บทที่ 1 กลืนกิน (4)
หญิงสาวคิดระหว่างช่วยจัดโต๊ะจนเรียบร้อย พอจัดเสร็จก็เดินตามมารีน่าออกไปเพื่อเตรียมนำอาหารมาขึ้นโต๊ะ แต่หล่อนกลับชะงักเมื่อเห็นแววตาของมารีนาที่มองมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ เอ่อ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะ” มารีน่าตอบนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะเปรยถาม “ขอโทษทีที่ฉันอาจซอกแซกไปสักนิด แต่ฉันจำได้ว่าสีตาของเธอตอนที่ฉันไปตามเธอที่ห้องเมื่อเช้านี้ ฉันเห็นมันไม่ใช่สีนี้...”
“ฉันใส่คอนแทคเลนส์ค่ะ”
หล่อนตอบกลับและเตรียมตัวรับต่อข้อคำถามอันเคยชินว่าทำไมดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของหล่อนมันถึงได้ลึกล้ำมากกว่าดวงตาสีฟ้าของคนอื่น
แต่แม่บ้านทำกลับทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วชวนคุยไปเรื่อยจนแอนนิต้าเป็นฝ่ายเล่าออกไปเอง เกี่ยวการใส่คอนแทคเลนส์ที่จำเป็นต้องใส่
“ฉันใส่คอนแทคเลนส์สี เพราะไม่อยากให้ใครมองว่ามันแปลก ตอนเด็กๆ ฉันถูกคนล้อว่า มันเป็นสีตาของปีศาจ...ปีศาจจากท้องทะเล”
แอนนิต้าเล่าแล้วก็รอดูปฏิกิริยาของคุณแม่บ้าน ที่หล่อนคาดว่านางจะแสดงความรังเกียจออกมาหรือไม่
แต่มารีน่าไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด นอกจากยิ้มให้แล้วช่วยกันทยอยนำสำรับอาหารไปตั้งโต๊ะ แล้วก็ทำเป็นบ่นโอดโอยเกี่ยวกับอาการปวดหลัง ทำให้แอนนิต้าได้คำตอบเพิ่มว่าเหตุใดหล่อนจึงได้งานที่นี่ ถ้าไม่ใช่ว่ามารีน่าเกิดปวดหลังจนไม่สามารถทำงานได้เต็มร้อย เอียนจึงรับคำสั่งจากผู้เป็นเจ้าของบ้านให้หาสาวใช้มาช่วยแบ่งเบาภาระการดูแลทำความสะอาดคฤหาสน์
แต่แอนนิต้าคงไม่รู้หรอกว่าที่มารีน่าไม่แสดงท่าทีรังเกียจ เป็นเพราะนางกำลังกังวลอยู่ต่างหาก... กังวลเกี่ยวกับสีตาของหล่อนและมันเป็นความกังวลที่นางไม่สามารถบอกออกไปได้ในขณะนี้
แอนนิต้ายกสำรับอาหารมาตั้งโต๊ะแล้วยืนสงบเสงี่ยมรอคำสั่งอยู่ที่ด้านข้าง หญิงสาวแอบชำเลืองมองผู้หญิงสาวสวยผมบรอนซ์ทองสองครั้ง แล้วก็รู้สึกได้ว่าเจ้าหล่อนสวยจริงๆ แถมเรือนร่างก็อวบอิ่มเต่งตึงไปทุกสัดส่วน เอวคอดกิ่วสะโพกผายอย่างน่าอิจฉา เรียกได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นเจ้าของหุ่นที่ผู้ชายที่ไหนเห็นเข้าก็คง ‘อยากกิน’ ทั้งนั้น ต่างจากหล่อนที่ตัวเล็ก บอบบางและไม่อวบอิ่ม ไม่ชวนเซ็กซี่เอาเสียเลย
พอคิดมาถึงตรงนี้หล่อนก็หน้าแดงซ่านขึ้นมากับความคิดที่ว่าเจ้านายของหล่อนอาจจะเป็นพวกบ้าเซ็กซ์ ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อคืนนี้หล่อนคงไม่ได้ยินเสียงร้องหวานแหลมโหยหวนของผู้หญิงคนนี้หรอก
แสดงว่า นอกจากเจ้านายของหล่อนจะไม่ใช่มนุษย์ แล้วยังเป็นพวกนิยมมีเซ็กซ์แบบวิตถารอีกด้วย!
แอนนิต้าคิดแล้วก็ให้ขนลุกขึ้นมาจนต้องรีบปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป หญิงสาวเลือกดึงความสนใจของตัวเองกลับมาจดจ่ออยู่ที่หน้าที่ของตนเอง โดยการรอรับคำสั่งตามแต่ที่ผู้หญิงที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ต้องการ แต่สีหน้าของเจ้าหล่อนมันบอกชัดเหลือเกินว่าอยากกลับขึ้นไปอยู่บนเตียงกับเจ้าของคฤหาสน์มากกว่าจะมานั่งกินอาหารรสเลิศในห้องนี้
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั้งผู้หญิงคนนั้นรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย แอนนิต้าก็จัดการเก็บโต๊ะอาหาร ส่วนเอียนก็พาเจ้าหล่อนไปส่งที่หน้าคฤหาสน์ที่มีรถคันสวยจอดรออยู่ แต่สาวสวยกลับร่ำร้องอยากอยู่ที่นี่อย่างหมดอาย แถมยังส่งเสียงร้องเรียกเจ้านายของหล่อนด้วยน้ำเสียงและท่าทางบอกชัดว่าติดใจเจ้านายที่หล่อนยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าสักครั้งด้วย
“อีริคขา...”
“เชิญครับมิสอลิเซีย”
เอียนบอกแล้วเป็นฝ่ายเปิดประตูรถรอให้สาวสวยก้าวขึ้นรถไป เพราะเสร็จหน้าที่ของเจ้าหล่อนแล้วและหล่อนไม่ใช่คนที่เจ้านายของเขาตามหาอยู่ เจ้าหล่อนจึงไม่มีสิทธิอยู่ที่นี่ มันคือหนึ่งในข้อตกลงที่ทำเอาไว้
สาวสวยทำหน้าเสียดายแต่ก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี ทิ้งไว้แต่ความสงสัยของแอนนิต้าที่ว่า ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ได้ทำอะไรกับสาวสวยคนนั้นในค่ำคืนที่ผ่านมา...
ทำไมเจ้าหล่อนถึงติดใจและอยากอยู่ต่อ? ทั้งที่เสียงคำรามเมื่อคืนนี้ออกจะน่ากลัวจนชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อ แต่ดูเจ้าหล่อนจะไม่กลัว แถมยังโหยหาเจ้าของคฤหาสน์เสียจนเชื่อได้ว่าคงยอมทำอะไรๆ ได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับขึ้นไปบนเตียงอันแสนสุขอีกครั้ง
เอ๊ะ! หรือว่าเจ้านายของหล่อนจะลีลาดีจนสาวเจ้าติดใจกันละนี่!
แอนนิต้าคิดแล้วก็หน้าแดงขึ้นมากับจิตนาการที่เข้ามาแทรกซึมอยู่ในหัวสมอง ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าหรือแม้แต่รูปถ่ายตั้งโต๊ะหรือรูปถ่ายติดผนังของเจ้านายแม้แต่รูปเดียว แต่แค่เสียงกรีดร้องหวานแหลมด้วยความสุขสมของผู้หญิงคนเดียว กลับทำให้จินตนาการเลยเถิดไปได้ถึงเพียงนี้
“ทะลึ่งเกินไปแล้ว...”
หญิงสาวเตือนตนเองก่อนจะลงมือทำงาน ปัดความคิดของตัวเองให้จดจ่ออยู่แค่งาน หล่อนจัดการล้างจานชามแก้วน้ำจนเรียบร้อย แล้วกินอาหารเช้ามื้อแรกของวันก่อนจะไปจัดการซักผ้าปูที่นอนที่เอียนถือตะกร้าเดินมาส่งให้ ที่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นผ้าปูที่นอนจากห้องใคร ในเมื่อมันทิ้งร่องรอยคาวสวาทไว้อย่างชัดเจน จนหล่อนแอบกลืนน้ำลายและมั่นใจว่า
“เขาต้องเป็นผู้ชายบ้าเซ็กซ์แน่ๆ”
แอนนิต้ากล่าวหาเจ้าของคฤหาสน์อย่างปักใจเชื่อ ทั้งที่ลืมไปแล้วว่าตนเองควรกลัวกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบมากกว่า ว่าเสียงคำรามเมื่อคืนนี้มาจากไหนและถ้าเป็นเสียงคำรามของเจ้าของคฤหาสน์แล้ว เขาเป็นตัวอะไร?
หญิงสาวซักผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มก่อนจะเอามันไปใส่เครื่องอบแห้ง ในระหว่างนั้นจึงเป็นช่วงเวลาว่างที่หล่อนสามารถพักได้ เพราะมารีน่าไม่ได้ใช้งานหล่อนหนักหนาสาหัสเหมือนกับที่อาสะใภ้ทำ
หล่อนมองมือตัวเองที่ผ่านการทำงานอย่างหนักจากผลของการใช้งานของอาสะใภ้ แล้วก็รู้สึกได้ว่างานของที่นี่แม้จะอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่แสนน่ากลัว แต่มันกลับสบายมากกว่าตอนที่อยู่กับอาสะใภ้เสียอีก
มารีน่าให้เวลาหล่อนพักทำงานและบอกว่าหล่อนไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดห้องในคฤหาสน์ทุกห้อง เพราะบางห้องที่ไม่ได้เปิดใช้ก็ปิดเอาไว้ อาทิตย์หนึ่งถึงค่อยไปจัดการทำความสะอาดครั้งหนึ่ง ส่วนห้องที่ต้องดูแลมากหน่อยก็มีแต่ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่นและห้องหนังสือ แต่นั่นกลับทำให้หล่อนสงสัยบางอย่างและจำได้ว่าตนเองเอ่ยถามออกไป
