11 คืนเปลี่ยน nc
ชนัญชิดาครางหวานร่างกายกระตุกสุขสมอย่างรุนแรงอีกครั้งร่องรักรัดลึงอย่างแรง เมฆินทร์เร่งจังหวะหนักหน่วงติดกันไม่ยั้งก่อนจะทุกอย่างจะระเบิดออก
“มะปราง...อ้า......”
เขาครางลั่นห้องท่อนเอ็นพ่นน้ำรักออกมาจนหญิงสาวรู้สึกอุ่นในร่องรักที่ยังคงตอดรัดสิ่งแปลกปลอมอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกดย้ำขยับเข้าออกจนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาจนหมด
“อ่าห์...เธอเด็ดมากฉันชักติดใจแล้วสิ” เขากระซิบขณะที่ท่อนเอ็นยังแช่อยู่ในร่องรัก
“คุณเมฆ....หนูว่า.....”
“ว่าอะไร....” น้ำเสียงฟังดูอ่อนขึ้นเมื่อรู้ว่าตนเองได้เป็นคนแรกของเธอ
“คือ.....”
“ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขและอยากจะให้ฉันเอาต่อ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ เธอต้องชดเชยให้ฉัน หนึ่งเดือนที่ฉันอดทนไม่มาหาเธอ”
“แต่หนูก็ไม่ได้ห้าม คุณไม่มาหาหนูเอง” หญิงสาวรู้สึกน้อยใจที่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด แม่ได้เป็นอะไรกันแต่เขาพูดเองว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแต่กลับไม่เคยติดต่อมาเลย
“เพราะฉันอยากให้เธอสอบเสร็จก่อนยังไงล่ะ นี่อย่าบอกว่ากำลังน้อยใจ”
“เปล่าค่ะ”
“ก็ดีแล้วเพราะเธอก็แค่นางบำเรอ เธอไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนั้น”
“หนูรู้ค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้วจากนี้ ฉันจะให้เธอทำหน้าที่ของเธอเริ่มจากคืนนี้เป็นต้นไป”
“คือ...อื้อ....”
ชนัญชิดายังไม่ทันพูดอะไรเมฆินทร์ก็จูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาตักตวงความสุขจากเรือนร่างของหญิงสาวจนเธอหมดแรงก่อนเขาจะลุกขึ้นอาบน้ำ
เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าตอนนี้ชนัญชิดานอนตะแคงหันหน้าหนีไปอีกทาง พยายามกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นเครื่องยืนยันถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับในคืนนี้
เมฆินทร์ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ เธอ เขามองแผ่นหลังที่สั่นเทิ้มของชนัญชิดาด้วยความรู้สึกผิดและสับสนในตัวเอง เขาก้มลงจูบไปบนไหล่เนียนก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ชนัญชิดาอยู่กับความเจ็บปวดและน้ำตาเพียงลำพังในค่ำคืนที่แสนโหดร้ายนี้
เมฆินทร์เดินมาที่ระเบียง มองวิวเมืองที่มืดมิดเบื้องล่าง ลมเย็นๆ พัดเข้ามาปะทะใบหน้า เขานึกถึงภาพในห้องนอนเมื่อครู่ ภาพน้ำตาของเธอ ความบริสุทธิ์ของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร ไม่เคยคิดจะก้าวล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้ แต่ความโกรธและความหึงหวงที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นทำให้เขามืดบอดชั่วขณะ
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธเธอขนาดนั้น ทั้งที่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเธอยิ้มหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง ราวกับว่าเธอเป็นของของเขาและที่ไม่ควรมีใครมาแตะต้อง
คืนนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาไม่เข้าใจความรู้สึกที่มีต่อเธอ แต่มันไม่ได้รู้สึกแต่ในฐานะเจ้าหนี้อีกต่อไปแล้ว
เมฆินทร์กลับเข้ามาในห้องก็พบว่าชนัญชิดาหลับไปแล้วเขาก็เดินออกมาจากห้องนอนและขับรถกลับมาที่คอนโดของตนเองซึ่งห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
ชายหนุ่มไม่เคยนอนกับใครถึงเช้า เขาไม่ชอบที่ตื่นมาเจอหน้าใครเพราะมันทำให้เขานึกไปถึงความรักครั้งเก่า เขาใช้ชีวิตกับชาลินีนานเกือบสองปี ในทุกวันที่อยู่ด้วยกันเต็มไปด้วยความสุข แต่ความรักที่คิดว่าสวยงามก็พังทลายลงเมื่อจู่ๆ หญิงสาวก็บอกเขาว่าเธอเบื่อและอยากออกไปใช้ชีวิตอิสระ เขายอมให้เธอย้ายออกไปอยู่ตามลำพังเพียงแค่สามเดือนเธอก็ขอเลิกเพราะกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่เธอแอบคบกันลับหลังเขา
เหตุการณ์ครั้งนั้นมันทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา มองความรักเป็นเรื่องไร้สาระและไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย สำหรับเขาผู้หญิงก็คือของเล่นแก้เบื่อนางบำเรอชั่วคราวที่เขาใช้เงินและมา
ชนัญชิดาลืมตาขึ้นมาในสายของวันเสาร์ เปลือกตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืนค่อยๆ กะพริบ เธอหันไปมองข้างกายมีเพียงเตียงนอนเมฆินทร์ไม่ได้นอนอยู่ที่นี่ แต่เธอจะหวังอะไรล่ะในเมื่อเธอก็คือนางบำเรอ
น้ำตารินลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวยกมือขึ้นกอดตัวเองร้องไห้อย่างหนักเพราะเสียใจที่สูญเสียความบริสุทธิ์ที่เธอหวงแหนถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของผู้ชายที่เธอไม่ได้รักและเขาไม่ได้รักเธอ
หญิงสาวรู้ดีว่าสักวันหนึ่งเรื่องนี้มันก็ต้องเกิดขึ้น แต่เธอคิดว่าสถานการณ์มันน่าจะดีกว่านี้แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความโมโหและจบลงด้วยการที่เขาระบายทุกอย่างลงมาที่เธอ
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ” เธอพึมพำกับตัวเองกอดหมอนข้างแน่น พยายามระบายความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาผ่านหยาดน้ำตา
เวลาผ่านไปเนิ่นนานชนัญชิดาก็ลุกจากเตียงด้วยขาที่แทบไม่มีแรงจะก้าวเกิน เธอเจ็บแปลบที่กลางกายแต่ก็พยายามเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ใบหน้าที่ซีดเซียว ขอบตาที่บวมที่สะท้อนกลับมา หญิงสาวยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าปลอบประโลมตัวเองว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วและต้องยอมรับกับชะตากรรม
สายน้ำอุ่นที่ไหลรินลงมาช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น ความเจ็บปวดทางกายเริ่มจางหายไป แต่ความเจ็บปวดทางใจกลับยังคงอยู่
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ชนัญชิดาก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เธอเดินไปที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นหยิบกล่องข้าวสวยที่ทานไม่หมดแล้วเก็บไว้เมื่อวันก่อนกับเครื่องข้าวต้มที่ผัดไว้ เธอตั้งหม้อใส่น้ำลงไป พอน้ำเดือดก็เติมข้าวสวยและเครื่องที่ผัดไว้ซึ่งมีทั้งหมูและกุ้งที่ผัดจนเข้ากัน รอจนเดือดอีกรอบก็โรยด้วยขึ้นฉ่ายและกระเทียมเจียว ตักใส่ถ้วยและนั่งทานคนเดียวเงียบๆ
ตอนนี้ร่างกายของเธอยังต้องการพลังงาน เธอตักข้าวต้มใส่ปากอย่างเชื่องช้า รสชาติที่ปรุงเหมือนเดิมแต่กลับไม่รู้ถึงความอร่อยของมันแต่เธอก็พยายามกลืนลงไปทีละคำ เพื่อให้ตัวเองมีแรงไปใช้ชีวิตต่อในแต่ละวัน
ในขณะที่กำลังฝืนทานอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอคว้ามันขึ้นมาดูเห็นชื่อไอลดาก็รีบกดรับสาย
“ฮัลโหลยัยมะปราง แกเป็นไงบ้าง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเมฆินทร์ถึงได้มาลากแกกลับไปแบบนั้น” เสียงของไอลดาเจือความกังวลและสงสัยดังมาตามสาย
“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอกแก เขาแค่มีเรื่องจะคุยด้วยนะ ฉันเองก็รู้สึกเมานิดหน่อยคุยเสร็จก็เลยขอให้เขามาส่งที่คอนโด”
“แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม เขาก็ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”
“ไม่นะเขามาส่งแล้วก็กลับ” ชนัญชิดาเลือกที่จะโกหกเพราะแค่เพื่อนรู้ว่าเธอถูกพ่อขายให้เขาก็อายมากอยู่แล้ว
“โล่งใจไปหน่อย แล้วจะเอาไงกับช่วงปิดเทอมล่ะ พวกฉันว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันน่ะ ไปภูเก็ตกันไหม”
คนถูกถามเงียบไปเล็กน้อย เธอไม่ได้คิดเรื่องปิดเทอมเลยสักนิด หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอคงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
“โทษนะแก ฉันว่าจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ พวกแกสองคนเที่ยวเผื่อด้วยนะ”
“น่าเสียดายพอเปิดเทอมหน้าเราก็ต้องฝึกงานแล้ว คงไม่มีโอกาสเที่ยวด้วยกัน”
“ฉันก็เสียดายนะ” ชนัญชิดาอยากไปเที่ยวกับเพื่อนไปใช้ชีวิตอิสระแต่ตอนนี้ชีวิตเธอมันไม่มีอิสระอีกต่อไปแล้ว
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไว้ค่อยเที่ยวกันตอนเปิดเทอมก็ได้ น่าจะพอมีวันหยุดยาวบ้าง”
หลังจากวางสายจากเพื่อนชนัญชิดาก็นั่งหดหู่อยู่บนโต๊ะอาหาร เธอพยายามคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง ช่วงปิดเทอมเธอวางแผนว่าจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อสักพัก เพื่อหาเงินพิเศษทำงานพาร์ทไทม์และวางแผนชีวิตต่อ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเมฆินทร์จะอนุญาตให้เธอกลับบ้านหรือไม่แต่ถ้าเธอเก็บของและกลับไปตอนนี้เขาก็คงห้ามไม่ทัน เผลอๆ เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับบ้านเพราะปกติเขาก็ไม่มาที่นี่อยู่แล้ว
