ จะให้หนูแต่งงาน”
ร่างบางที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน หยุดชะงักกับคำพูดของคนเป็นแม่ ที่คุยปรึกษากันอยู่กับพ่อ
“มาพอดีเลย พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอก” คนเป็นพ่อรีบพูด ถ้ารอให้คนเป็นภรรยาพูด ยัยลูกสาวตัวดีได้ชิงหนีขึ้นข้างบนเป็นแน่
“เรื่องที่จะให้หนูแต่งงาน เพราะอายุมันเริ่มเข้าวัยที่จะขึ้นคาน หนูเพิ่งจะ 25 เอาอะไรมาตัดสินว่าหนูจะขึ้นคานคะ” น้ำเสียงแสบแก้วหูไม่เคยทำให้คนเป็นพ่อแม่รำคาญเลยสักนิด เพราะชินแล้วกับเสียงแว๊ดๆ ของลูกสาว
“ก็ลูกไม่ยอมคบหาใครเลย พ่อกับแม่เป็นห่วง” คนเป็นพ่อพูดแทนภรรยาที่นิ่งเงียบ เพราะเสียงแว๊ดของลูกสาวที่พูดขึ้นมาขัด ก่อนที่ท่านจะได้บอกทุกอย่าง และท่านคงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรอีก เพราะลูกสาวเพียงคนเดียวได้ยินที่พวกท่านคุยกันหมดแล้ว
“การที่หนูโสดไม่ได้บ่งบอกว่าหนูไม่มีคนคบ หนูเพิ่งจะ 25 ดาราบางคน 40 ยังไม่ได้แต่งงานยังมีเลยค่ะ พ่อกับแม่จะห่วงอะไรนักหนา” ลูกสาวยังคงใช้น้ำเสียงเดิม เพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อแม่ตัดสินใจไปเลยสักนิด
“แต่คนนั้นเขาดีมากเลยนะลูก” คนเป็นแม่บอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน มือข้างหนึ่งเปิดฝาพิมเสนขึ้นมาสูดดม เพื่อลดอาการหายใจหายคอไม่สะดวก
“อ๋อ เหมือนคนที่แล้วที่แม่บอกว่าดีมากๆ แล้วเมียเขาบุกมาพังงานหมั้นของหนูพร้อมลูกใช่ไหมคะ” ยิ่งลูกสาวมีท่าทีต่อต้านมากเท่าไหร่ คนเป็นแม่ยิ่งยกพิมเสนขึ้นมาดม
“แต่คนนี้ดีจริงๆ เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน แบบที่ลูกต้องการเปะๆ” คนเป็นแม่รีบอวดอ้างสรรพคุณฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ลูกสาวเกิดความสนใจ
“แม่คะ ขนาดพระในวัดยังไม่ใช่คนดีเลย หนูอยู่แบบนี้แหละสบายใจแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าหนูจะไม่มีทายาทให้แม่ หนูมีแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้” พูดจบก็ไม่คิดจะอยู่ฟังสรรพคุณเหยื่อรายใหม่ของพ่อกับแม่ ร่างบางรีบหมุนตัวเดินจากไป
“แต่ลูกต้องแต่งงานกับคุณสมิงนะลูก” เท้าที่ก้าวขึ้นบันไดกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อคนเป็นแม่ตะโกนขึ้นมาให้ได้ยิน
“แม่บอกว่าอะไรนะคะ ใครนะที่หนูต้องแต่งด้วย?” ร่างบางรีบวิ่งลงจากบันไดไปยังจุดเดิม เมื่อกี้เธอได้ยินว่าต้องแต่งงาน ไม่ใช่ให้ไปดูตัวเพื่อแต่งงาน? ต้องแต่งไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่เป็นประโยคคำสั่ง
“แม่ตามใจหนูมามากพอแล้ว ถึงคราวที่หนูต้องตามใจแม่บ้าง อีกสองเดือนนะมายา ลูกต้องแต่งงานกับคุณสมิง” คนเป็นแม่ที่เคยตามใจเธอตลอด พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีท่าทีล้อเล่นเลยสักนิด
“แม่พูดผิดรึเปล่า ไหนแม่บอกว่าเขาเป็นคนดี เหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน แม่รู้ไหมว่าไอ้ เอ่ยคุณสมิงของแม่นี่ มีครบทุกอย่างเลย” มายาพูดบอกคนเป็นแม่ให้เข้าใจ ทำไมเธอจะไม่รู้จักคนๆ นั้น เพราะเขาดังจะตาย ดังสุดในจังหวัดเลยมั้ง
“มันงานของเขา” แม่ก็นะ ยังจะมาแถช่วยคนแบบนั้นอีกเร๊อะ ให้ตายสิ
“ขอเหตุผลที่หนูต้องแต่งกับคนอย่างสมิง หล่อเหรอ ก็อาจจะหล่ออะนะ รวยเหรอ เราก็รวยแล้วไม่ใช่เหรอคะ ดีเหรอ อันนี้มายาว่าไอ้คนที่เมียมันมาพังงานหมั้นยังดีกว่าไอ้คุณสมิงของแม่ด้วยซ้ำ แม่เห็นไหมคะ ว่าหนูไม่มีเหตุผลดีๆ ที่ต้องแต่งกับเขาเลย” มายาร่ายยาวให้คนเป็นแม่ที่นั่งเงียบอยู่โซฟาฟัง
“แต่เขาอยากแต่งงานกับลูก นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่แม่ยอมรับ ในขณะที่คนอื่นลูกต้องวิ่งตามเขา ทำไมลูกไม่ลองหยุดแล้วให้คนอื่นวิ่งตามบ้าง พอเถอะมายา ผู้ชายคนนั้นเขาไม่กลับมาแล้ว” เพราะอยากให้ลูกเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะกรีดแผลใจของคนเป็นลูก แต่ท่านไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ลูกสาวที่ท่านรักควรก้าวออกจากอดีตสักที
“แม่ก็แค่ต้องการลบความผิดที่ตัวเองเคยทำไว้ โดยไม่สนใจความรู้สึกหนูเลย หนูจะแต่งก็ได้ ถ้าสามารถเนรมิตรทุกอย่างขึ้นภายในอาทิตย์หน้า แต่ไม่ต้องหวังชีวิตแต่งงานหวานแหววจากหนูนะคะ เพราะหนูคงไม่มีให้” มายาสาวท้าวออกเดินจากบริเวณห้องรับแขก วิ่งขึ้นห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งขังตัวเองอยู่กับอดีตอย่างที่ผ่านมา
“คุณไปจัดการซะ ในเมื่อลูกตกลงแล้ว ยังไงก็ต้องแต่ง” คนเป็นภรรยารีบบอกสามีที่ยืนนิ่ง และสามีก็รีบไปติดต่อหาทางนั้นอย่างว่าง่าย เมื่อลูกสาวเกิดยอมแต่งง่ายๆ ซะอย่างนั้น
