ตอนที่7 คุยกันไม่รู้เรื่อง2
เมื่อเขาเห็นนางไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปที่ใดแล้ว เขาจึงเริ่มต้นบทสนทนาแนะนำตัวและทำความรู้จักกับนาง
ใช่! เขากับนางควรทำความรู้จักกันด้วยการเสวนากันดีๆ แบบปกติของบุรุษและสตรีทั่วไป
ถึงแม้ว่า เขากับนางจะทำความรู้จักกันด้วยเรือนร่างทุกสัดส่วน ด้วยลีลาเร่าร้อนหลายกระบวนท่าไปแล้วก็ตาม
แต่ทว่า...นอกจากนางจะไม่หนีเขาแล้ว นางยังทำหน้าตาน่าจับกดอีก
นางนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ แล้วซักพักนางก็หันหน้ามามองใบหน้าของเขา
เพียงอึดใจนางก็ใช้สายตาของนางกินเต้าหู้เขา
ใช่! นางใช้สายตาลวนลามเขาไปทั่วทั้งใบหน้า
โดยเฉพาะริมฝีปากของเขา นางมองริมฝีปากของเขาไม่วางตา แล้วอย่างนี้จะได้คุยกันให้รู้เรื่องได้หรือไม่
จ้าวจิ่นหลงนิ่งคิดอยู่อย่างนั้นพลางนั่งมองใบหน้าที่กำลังมีอารมณ์หลากหลายของเฉินเจียวเหมยอยู่นิ่งๆ
เฉินเจียวเหมยยังคงครุ่นคิดอยู่ในใจเช่นเดียวกัน เมื่อมองเห็นบุรุษน่าตายผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งมอบความอัปยศอดสูให้นาง
ยัง ยังจะนั่งหน้านิ่งจ้องมองนางอยู่ได้ ยังคงนั่งอยู่นิ่งๆจ้องมองนางด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ ใบหน้าคมคาย ท่วงท่าเหลือร้าย วางมาดงดงาม อา...น่าหลงใหลยิ่ง
อ๊ะ! ไม่ใช่!
เขากำลังทำให้นางรู้สึกต่ำต้อยใช่หรือไม่
หรืออันที่จริงนางก็ต่ำต้อยด้อยค่ามากๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ทำให้คุณค่าในชีวิตของนางพลันหายไป
หายไปชั่วนิรันดร์ หึ!
นางอยากลืมเรื่องในวันนั้นเหลือเกิน หากยังเห็นเขาอยู่อย่างนี้แล้วนางจะลืมเขาได้อย่างไร
ริมฝีปากของเขานั่นจูบนางทั้งคืนเลยนะ ไหนจะแผงอกแน่นๆ นั่นอีกเบียดเสียดนางจนตลอดแนวเลย ฝ่ามือของเขาอีกเล่า บีบๆ จับๆ นางจนน่วมไปหมด
หึ! นางไม่อยากเห็นเขาแล้ว นางไม่อยากเห็น
เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้น นางจึงรีบหลับตาและทำท่าจะกระโจนตัวหนี แต่ทว่ากลับช้าไป
จ้าวจิ่นหลงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ภายในรถม้าคันเดียวกันรับรู้ได้ในทันทีถึงร่างบอบบางของสตรีที่กำลังจะกระโจนหนีเขาไป
นางจะหนีเขาไปถึงไหน
ไม่เหนื่อยหรือไร
น่าชังเสียจริง!
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงเริ่มขัดเคืองขึ้นมา เขาจึงเอื้อมฝ่ามือใหญ่หนาจับกระชากร่างระหงของเฉินเจียวเหมยให้กลับเข้ามานั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม
เฉินเจียวเหมยถึงกับชะงักงันกลับมานั่งตัวแข็งทื่อด้วยเรี่ยวแรงของนางหรือจะสู้เรี่ยวแรงของบุรุษสูงใหญ่ผู้นี้ได้
เมื่อจ้าวจิ่นหลงจับกระชับเฉินเจียวเหมยให้กลับมานั่งนิ่งๆ ได้แล้ว เขาเพียงนั่งจ้องมองนางอยู่นิ่งๆ มิได้คิดจะเอ่ยต่อคำใด ที่คิดเอาไว้ว่าอยากจะนั่งคุยกันดีๆ ก็ต้องตกไป
เขาเพียงจ้องมองนาง เขาจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น
ในใต้หล้านี้หลากแผ่นดินนี้ ไม่เคยเลยซักครั้ง ไม่เคยเลย
ไม่เคยเลยที่จะมีสตรีนางใดที่จะกล้าหาญชาญชัย กล้าทำกับเขาอย่างนี้
ตั้งแต่เขาเกิดมา เขาไม่เคยเลยที่จะเสียท่าให้กับสตรีคนไหน ไม่เคยเลยที่จะพลาดท่าเสียทีให้ใคร
แต่กับสตรีนางนี้ นาง...นาง...
นางช่างกล้า นางช่างกล้ามาท้าทายกับบุรุษเช่นเขา
เขาไม่ปล่อยนางไปแน่...
ไม่มีทาง!
เฉินเจียวเหมยที่เห็นใบหน้าของบุรุษเจ้าของความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของนางกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตาอย่างนั้น นางจึงทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่ออย่างมิรู้ได้ว่าควรจะทำอย่างไร
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาร้อนแรงดั่งเปลวไฟ กลิ่นอายความร้อนรุ่มจากเรือนร่างของเขาแผ่กำจายซาบซ่านไปทั่วทั้งรถม้าคันนี้ ท่าทางของเขาช่างดูดุดันทรงพลัง แต่...
แต่เฉินเจียวเหมยมิได้หวาดกลัว นางมิเคยหวาดกลัวกับท่าทางน่ายำเกรงของเหล่าบุรุษแต่อย่างใด
ยามเมื่อครั้งที่นางติดตามเหล่าทหารไปคอยเป็นหมอหญิงประจำกองกำลังทหารนั้น นางเจอกับมาดอึมครึมพวกนี้มามากมายนักต่อนัก ทั้งยังต้องเจอการเข่นฆ่าน่ากลัวๆ มาเยอะแยะมากมาย แต่ทว่า...
แต่กับบุรุษตรงหน้านี้
กับบุรุษผู้นี้...
เขากำลังทำให้นางนึกหวาดหวั่น
ยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึงเรื่องในคืนนั้น
คืนแห่งความร้อนแรงนั่น
เขาก็มีท่าทางอย่างนี้
เขาทำท่าทางดุดันน่าเกรงขามข่มคำรามใส่นาง ในขณะที่จับกดนางไม่ยอมปล่อย
นางรู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่ทำให้เขาไม่อาจถอนร่างกายของเขาออกจากร่างกายของนาง
เพราะว่านางเองก็เป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
นางโอบกอดกระหวัดรัดรึงเขาเอาไว้อย่างแนบแน่นในขณะที่เขาก็ถาโถมเข้าใส่นางอย่างหนักหน่วง เราสองสอดประสานกันอย่างเหนียวแน่นเกินห้ามใจเกินยับยั้ง
แต่ทว่า...เขามิได้รักนาง เขามิได้ต้องการนางแต่อย่างใด
นางเองก็เช่นเดียวกัน
นางมิได้ต้องการเขา ไม่ได้รักเขา
นางจะรักเขาได้อย่างไร เขาเป็นใครนางยังไม่รู้เลย
ที่สอดประสานกับจนเนื้อนวลเกือบจะแหลกเหลวนั่น ก็เพราะยาสูตรพิเศษของนางล้วนๆ
นางกับเขาไม่ควรเจอกัน นางไม่ควรเจอกับเขาอีก นางอยากจะลืม
ลืมความอับอาย ลืมความอัปยศดอดสูนี่ นางควรหนี นางจะต้องหนีเขา นางต้องหนีเขาเท่านั้น นางควรหนีเขาไปที่ใดดี
เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นจึงทำท่าจะกระโจนตัวหนีจ้าวจิ่นหลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นอกจากฝ่ามือใหญ่หนาของเขาที่จับกระชากนางให้นั่งอยู่กับที่นิ่งๆ แล้ว ใบหน้าของจ้าวจิ่นหลงพลันแนบชิดเข้ามา แล้วกดจูบนางอย่างเร่าร้อน
“อื้อ...อื้อ” เฉินเจียวเหมยถึงกับตกใจอุทานอยู่ในลำคอ เขาจูบนางอีกแล้ว เขาจูบนาง หญิงสาวได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ
จ้าวจิ่นหลงมิได้สนใจนำพาใดๆ กับเสียงอู้อี้นั่นของสตรีตรงหน้า เขายังคงกดจูบนางอย่างรุกล้ำเอาแต่ใจอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน
อันที่จริงเขาแค่เพียงต้องการที่จะคุยกับนางให้รู้เรื่อง นางบังอาจมาวางยาปลุกกำหนัดเขา นางบังอาจมาดูดพลังกายดูดพลังเพศของเขา นางบังอาจมาทำให้เขาแทบคลั่ง นางทำเขาแทบคลั่งอยู่ในขณะนี้ กับสตรีนางนี้ ที่หนีเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่า นางหนีเขาไปทั้งๆ ที่นางกับเขา...ฮึ่ม! ช่างน่าตายนัก!
เฉินเจียวเหมยรีบดึงสติของตนให้กลับมาและพยายามดิ้นรนขัดขืน หลังจากที่เริ่มจะเคลิบเคลิ้ม อีกแล้ว
นางดันไหล่เขา ดันแผงอกของเขา นางดิ้นรนขัดขืนเขาอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแล้วแต่ก็หาได้เป็นผลกับมนุษย์รากไม้ผู้นี้ไม่
เขายังคงมีความเหนียวแน่นหนึบหนับอยู่กับและริมฝีปากของนาง
เขายังคงกดจูบนาง ดูดดึงนาง เขาใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาสะกดนาง
ยัง ยังไม่พอ นอกจากจูบนางตรงริมฝีปากแล้ว ยามนี้ยังเริ่มซุกไซร้นางไปมาตามพวงแก้มและตามลำคออีกด้วย
มันใช่หรือไม่ มันใช่ในนี้หรือไม่!
ภายในรถม้าก็คับแคบเหลือเกิน
นางจะบิดเบือนไปทางใดก็หาทำได้ไม่
ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเบียดเสียด
ยิ่งขยับก็ยิ่งกลายเป็นตอบรับเขาไปเสียได้
ช่างน่าตายนัก!
เวลาผ่านไปซักพัก ชายหนุ่มหญิงสาวจึงรู้สึกตัวแล้วว่าอารมณ์บางอย่างของพวกเขากำลังจะเกินยับยั้งเกินควบคุม
ซึ่ง...มันไม่สามารถที่จะกระทำการใดๆ ภายในรถม้าคันนี้ได้อย่างแน่นอน
จ้าวจิ่นหลงจึงรีบผละริมฝีปากของตนออกจากใบหน้าของเฉินเจียวเหมยอย่างเก็บข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน
ในขณะที่เฉินเจียวเหมยก็รีบเก็บอาการของตนเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากถอนใบหน้าออกจากกันได้แล้ว แต่ทว่า...กลับยังคงไม่สามารถถอนสายตาออกจากกันได้แต่อย่างใด
สายตาคมกริบกับสายตาสวยใสยังคงสบประสานกันในระยะประชิดอยู่อย่างนั้น
ลมหายใจติดขัดหอบถี่เล็กน้อยยังคงเป่ารดใบหน้าของกันและกันอยู่อย่างนั้น
หากอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มก็คงดี
ยาปลุกกำหนัดยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกหรือนี่
จะวิเศษเกินไปแล้ว....
