2
“ก็ต้องฉลาดสิ ไม่อย่างนั้นแม่จะหลอกให้พ่อมันทำประกันชีวิตเอาไว้ให้แม่ได้ยังไงกัน แค่พูดดีเอาใจ แล้วให้มันกินยาพิษทุกวัน ในที่สุดมันก็หัวใจวายตาย เราก็ได้เงินมาใช้ฟรี ๆ” แท้ที่จริงแล้วสองแม่ลูกเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เพราะหวังผลประโยชน์ การทำดีนั้นก็เพื่อให้สองพ่อลูกตายใจ จะได้หลอกได้ง่าย ๆ
การที่เราจะร้ายกับใคร ไม่จำเป็นต้องร้ายซึ้ง ๆ หน้าแสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้ ร้ายก็ทำลับหลังหรือเก็บไว้ในใจ รอโอกาสเชือดนิ่มๆ ซึ่งสองแม่ลูกก็ทำแบบนี้มาหลายหนแล้ว และไม่มีใครจับได้ เพราะสามีของปวีณาส่วนใหญ่ก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
งามตระการมากินราดหน้าของโปรดที่ปวีณาทำเอาไว้ให้ เธอรู้สึกว่าตัวเองมีบุญเหลือเกินที่มีมารดาเลี้ยงแสนดีและเป็นคนดีเช่นนี้
ปวีณาแต่งงานกับบิดาก็เข้ามาอยู่ที่บ้าน คอยดูแลบ้านช่องทุกอย่าง ไม่เคยดุด่าว่ากล่าวหรือพูดจาร้ายๆ ให้เสียใจเลย สองแม่ลูกพูดจาดี ให้เกียรติเธอเสมอ และทำสิ่งดีๆ ให้เธอตลอดมา
ยิ่งรู้ว่าเธอพลาดท่าเสียทีท้องแบบนี้ ก็ไม่เคยตำหนิหรือดุด่าว่ากล่าวซ้ำเติมเลยสักครั้ง มีแต่ให้กำลังใจ เพราะกลัวเธออายก็ไม่ให้ออกไปทำงาน อุ้มท้องโย้ ๆ ไปให้ใครว่า ให้ช่วยทำขนมอยู่บ้านเท่านั้น แล้วปวีณาก็นำออกไปขายเอง เธอทั้งเกรงใจและรักใคร่สองแม่ลูกเป็นอันมาก
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ รสชาติถูกปากไหม ราดหน้ายอดผักคะน้ากับหมูนุ่มที่เราชอบไง น้าทำสุดฝีมือเลยนะ” ปวีณาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เคลือบไปด้วยยาพิษ แต่งามตระการไม่ได้คิดสงสัยอะไรเลย คิดว่าแม่เลี้ยงกับลูกติดของนางเป็นคนดี
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ ตั้งแต่เสียพ่อไป น้าณากับพี่สาก็ดีกับงามมาก ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ในชีวิตงามไม่มีใครอีกแล้ว มีแค่น้าณากับพี่สาเท่านั้น” งามตระการพูดอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตารินไหลอย่างหักห้ามไม่อยู่
“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไมหึ น้ากับยายสาน่ะก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับเรานะจ๊ะ อย่าคิดมาก มีอะไรเราก็พึ่งพาอาศัยกันแบบนี้แหละ” ปวีณาลุกขึ้นไปโอบกอดลูกเลี้ยงเอาไว้ ก่อนจะลูบผมนุ่มสลวยของอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน งามตระการซบหน้าเข้าหาเพื่อโอบกอดรอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
สองแม่ลูกมองหน้ากันก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา ทุกอย่างเป็นไปตามแผน รอให้คลอดลูกก่อนเถอะ แกได้ตามพ่อแกไปลงนรกแน่ ๆ
“โอ๊ย! ปวดท้อง ปวดท้องจังเลยค่ะ” ประโยคของลูกเลี้ยงสร้างความตื่นเต้นให้กับสองแม่ลูกไม่น้อย
“จะคลอดแล้วเหรอ ยายสารีบไปเตรียมตัวเร็ว”
“ปวดท้องจังเลย โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว” งามตระการร้องด้วยความเจ็บ แต่ก็อุ่นใจที่มีสองแม่ลูกคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ
“คุณน้า ไม่ไปโรงพยาบาลกันเหรอคะ” เมื่อมารดาเลี้ยงประคองไปนอนที่เตียง งามตระการก็เอ่ยถาม
“ขอน้าดูก่อน หัวเด็กโผล่แล้ว เบ่งคลอดออกมาเลย น้าเคยเป็นพยาบาลมาก่อน น้าทำคลอดให้เราได้ ถ้าไปโรงพยาบาลตอนนี้ คลอดระหว่างทางแน่เลย ดีไม่ดีจะเกิดอันตรายได้ เบ่งเลยจ้ะเบ่ง” ปวีณารีบบอกลูกเลี้ยง เพราะไว้ใจมารดาเลี้ยงมาก แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเคยเป็นพยาบาลมาก่อน เธอจึงไว้วางใจ ยอมให้ปวีณาทำคลอดให้
“เบ่งเร็ว ๆ เบ่ง” ปวีณาเอ่ยบอก ไม่นานทารกน้อยเพศชายก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย
เสียงเด็กร้องไห้จ้า ไม่ทันที่เธอจะได้เห็นหน้าลูกก็สลบไป เพราะปวีณาก็รีบฉีดยาสลบให้ลูกเลี้ยงในทันที
“ได้ลูกชายอ้วนจ้ำม่ำขนาดนี้ รับรองได้เลยว่าคุณคีนจะต้องรักลูกหลงลูกและรู้สึกขอบคุณที่ลูกมีลูกชายให้ตระกูลของเขา” สองแม่ลูกดูแลเด็กชายอย่างดี ในขณะที่งามตระการจะฟื้นขึ้นมา ปวีณาก็รีบฉีดยานอนหลับให้หลับต่อไปอีก
“คุณแม่จะทำยังไงต่อไปคะ” สาวิตรีปรึกษากับมารดา
“ทำตามแผนสิ หนูเอาเด็กคนนี้ไปหาคุณคีนบอกว่าเพิ่งคลอดลูก เราย้ายมาเช่าบ้านอยู่ไกลผู้ไกลคน ไม่เคยมีใครเห็นนังงาม เพราะแม่บอกว่ามันท้องโย้ อายผู้อายคน อย่าออกไปเสนอหน้าให้ใครพบเห็นเลย อีกอย่างลูกสาวของแม่ก็ไม่ได้ทำงานที่โรงแรมนั่นนานแล้ว ถ้าลูกจะพาเด็กนี่ไปบอกคุณคีนว่าคลอดลูกของเขา เขาก็แค่สงสัยและพาไปตรวจดีเอ็นเอ พอรู้ว่าเป็นลูก เขาก็ไม่สงสัยหนูแล้ว ถ้าไปสืบประวัติหนู ถามพนักงานก็จะพบว่าหนูลาออกมาจากโรงแรมนานแล้ว ทุกคนก็จะคิดว่าที่หนูลาออกในตอนนั้นเพราะท้องนี่แหละ หนูก็จะกลายไปเป็นแม่ของลูกชายคุณคีน คราวนี้เราก็จะสบายกันแล้ว”
“เยี่ยมไปเลยค่ะคุณแม่ แล้วนังงามล่ะคะ”
“บอกมันไปว่าลูกมันตายแล้ว”
“แล้วถ้ามันหาศพล่ะ”
“ก็บอกว่าเอาไปจัดการแล้ว เพราะนังงามมันนอนป่วยไม่ได้สติหลังคลอด ใครจะไปรู้ล่ะว่าเราฉีดยาสลบให้มันนอนหลับ”
“คุณแม่นี่ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ”
“แล้วก็ทำให้มันบ้า เสียใจจนทนไม่ไหว จับส่งโรงพยาบาลบ้า จากนั้นก็ไปเสวยสุขกัน มันไม่ใช่ญาติโกโหติกากับเราสักหน่อย จะไปสนใจมันทำไม”
