บท
ตั้งค่า

11 ครอบครัวปลอมๆ (2)

“ไม่มีผู้หญิงที่ไหนรักลูกของฉันได้เท่ากับฉันและครอบครัวหรอกนะ พวกเธอก็หวังแค่เงินเท่านั้น” สิ่งที่นฤดาบอกไม่ใช่ว่าลูคัสไม่เคยทำ เขาเคยพาผู้หญิงที่คิดจะจริงจังด้วยมาทานข้าวมาลองทำความรู้จักกับจัสมินเธอทำดีกับจัสมินทุกอย่างแต่พอลับหลังลูคัสพวกเธอก็พูดจาทำร้ายจิตใจจัสมินและบอกว่าเขาจะมีลูกคนใหม่และจัสมินจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ

“แล้วทำไมคุณถึงจ้างหนูล่ะ ไม่กลัวว่าหนูจะทำให้หลานสาวของคุณเสียใจเหรอ”

“กลัวสิ ฉันเลยต้องพาเธอมาคุยกับพวกเราที่นี่ก่อน”

“คืออย่างนี้นะหนูหวาน พวกเราอยากขอร้องว่าเวลาอยู่กับจัสมินห้ามพูดเรื่องมีน้องหรือมีลูกคนใหม่ให้จัสมินได้ยิน ห้ามพูดว่าลูคัสจะไม่รักจัสมินห้ามบอกว่าจะไปจากเธอ ถ้าจัสมินถามว่าทำไมถึงไปไม่ไปที่สิงคโปร์ให้หนูบอกว่าจะอยู่ดูแลลูคัสที่นี่”

“แล้วถ้าหนูจัสมินถามว่าทำไมหนูถึงมาหาเธอล่ะคะ”

“พวกเราบอกว่าแม่ของเธอไปทำงานที่ไกลๆ และที่มาหาไม่ได้หลายปีเพราะงานมันสำคัญมากและถ้ากลับมาก่อนกำหนดจะมีความผิด

“ค่ะ” นฤดาพยายามเข้าใจทุกอย่างและคำขอร้องที่มารดาเขาบอกนั้นมันก็ไม่ยากเลยแต่เธอกลัวว่าตนเองจะเข้ากับจัสมินไม่ได้มากกว่า

“ถ้าคิดว่าตัวเองทำได้ก็เซ็นชื่อสิ”

นฤดาหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านทั้งสองแผ่นแล้วมองหน้าครอบครัวของเขาอีกครั้ง

“ค่าปรับนี่คืออะไรคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พวกเราแค่อยากมั่นใจว่าหนูจะไม่ทำให้ให้จัสมินเสียใจ”

“แต่เงินค่าปรับตั้ง 10 ล้านแบบนี้หนูไม่เอาดีกว่า”

“แต่เธอรับปากฉันแล้วนะ”

“ก็ค่าปรับเยอะขนาดนั้นมันน่ากลัว”

“ถ้าเธอคิดว่าตัวเองทำตามที่คุยกันไว้ได้ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย ท่องไว้สิว่าทุกอย่างทำเพื่อเงิน”

“ถึงหนูจะอยากเงินมากขนาดนั้นแต่ถ้าสัญญาเอาเปรียบกันขนาดนี้หนูไม่เอาดีกว่าค่ะ ถึงแม้หนูจะทำงานกินเงินเดือนไม่มากแต่มันก็ไม่เสี่ยงขนาดนี้”

“เอาล่ะ พ่อว่าเราไม่ต้องทำสัญญากันหรอกนะพ่อเชื่อว่าหนูจะทำตามที่พูดได้ สัญญานี้มันก็แค่กระดาษ” เดวิดบิดาของลูคัสพูดขึ้นก่อนที่เขาจะหยิบสัญญาทั้งสองฉบับมาฉีกทิ้ง

“พ่อ”

“เอาน่าคีธเชื่อพ่อเถอะถ้าเธอไม่ยอมทำงานแล้วจัสมินจะเป็นยังไง” เดวิดห่วงความรู้สึกของหลานสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือ

“ก็ได้ครับพ่อ”

เพราะเมื่อไหร่ที่บิดาเรียกเขาด้วยชื่อเล่นนั่นก็หมายความว่าท่านเริ่มจะหมดความอดทนกับสิ่งที่เขาทำอยู่

“ทีนี้ก็สบายใจได้แล้วนะหนูหวาน” มารดาของเขาหันมาพูดแล้วยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี

“แม่คะ ถ้าเกิดน้องจัสมินไม่ชอบหนูแล้วเข้ากับหนูไม่ได้ล่ะคะ” เพราะเธอเจอกับหนูจัสมินไม่ถึงห้านาทีนฤดาเลยกังวลว่าจะเข้ากับลูกสาวของเขาไม่ได้

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยเพราะหนูจัสมินบอกแม่ว่าเธอดีใจมากที่ได้เจอกับหม่ามี้และบอกพวกเราหม่ามี้ของเธอนั้นสวยและดูใจดีมาก”

เมื่อได้ยินแบบนั้นนฤดาก็โล่งใจขึ้นมาบ้างแต่เธอไม่เคยเลี้ยงเด็กและไม่เคยมีน้องมาก่อนก็เลยกลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก

“แต่หนูไม่เคยมีลูก ไม่เคยมีน้องหนูเลี้ยงเด็กไม่เป็น”

“จัสมินมีพี่เลี้ยงอยู่แล้วหนูก็แค่เล่นกับเธอพูดคุยกับเธอก็พอ”

"หนูตกลงทำงานค่ะ"

ครอบครัวสุขสันต์ออกเดินทางจากกรุงเทพหลังจากทุกคนทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วรถตู้คันหรูสองคันและรถลูกน้องอีกสองคันวิ่งไปตามถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศที่อำเภอหัวหิน

ลูคัสนั่งเบาะแถวหน้าสุดคู่กับลูกสาวที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทซึ่งต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าเธอจะยอมขึ้นมานั่งเพราะอยากจะไปนั่งที่เบาะแถวหลังกับมารดาที่เพิ่งได้เจอกัน นฤดาเลยต้องให้เหตุผลว่าเธออยากให้จัสมินได้มองวิวสองข้างทางส่วนตัวเธอเองก็อยากจะนอนพักผ่อนอีกนิด จัสมินเลยต้องยอม แต่เด็กน้อยก็มักจะหันมามองนฤดาอยู่บ่อยๆ จนหญิงสาวต้องแกล้งทำเป็นหลับ

พอรถออกมาได้สักพักจัสมินที่เริ่มง่วงพอนฤดาเห็นว่าลูกสาวปลอมๆ ของเธอหลับไปแล้วหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นข้อมูลการดูแลเด็กซึ่งอ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด

รถคันนี้มีผู้โดยสารด้านหลังแค่สามคนเพราะบิดามารดาของลูคัสแยกไปนั่งรถอีกคันเนื่องจากอยากให้ลูกชายและครอบครัวได้อยู่กันตามลำพัง

“คุณลูคัสคะ” เธอเรียกเขาเบาๆ เพราะกลัวจัสมินจะตื่น

“ฉันบอกให้เรียกแค่ชื่อเรียกห่างเหินแบบนี้อยากให้ลูกสงสัยหรือไง” เขาหันมาทำหน้าดุและทำเสียงเข้มเพราะขัดใจที่เธอไม่ฟังคำสั่ง

“ฉันขอโทษ ก็มันชินนี่คะแต่คุณก็ไม่เห็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่ฉันเลย ถ้าจัสมินเห็นคงคิดว่าคุณกำลังดุฉัน” เพราะรู้ว่าเขารักลูกมากเลยเขาชื่อของจัสมินมาอ้าง

“ก็ตอนนี้ลูกหลับอยู่ เธอก็ควรจะพักอีกนานเลยกว่าจะถึง”

“ฉันมีเรื่องจะถามคุณเยอะ”

“จะถามอะไร ฉันจะพักสายตาอย่ากวนได้ไหม”

“ก็แค่อยากถามเรื่องจัสมิน”

เมื่อเธอจะถามเรื่องลูกสาวสุดที่รักชายหนุ่มเลยย้ายมานั่งเบาะหลังเพราะกลัวจะคุยกันเสียงดังจนจัสมินตื่น

“ว่ามาจะถามอะไร”

“ฉันจะถามว่า”

“หวาน เธอต้องแทนตัวเองว่าหวาน”

“ค่ะ คือหวานอยากรู้ข้อมูลของจัสมินว่าเธอชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ชอบกินขนมแบบไหน ไอติมรสโปรดคือรสอะไร”

“จัสมินชอบกินทุกอย่างที่ไม่ใช่ข้าว พวกสปาเก็ตตี้ พาสต้า ราดหน้า ขนมปัง ชอบกินเค้กบลูเบอร์รี่ ไอติมรสช็อกโกแลต ไม่ชอบกินน้ำอัดลมชอบกินน้ำเปล่า ไม่กินลูกอม”

“ชอบสีอะไรคะ ชอบดูการ์ตูนเรื่องไหนมากที่สุด ชอบเจ้าหญิงดิสนีย์คนไหน”

“ชอบสีชมพูกับฟ้า ชอบดูการ์ตูนทุกเรื่องแต่ถ้าเรื่องไหนมีสัตว์เลี้ยงจะชอบเป็นพิเศษส่วนเจ้าหญิงที่ชอบก็น่าจะเป็นเอลซ่า”

“คุณจำได้หมดเลยเหรอคะเก่งจัง” นฤดามองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชมเพราะไม่คิดว่าเขาจะจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวได้

“ฉันมีลูกสาวคนเดียว จัสมินคือทุกอย่างของฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังเพราะลูกคือทุกอย่างของเขาอะไรที่ทำให้ลูกได้เขายินดีจะทำก็เหมือนกับที่ทำอยู่ในตอนนี้ เมื่อจัสมินคิดว่านฤดาคือมารดาของเธอเขาก็ไม่คิดจะขัดใจหรือบอกความจริงกับลูกเพราะกลัวจัสมินจะเสียใจและผิดหวัง เขาจะรอให้เธอโตกว่านี่ถึงจะบอกความจริง

ปกติแล้วจัสมินจะอยู่กับบิดามารดาของเขาที่สิงคโปร์และจะกลับมาเมืองไทยไม่ค่อยบ่อย การจ้างให้นฤดามาทำงานจึงเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

“หวานขอถามหน่อยนะคะ” นฤดาอยากทำงานให้คุ้มกับเงินที่เขาจ้างมากที่สุดเธอจึงต้องถามข้อมูลของนายจ้างมากขึ้น

“ถามมาสิ” เพราะลูคัสรู้ว่าสิ่งที่เธอจะถามคือเรื่องของลูกสาวเขาจึงไม่รำคาญหรือหงุดหงิด

“เวลานอนหวานต้องเล่านิทานให้จัสมินฟังไหมคะ”

“ปกติจัสมินจะนอนกับแม่ฉันนะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะมานอนกับเราไหม”

“เราเหรอคะ หมายความว่าเราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel