เพื่อนที่แปลว่าเมีย

82.0K · จบแล้ว
ดอกอ้อลู่ลม
44
บท
25.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ตะวันกูมีเรื่องจะคุยกับมึง เรื่องสำคัญ" 'เรื่อง???" "กูว่ากูกับมึงกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเหอะว่ะ กูว่ากูกับมึงคงไปด้วยไม่รอด" "แล้ว???" "เราเลิกกันเหอะ" "อืม" "หมายความว่ามึง..." "เลิกก็เลิก" "ทำไมมึงพูดง่ายขนาดนี้วะมึงไม่โวยวายสักหน่อยเหรอ" "จะให้กูโวยวายเพื่อ??กูรู้ว่าสักวันมึงต้องพูดคำนี้" "แล้ว...มึงเสียใจมั้ย" "หึ ไม่อ่ะกูทำใจไว้นานละ" "แล้วพ่อแม่มึงกับพ่อแม่กู..." "มึงไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูเคลียร์เอง" "มึงแน่ใจว่าเคลียร์ได้โดยเฉพาะพ่อมึง" "หรือมึงจะไปเคลียร์กับพ่อกูเอง" "กูยอมรับว่ากูขี้ขลาดว่ะ กูยังไม่อยากตายตอนนี้เพราะโดนพ่อมึงเอาปืนมาไล่ยิงกะบาลกู" "เหอะมึงกลัวตายด้วยเหรอได้ซัน" "ลูกชายกูยังใช้งานไม่คุ้มเลยจะให้กูรีบตายไปไหนวะ" "หึ มึงก็คิดได้แค่นี้อ่ะเนอะ" " ตกลงกูกับมึงเลิกกันแล้วนะ" "เออ" "แต่เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่ไหม" "อืมมึงอยากเป็นอะไรก็เป็น" "ขอบใจว่ะมึงนี่โคตรเข้าใจกูเลย" มันดึงฉันเข้าไปกอดอย่างดีใจก่อนจะเดินเอามือล้วงกระเป๋าผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี และนั่นคือการโดนบอกเลิกจากแฟนคนแรกและคนเดียวในชีวิตฉัน แฟนที่เหมือนไม่ใช่แฟน แฟนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ ถามว่ารู้สึกอะไรไหม ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะแปลกและดูเหมือนโกหกเพราะซันมันไม่ใช่แค่แฟนคนแรกแต่มันเป็นผู้ชายที่เปิดซิงฉันทำให้ฉันรู้ว่าเซ็กส์คืออะไร เราแอบมีอะไรกันตั้งแต่อยู่มอปลาย เราต่างเป็นคนแรกของกันและกัน ช่วงนั้นอะไรก็ดีไปหมดโลกสดใสกลายเป็นสีชมพู แต่ก็นั่นแล่ะความรู้สึกแบบนั้นมันผ่านมานานแล้วนานมากจนลืม และตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันมีแค่มันแต่สำหรับมัน..............ช่างมันเถอะ

นอกใจนิยายรักโรแมนติกพาลูกกหนีฟินๆนิยายรักนิยายปัจจุบัน

1

ตะวัน...

ฉันค่อยๆแอบย่องเข้าบ้านตัวเองเพราะกลัวแม่จะเห็นว่าฉันตัวเปียกซกกลับมาบ้านฉันกะว่าจะแอบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำข้างล่างแล้วค่อยขึ้นไปบนบ้านแต่ยังไม่ทันไรฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแม่ที่ยืนถือก้านมะยมรออยู่หัวบันไดบ้าน 

"ไปไหนกันมาตะวัน ซัน พอส ทำไมถึงได้เปียกกันแบบนี้" ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เดินตามหลังมาในสภาพไม่ต่างกันนั่นก็คือไอ้ซันกับไอ้พอส

"เอ่อ...พวกเราไปเล่นน้ำที่ห้วยมาจ๊ะแม่" ฉันตอบเสียงสั่นเพราะแม่เคยบอกไม่ให้ฉันไปเล่นที่นั่นแต่ด้วยความที่อากาศมันร้อนฉันก็เลยช่วนสองคนนี้ไปด้วยเพราะถ้าไปคนเดียวกลัวจะมีอันตรายเพราะฉันว่ายน้ำไม่เก่ง

"แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามไปเล่นน้ำในห้วยไม่กลัวจมน้ำบ้างหรือยังตัวเองก็ใช่ว่าจะว่ายน้ำเก่ง"

"ผมดูแลตะวันมันอย่างดีครับน้าต่ายรับรองไม่มีอันตรายเด็ดขาด" เป็นไอ้พอสที่พูดกับแม่ของฉันด้วยน้ำเสียงสุภาพตามบุคลิกและนิสัยของมันส่วนไอ้ซัน....

"พระเอกชิบหายเลยนะมึงอ่ะ" ซันกระซิบบอกไอ้พอสด้วยท่าทางหมั่นไส้แต่แม่ฉันคงไม่ได้ยินหรอก

"พวกเอ็งก็ตัวพอๆกันจะไปช่วยอะไรกันได้ดีไม่ดีจะจมน้ำกันทั้งสามคนยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงน้ำหลากอยู่ ยังไงน้าก็ขอสั่งห้ามว่าต่อไปนี้ห้ามไปเล่นน้ำที่ห้วยอีกถ้าไม่เชื่อน้าจะห้ามนังตะวันไม่ให้ออกไปไหนอีกเลยเข้าใจไหม!!!!"

"เข้าใจค่า/เข้าใจครับ/เข้าใจครับ"

"เออให้เข้าใจอย่างที่พูดล่ะ เอาล่ะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้ละวันนี้มีกล้วยบวชชีใครมาช้าอด"

จากนั้นพวกเราสามคนก็ต่างวิ่งเข้าบ้านตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งบ้านของไอ้ซันมันอยู่ติดกับบ้านของฉันนี่แล่ะรั้วติดกันเลยส่วนบ้านของไอ้พอสมันอยู่ถัดไปอีกหมู่บ้านนึงมันก็เลยลืมจักรยานของฉันปั่นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านมัน คือตอนมามันซ้อมมอเตอร์ไซค์คนแถวบ้านมันมาน่ะ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา...

"น้าต่ายครับถ้าตะวันเรียนจบมอหกแล้วน้าต่ายจะให้ตะวันมันไปเรียนต่อที่ไหนเหรอ" ขณะที่เราสามคนกำลังนั่งกินกล้วยบวชชีกันอยู่จู่ๆไอ้พอสก็ถามแม่ฉันขึ้นมาทำเอาฉันงงไปเหมือนกันเพราะอีกตั้งสองปีกว่าจะเรียนจบมอหกเพราะตอนนี้เราสามคนยังอยู่มอสี่กันอยู่เลย

"อีกตั้งสองปีน้ายังไม่ได้คิดหรอกว่าแต่เราเถอะตาพอสพ่อเราจะส่งไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่เหรอถ้าจบมอหก"

"ครับแต่ผมไม่อยากไปผมอยากเรียนที่นี่กับตะวันมากกว่า แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ตะวันไปเรียนต่อกับผมด้วย" ครอบครัวของพอสพ่อมันเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของจังหวัดมีฐานะร่ำรวยจึงไม่แปลกที่พ่อแม่ของเขาจะส่งลูกชายคนเดียวไปเรียนเมืองนอก

"ถ้าน้ามีเงินน้าก็อยากให้ตะวันมันไปเรียนเมืองนอกเหมือนกันแต่ค่าใช้จ่ายมันสูงน้าคงส่งไม่ไหวหรอก" ครอบครัวของฉันเป็นเกษตรกรทำสวนทำไร่พอมีพอกินไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ยากจน

"ว่าแต่เราล่ะซันตกลงจะไปเรียนเมืองนอกเหมือนพี่สาวเราหรือเปล่า"

"ไม่รู้เหมือนกันครับ ขอคิดดูอีกที" มันตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรเอาแต่ตักกล้วยบวชชีเข้าปากราวกับคนหิวโหย

ถ้าว่าครอบครัวไอ้พอสมันรวยแล้วครอบครัวของไอ้ซันมันรวยยิ่งกว่าคือรวยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษรุ่นปู่รุ่นย่า คือไม่ต้องทำการทำการอะไรก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติแต่แม่ของมันก็ไม่ได้อยู่เฉยเปิดกิจการมินิมาร์ทซึ่งมีหลายสิบสาขาทั่วจังหวัด บ้านของมันเป็นบ้านที่หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านถ้าเทียบกันบ้านของฉันที่อยู่ติดกันบ้านฉันเหมือนรังหนูเลยก็ว่าได้ ถ้าเทียบความร่ำรวยของครอบครัวเราทั้งสามคนไอ้ซันมาเป็นอันดับหนึ่งไอ้พอสมาอันดับสองส่วนฉันไม่คิดไปเทียบกับพวกมันหรอกแค่ทุกวันนี้มีกินมีใช้ไม่ต้องไปหยิบยืมใครก็ดีแค่ไหนแล้ว อ้อฉันลืมบอกไปว่าพ่อของฉันเป็นกำนันด้วยนะพอจะอวดได้ไหมความภูมิใจของฉันก็คือมีพ่อเป็นกำนันนี่แล่ะ