บทที่ 1 200%
“คุณวศินคนที่ปล่อยเงินกู้ให้ผมน่ะสิ เขาบังเอิญไปเห็นรูปยัยพิมพ์ที่โต๊ะทำงานของผมเข้าเมื่อวันก่อน เขาเลยยื่นข้อเสนอมาให้ผม ว่าจะยกหนี้สินทั้งหมดให้แต่ต้องแลกกับให้เราส่งตัวยัยพิมพ์ไปเป็นของขัดดอก” แม้ว่าจะรู้สึกกระดากปากแค่ไหนแต่เพราะมันเป็นหนทางสุดท้ายแล้วจริงๆ โชคชัยจึงตัดสินใจพูดมันออกไปโดยไม่ลังเล
“คุณพ่อ!! นี่คุณพ่อจะส่งพิมพ์ไปเป็นเมียไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะคะ ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ เป็นตายร้ายดียังไงพิมพ์ไม่เอา พิมพ์มีแฟนแล้วนะคะคุณพ่อ ไม่เอานะคะคุณแม่!” พิมพ์พิไลตวาดลั่นอย่างหัวเสีย แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงจะแย่ที่จู่ๆ เธอจะต้องกลายไปเป็นนางบำเรอของเจ้าหนี้ที่ไม่รู้ว่าหน้าตาจะน่าเกียจน่ากลัวสักแค่ไหน หญิงสาวยอมตายเสียยังจะดีกว่าต้องทำอะไรที่เสียศักดิ์ศรีทำเรื่องน่าอายแบบนั้น!
“ฉันก็ไม่ยอมนะคะคุณ ยัยพิมพ์แกเป็นลูกสาวของฉัน คุณจะใจดำส่งลูกของเราไปเป็นเมียไอ้เจ้าหนี้หัวงูนั่นได้ลงคอเชียวเหรอคะ”
“คุณคิดว่าผมอยากทำแบบนั้นนักรึไง! ผมก็แค่บอกว่าทางนั้นเขายืนข้อเสนอมาให้มันก็เท่านั้น และถ้าเราไม่รับ เห็นทีทั้งบ้านหลังนี้แล้วก็ทุกๆ อย่างของครอบครัวเราคงต้องถูกฝ่ายนั้นฟ้องร้องเอาไปจนหมด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้” เมื่อหัวหน้าครอบครัวพูดออกมาแบบนั้นจึงไม่มีใครหล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก จนกระทั่งพิมพ์พิไลนึกถึงใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ขึ้นมาได้จึงได้ตะโกนขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้ม...
“ยัยฟ้ายังไงล่ะคะ!”
“ลูกว่ายังไงนะพิมพ์!”
“ก็ยัยฟ้ายังไงล่ะคะคุณพ่อ ยัยนั่นสวยกว่าพิมพ์ตั้งเยอะ ทำไมพ่อไม่ลองไปคุยกับไอ้เจ้าหนี้ชีกอของพ่อดูอีกทีล่ะค่ะ ลองส่งรูปยัยฟ้าไปให้มันดูก่อนก็ได้ รับรองได้เลยว่าคงถูกใจมันแน่ จริงไหมคะคุณแม่”
“นั่นสิคะ ยัยฟ้าเองก็ยังไม่มีแฟนด้วยคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกล่ะมั้งคะคุณ”
แขไขต่อเติมก่อนจะหันไปสบตาลูกสาวอย่างชมเชย ทั้งสองเกือบๆ จะลืมไปแล้วว่ายังมีฟ้าลดาอีกคนที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกๆ คนในตอนนี้
“แต่ว่าผม...”
“ไม่รู้แหละค่ะ! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้คุณส่งตัวยัยพิมพ์ไปให้ใครทั้งนั้น คุณเลือกเอาเองก็แล้วกันนะคะว่าจะทำร้ายพวกเราทุกคนด้วยการมองดูสมบัติตั้งมากมายถูกคนอื่นมาแย่งมันไปต่อหน้าหรือว่าจะยอมยกยัยฟ้าให้มันไป ไปกันเถอะลูกพิมพ์ ปล่อยให้คุณพ่อเขาอยู่กับตัวเองไปสักพักเพื่อว่าจะคิดได้บ้างว่าควรจะยอมเสียส่วนน้อยเพื่อแลกกับคนส่วนมาก!” แขไขตวาดตอบโต้ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะฉุดข้อมือลูกสาวของตัวเองให้เดินตามออกไปด้วยอีกคน
แต่ทว่าจุดหมายปลายทางที่ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปอยู่นั้นกลับเป็นสวนหลังบ้านที่ตอนนี้มีร่างบอบบางของหญิงสาวอีกคนกำลังยืนรดน้ำต้นบุหงาส่าหรี ต้นไม้ที่เธอเคยช่วยผู้เป็นแม่ปลูกตั้งแต่ที่มันยังเป็นเพียงต้นกล้าต้นเล็กๆ อย่างตั้งอกตั้งใจทุกๆ คนต่างรู้ดีว่าฟ้าลดารักต้นไม้ต้นนี้มากแค่ไหน หญิงสาวหมั่นรดน้ำพรวนดินจนกระทั่งมันออกดอกเป็นพุ่มๆ ดูสวยให้ได้เห็น แม้จะรู้สึกเสียดายที่แม่ของเธอคงไม่มีโอกาสนี้แต่หญิงสาวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูแลมันต่อไป
“ทั้งๆ ที่ครอบครัวกำลังจะแย่ แกยังมีหน้ามายืนรดน้ำต้นไม้สบายใจเฉิบอยู่อีกรึไงกันยัยฟ้า!” พิมพ์พิไลไม่รีรอที่จะเอ่ยประชดน้องสาวต่างสายเลือดที่เธอไม่เคยนับอีกฝ่ายเป็นน้องเลยสักครั้งตั้งแต่แรกเห็น
“พี่พิมพ์ว่าอะไรนะคะ”
“ก็จะอะไรซะอีกล่ะย่ะ นี่แกไปมุดหัวอยู่เสียที่ไหนมาถึงได้ไม่รู้ว่าตอนนี้ธุรกิจของพ่อแกกำลังจะล้มลลาย พวกเราทุกคนจะไม่มีแม้แต่ที่ที่จะซุกหัวนอนอยู่แล้วแกรู้ไหม!และถ้าแกไม่เชื่อล่ะก็ ถามพ่อของแกดูเองก็แล้วกัน ไปเถอะลูก” แขไขว่าต่อท้ายก่อนจะฉุดข้อมือพิมพ์พิไลลูกสาวออกไปเมื่อเหลือบไปเห็นสามีที่กำลังเดินตรงมาทางนี้เข้าโดยบังเอิญ ฟ้าลดาไม่รีรอที่จะรีบทิ้งบัวรดน้ำในมือลงพื้นก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อในทันทีที่พบว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ คุณน้าแขไขบอกว่าธุรกิจของพ่อกำลังจะล้มลลายอย่างนั้นเหรอคะ จริงเหรอคะพ่อ!” น้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะจ้องมองผู้เป็นพ่อเพื่อรอฟังคำตอบ
สีหน้าของลูกสาวคนเล็กนั้นไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเหมือนกับคนอื่นๆ หากมันกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงที่เพียงได้เห็นก็ทำเอาหัวใจของผู้เป็นพ่อเจ็บหนัก..
