เผลอใจรักท่านแม่ทัพไร้ใจ

37.0K · จบแล้ว
หยกขาว ปิ่นหยก
18
บท
22.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เสี่ยวฮัว ถูลงข้างล้างอีก” มือของเสี่ยวฮัวถูลงไปที่แผ่นหลังงาม “ดีมาก” หญิงสาวลืมตาขึ้น “พอแล้ว” จากนั้นนางก็หันหน้ามาทางสาวใช้ “ท่านแม่ทัพ” หญิงสาวอ้าปากค้างขึ้นมาทันที ทำไมไม่ใช่เสี่ยวฮัว ดวงหน้างามพลันแดงซ่าน คนที่ถูหลังให้นางคือเซียวอี้ หาใช่เสี่ยวฮัว “พอแล้วรึ” เซียวอี้เอ่ยถามอย่างกวน ๆ “ท่านพี่ มีอะไรเจ้าคะ ถึงได้มาหาข้ายามนี้” นางตื่นเต้นอีกทั้งยังเอามือแนบทรวงอกอันขาวงามไว้ ทุกอย่างในกายนาง ท่านแม่ทัพเห็นหมดแล้ว

นิยายรักโรแมนติกแม่ทัพแต่งงานสายฟ้าแลบข้ามมิติจีนโบราณ

1

“ดื่ม คืนนี้ ข้าไม่เมาไม่กลับจวน” ดรุณีน้อยนางหนึ่งดวงหน้าจิ้มลิ้มแพรวพราว นั่งร่ำสุรากับสหายที่เป็นบุรุษ โดยมิสนใจสายตาคนมองไม่น้อย นางช่างกล้าได้อย่างไร เป็นถึงกุลสตรีอีกทั้งเป็นบุตรธิดาท่านโหวปันจิงแห่งเมืองต้าหยาง แคว้นต้าหยาง ดูสินางกลับทำตัวเสเพลไปได้

“คุณหนูปัน ท่านก็มิสนใจผู้ใดเสียจริงที่มองท่านเยี่ยงนี้” หลงอี้ บุตรชายร้านขายหมูในเมืองต้าหยางเอ่ยขึ้น ที่จริงพวกเขารู้จักคุณใหญ่ปันเสี่ยวหรานมานานแล้ว อีกทั้งร่ำสุราด้วยกันเป็นเรื่องปกติ เสียแล้ว

ปันเสี่ยวหรานขี้คร้านจะสนใจคน ผู้ใดอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเสียสิ นางหาได้ใส่ใจไม่

“ข้าไม่อยากจะใส่ใจ อีกอย่างคนในเมืองนี้ ก็รู้นิสัยคุณหนูอย่างข้าแล้วกระมัง”

“พวกเราดื่ม” เหล่าสหายคุณหนูปันพลันเอ่ยขึ้น พร้อมยกจอกสุราขึ้นมากระดกเข้าปาก

เสี่ยวฮัวเห็นคุณหนูใหญ่ดื่มหนักพลันกังวลไม่น้อยกลัวจะกลับจวนโหวมิได้ จึงเอ่ยขึ้น

“คุณหนูกลับจวนเถอะเจ้าค่ะ”

ปันเสี่ยวหรานนางยังไม่อยากกลับไปที่จวนเลย กลับไปวัน ๆ บิดาเอาแต่ด่าทอนาง ทั้งที่นางเป็นลูกฮูหยินใหญ่แท้ ๆ แต่ปันจิงกลับรักคุณหนูรองที่เป็นลูกฮูหยินรอง ทำให้ปันเสี่ยวหรานไม่พอใจบิดาเล็กน้อย

“ตายแล้ว ข้านึกว่าผู้ใด” สตรีชุดแดงสาวเท้าเข้ามากับสาวใช้ของนาง คนทั้งโต๊ะต่างทอดสายตามองสตรีนางนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักคุณหนูใหญ่บุตรสาวใต้เท้าการคลังของเมืองต้าหยาง สกุลรั่ว รั่วหนานนั่นเอง สตรีที่เพียบพร้อม เก่งทั้งเพลงพิณ หมากล้อม วาดภาพ กวี บทกลอน พูดง่าย ๆ นางคือยอดพธูหรือหญิงงามอันดับหนึ่งของต้าหยาง

ปันเสี่ยวหรานเจอศัตรูที่นางมิชอบ นางพลางเกลียดสตรีอย่างรั่วหนานยิ่งนัก

“คุณหนูใหญ่ปัน ช่างมิเป็นกุลสตรีเอาเสียเลยนะ ช่างต่างจากคุณหนูรองปันเสี่ยวหงส์เหลือเกิน” รั่วหนานพลันเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ ก็แน่ล่ะรั่วหนานกับปันเสี่ยวหงส์นั่นเป็นสหายกัน นางต้องพูดเข้าข้างกันอยู่แล้ว

“หลงอี้ เจ้าเคยเห็นสนุขชอบสอดปากเรื่องชาวบ้านหรือไม่” ปันเสี่ยวหรานมิได้ไปสนทนากับรั่วหนาน แต่ทว่าหันไปพูดคุยกับสหายร่วมโต๊ะ ปล่อยรั่วหนานยืนพูดคนเดียว

“เจ้าว่าข้ารึ” รั่วหนานสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อมีคนเมินเฉยมิสนใจนาง ยังหาว่านางเป็นสุนัขชอบเรื่องของชาวบ้าน เมืองทั้งเมืองต่างให้ความสำคัญกับสาวงามเยี่ยงนี้ แต่ทว่า คนหยาบเยี่ยงปันเสี่ยวหรานไม่แลตามามองรั่วหนานเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือไม่ ถ้าเจ้าชอบยุ่ง เจ้าคือสุนัข” ปันเสี่ยวหรานเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ นางไม่อยากใช้กำลังกับคุณหนูรั่ว กระนั้นจำต้องใช้ริมฝีปากปะทะกับสตรีนางนี้เสียหน่อย คนทั้งโต๊ะต่างหัวเราะคิกคักกัน รั่วหนานไม่เคยเสียหน้าเยี่ยงนี้มาก่อนเลย

“เจ้า ๆ” รั่วหนานได้แต่ชี้หน้าปันเสี่ยวหราน

สาวใช้ของรั่วหนานรีบกระซิบข้างหูเจ้านายให้รีบกลับจวน ขืนมีเรื่องที่หอฟูกุยเสียชื่อหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าหยางเป็นแน่แท้

“หึ ฝากไว้ก่อนล่ะ” กล่าวจบรั่วหนานสะบัดอาภรณ์งามสาวเท้าออกไปจากหอฟูกุยกับสาวใช้ของนาง

“อย่าลืมมาเอาคืนแล้วกัน” ปันเสี่ยวหรานตะโกนขึ้นอย่างสาแก่ใจ จากนั้นยกจอกสุราขึ้นมากระดกกับเหล่าสหายอย่างสบายใจ เสี่ยวฮัวได้แต่ยอมใจเจ้านายของตน

ยามราตรีมืดมิดในตรอกเยี่ย บุรุษเคาะระฆังเดินบอกเวลา ค่ำคืนที่มีหมอกควันมาก “เครง เครง เครง ยามโฉ่วแล้ว หนาวแล้ว นอนได้แล้ว”

“ยามโฉ่วแล้วรึ ป่านนี้ ท่านพ่อ ท่านแม่ คงนอนแล้วกระมัง” ปันเสี่ยวหรานที่เมามายทรงตัวมิอยู่เอ่ยกับเสี่ยวฮัว ทั้งสองมาที่หลังจวนโหว ช่องหมาลอดที่พวกนางแอบเข้ามาทางนี้เป็นประจำยามวิกาล

“เสี่ยวฮัว เข้าไปก่อน”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากที่เสี่ยวฮัวลอดตัวไปแล้ว ปันเสี่ยวหรานพยายามคลานเข้าไป ทำไมเท้าของเสี่ยวฮัวมีเยอะจัง นี่นางเมาจนตาลายไปรึ

“เสี่ยวฮัว เท้าเจ้าเยอะจัง” ในตอนนั้นปันเสี่ยวหรานปัดเศษหญ้าออกจากตัว มิได้มองรอบข้าง เสี่ยวฮัวอยากจะเตือนคุณหนูของนางเสียจริง ว่างานใหญ่มาแล้ว

“คุณหนู มิใช่เท้าข้าเยอะเจ้าค่ะ”

“นังลูกสารเลว” ปันจิงบันดานโทสะจนเลือดขึ้นหน้า เขาได้รับรายงานว่าบุตรสาวตัวดี ไม่ยอมกลับบ้านแต่พลบค่ำ ดันกลับมายามวิกาล

“นายท่านอย่าดุนางเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งสอนนางไม่ดีเอง” ฮูหยินใหญ่หรงเหอมองบุตรสาวที่หนีออกไปดื่มสุราเป็นประจำ เหตุใดบุตรนางถึงได้ดื้อรั้นเยี่ยงนี้

“หรานเอ๋อร์ ขอโทษบิดาเจ้าสิ” ฮูหยินใหญ่ประคองบุตรสาวลุกขึ้น ปันเสี่ยวหรานมองบิดาอย่างแววตาแข็งกร้าว

“เจ้าทำไมทำตัวเยี่ยงนางโคมเขียว ออกไปร่ำสุรา ทำไมไม่เอาอย่างน้องสาวของเจ้าบ้าง เจ้าดูสิ หงส์เอ๋อร์ นางทั้งเก่งเพลงพิณ หมากล้อมวาดภาพ แต่เจ้ากับไม่เอาไหเสียด้วยซ้ำ ทำให้ข้านั้นชักปวดกบาล มีบุตรสาวอย่างเจ้าได้อย่างไร” ท่านโหวร่ายยาวจนไม่เป็นอันหายใจ

“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” ฮูหยินรองรั่วเยียเกินมาพร้อมกับปันเสี่ยวหงส์ สองแม่ลูกชอบสอดรู้สอดเห็นเป็นประจำ พวกนางสั่งให้บ่าวเป็นคนรายงานท่านโหวเองล่ะ

ปันเสี่ยวหรานเกลียดสองแม่ลูกคู่นี้เสียจริง

“หรานเอ๋อร์ ขอโทษบิดาเจ้าเร็วเข้า ต่อไปเจ้าจะไม่ออกไปข้างดื่มสุราอีก” ฮูหยินใหญ่เอ่ยบอกบุตรสาว ในใจของคนเป็นมารดากลัวบิดาจะตีบุตรสาวยิ่งนัก

“ข้ามันมิใช่สตรีที่ดี เยี่ยงน้องรอง ข้ามันชอบร่ำสุรา นิสัยยังคล้ายบุรุษ”

“เจ้า ๆ ยังไม่สำนึกอีก” คำพูดของนางทำให้คนเป็นบิดาแทบจะกระอักเลือด ท่านโหวกำมือแน่น วันนี้เขาจะให้นังลูกนอกคอกรู้สำนึก

“เด็ก ๆ จับนางไปไว้ห้องบรรพชน ให้นางคุกเข่า ไม่มีคำสั่งจากข้าไม่ต้องให้นางออกมาเป็นอันขาด” ท่านโหวเอ่ยอย่างจริงจัง ปันเสี่ยวหรานถูกคุมตัวไปอย่างไม่รู้สึกอันใด ฮูหยินใหญ่พลันปวดใจที่บุตรสาวก่อเรื่องตลอดมา ฮูหยินรองกับคุณหนูรองต่างยิ้มเยาะที่ปันเสี่ยวหรานถูกลงโทษ

ห้องบรรพชนอบอวลไปด้วยกลิ่นธูป ปันเสี่ยวหรานนั่งคุกเข่า ทั้งที่นางยังคงเมาสุรา แต่ทว่า สาวใช้ของฮูหยินรองสองคนยังเฝ้านางไม่ห่าง

“นี่พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ปันเสี่ยวหรานไล่สาวใช้ของฮูหยินรองออกไป นางไม่ต้องการให้คนมาเฝ้า น่าเบื่อเสียจริง

“คุณหนูใหญ่ คืนนี้พวกข้าทั้งสองคนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” สาวใช้ทั้งสองคนเอ่ยขึ้น มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยที่เห็นคุณหนูใหญ่นั้นโดนลงโทษ จากนั้นสองสาวใช้พลันปิดประตูห้องบรรพชน ปันเสี่ยวหรานนึกชังฮูหยินรองขึ้นมาทันที ตั้งแต่ปันเสี่ยวหรานจำความได้ ตอนยังวัยเยาว์ บิดาหาได้รักนางไม่ รักเพียงแต่ปันเสี่ยวหงส์ ทั้งที่ปันเสี่ยวหรานตั้งคำถามกับตัวเองตลอดมา นางต่างหากคือคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ สมควรที่บิดาจะต้องรักสิ แต่ทำไมบิดาจึงรักฮูหยินรองกับน้องร้องมากกว่า มารดาของนางเล่า…

“คุณหนู บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวฮัวที่หน้าต่าง ปันเสี่ยวหรานรีบลุกขึ้นเดินไปหาสาวใช้ ที่ยื่นตะกร้าเข้ามา

“เสี่ยวฮัว”

“บ่าวนำของกินมาให้ท่าน เจ้าค่ะกลัวจะหิว มีทั้งน้ำแกงส่างเมาด้วย”

อย่างน้อยเสี่ยวฮัวก็เป็นสาวใช้รู้ใจนาง ในยามที่คับขันเยี่ยงนี้

“ขอบใจเจ้ายิ่งนัก”

“ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงคุณหนูมากเจ้าค่ะ กลัวว่าคุณหนูจะหิว”

“เจ้าไปได้แล้ว”

คล้อยหลังเสี่ยวฮัว ปันเสี่ยวหรานกลับมานั่งที่ตามเดิม นางกินของในตะกร้าหมดแล้วนำไปว่างไว้ข้างหน้าต่างตามเดิม ถ้าวันพรุ่งบิดาไม่ยอมปล่อยนาง นางจะหนีไปให้ไกลแสนไกล…