ตอนที่ 11 เด็กในท้องเป็นลูกใคร
ตอนที่ 11 เด็กในท้องเป็นลูกใคร
ตอนนี้เธอตื่นแล้ว โดยมีพยาบาลกำลังถอดสายน้ำเกลือให้เธออยู่ เมื่อเขาเข้ามา เธอก็ตกใจจนสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง
"คุณโปรด"
"ตกใจหรอที่เห็นผม คุณพยาบาลครับ อัณณากลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ คุณหมอสั่งให้กลับได้แล้วค่ะ"
"งั้นผมฝากเธอไว้สักครู่นะครับ ผมจะไปจ่ายเงินก่อน"
พูดจบก็มองเธอด้วยสายตาคาดโทษแล้วเดินออกไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลของเธอทันที
เมื่อเขากลับเข้าห้องมาอีกครั้ง ก็พาเธอนั่งรถเข็นไปที่รถของเขา โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งถึงลานจอดรถของคอนโดมิเนียมของเธอ
“เอ่อ ขอบคุณมากค่ะ”
เธอรีบกล่าวขอบคุณแล้วรีบลงจากรถของเขาอย่างลนลาน โดยที่มีเขาเดินตามเธอเข้ามาในลิฟต์ด้วยติดๆ
“ขะ คุณ จะไปไหนคะ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตาฉายแววกังวลจนปิดไม่มิด เธอสังหรณ์ใจว่าเขาต้องรู้เรื่องที่เธอตั้งท้องลูกของเขาแล้วแน่นอน เขาถึงตีหน้ายักษ์ใส่เธอแบบนี้
เมื่อทั้งคู่เข้ามาถึงในห้องของเธอ เขาก็เปิดประเด็นทันที
“คุณท้องหรอ”
ดวงตาคมกริบจ้องเธอเขม็ง เขาเห็นเธอลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาสั่นระริก แล้วก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบตากับเขาอีก
“ค่ะ”
“ผมคงไม่ต้องถามใช่ไหม ว่าคุณท้องกับใคร”
เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ไม่เข้าใจความนัยที่เขาส่งมาเหมือนกัน และไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้ออกมาในรูปแบบไหนดี
“คุณหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า ลูกในท้องนั่น ของผมใช่ไหม”
เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง ใช้สายตาคมกริบมีเสน่ห์นั่นกดดันเธออีกครั้ง
“มะ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ลูกของคุณ”
เธอหลบสายตาของเขาอีกแล้ว เรื่องอะไรจะให้เขารู้ว่าที่อยู่ในท้องของเธอเป็นลูกของเขา ก็เขาเป็นถึงดาราดัง พระเอกอันดับหนึ่งที่กำลังรุ่ง เป็นที่นิยมสูงสุดขนาดนี้ ขืนเขารู้ว่าเธอท้องลูกของเขา เขาคงบังคับให้เธอไปเอาลูกออกแน่ๆ ลูกที่ไม่ได้เกิดจากความรักระหว่างเขากับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง ใครมันจะไปต้องการกัน เพราะถ้าขืนเขาปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดมา คงได้ทำลายชื่อเสียงและอนาคตในวงการบันเทิงของเขาไม่มีชิ้นดี
แต่ถึงใครจะไม่ต้องการ แต่เธอต้องการ ในเมื่อหนึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์มาเกิดกับเธอแล้ว เธอจะไม่มีวันทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะเลี้ยงลูกของเธอเอง
“หึ ทำไมไม่กล้าพูดความจริง กลัวอะไร”
เขาแค่นหัวเราะหยันเธอหนึ่งครั้ง ไม่รู้ว่าเธอคิดและกลัวอะไรอยู่ ถึงไม่กล้าบอกความจริงกับเขา ทั้งๆที่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงรีบวิ่งโร่มาร้องห่มร้องไห้ให้เขารับผิดชอบถึงหน้าบ้านแน่นอน
“ไม่กลัวค่ะ แต่ลูกไม่ใช่ของคุณจริงๆ”
“ต้องตรวจดีเอ็นเอตอนเด็กคลอดออกมาก่อนใช่ไหม คุณถึงจะยอมรับ และเมื่อถึงวันนั้น ผลปรากฏว่าคุณโกหกผม ผมจะเล่นงานคุณให้หนักเลย อัณณา”
ดวงตาคมกริบวาววับขึ้นอย่างน่ากลัว จนขนอ่อนในกายเธอลุกตั้งชูชันไปหมด เขาคงไม่ต้องการให้เธอเก็บเด็กคนนี้ไว้เพื่อเป็นหนามตำใจของเขาจริงๆ
“บอกว่าไม่ใช่ คุณก็น่าจะสบายใจได้แล้วนะคะ อย่ามายุ่งกับเราแม่ลูกอีกเลย เชิญคุณไปมีชีวิตของคุณเถอะค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกันมานานแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้คุณเดือดร้อนหรอกนะ”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง อัณณา”
เขาย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ มองเธอด้วยแววตาดุดันน่ากลัว เพราะเธอพูดเหมือนกับว่า เขากลัวว่าลูกคนนี้จะมาทำลายชื่อเสียงของเขา จนเขาไม่อยากจะให้เด็กเกิดมาอย่างนั้นแหละ
“แค่พูดให้คุณไม่ต้องกังวลค่ะ ว่าเขาไม่ใช่ลูกคุณ และไม่มีอะไรมาทำให้คุณเดือดร้อนแน่นอน ไม่ต้องกลัว”
“งั้นคุณบอกผมมา ว่าใครเป็นพ่อเด็ก”
“เอ่อ คือ คนรักเก่าฉันเองค่ะ”
“หึ คนที่มันทิ้งคุณไปนอนกับมินนี่จนคุณจับได้แล้วขอเลิก แล้วคุณก็เอาพรหมจรรย์ของคุณมาแจกให้ผมฟรีๆงั้นหรอ คนนั้นใช่ไหมที่เป็นพ่อของลูกคุณ มันมาได้กับคุณตอนไหนไม่ทราบ”
“ขะ คุณรู้หรอ ทำไมคุณรู้”
“ผมรู้หมดแหละ แล้วผมก็รู้ด้วยว่าลูกในท้องของคุณเป็นลูกของผม”
“มะ ไม่จริง”
“ผมให้โอกาสคุณพูดอีกแค่ครั้งเดียว ถ้าหากคุณไม่พูดความจริงกับผม เราได้เห็นดีกันแน่ คนอย่างผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดนะ อัณณา”
อัณณากำมือแน่น เธอรู้สึกกดดันและกลัวสายตาดุดันคู่นั้นของเขามาก ไม่รู้ว่าถ้าหากเธอบอกความจริงไป เขาจะทำอะไรกับลูกในท้องของเธอ แล้วถ้าหากเธอขอร้องให้เขาปล่อยเธอสองคนแม่ลูกไป โดยที่สัญญาว่าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกตลอดชีวิต เขาจะยอมให้ลูกของเธอมีชีวิตต่อไปไหม
ในตอนนี้เธอไม่อยากจะเสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อเขาไล่ต้อนเธอจนจนมุมขนาดนี้ ก็คงต้องบอกความจริงและขอร้องเขา ซึ่งถ้าหากว่าเขายังยืนยันจะให้เธอไปเอาลูกออก เธอจะหนีไปจากเขาให้ไกลที่สุด และจะไม่มีวันกลับมาเจอหน้าเขาอีกเลยตลอดชีวิต
“ค่ะ เด็กในท้องฉันเป็นลูกของคุณ แต่คุณโปรด ฉันขอร้อง อย่าบังคับให้ฉันไปเอาลูกออกเลยนะ เด็กคนนี้ฉันขอรับผิดชอบเอง สัญญาว่าจะไม่บอกใคร จะไม่ให้เรื่องนี้ไปทำลายชื่อเสียงของคุณ จะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณและจะไม่พาลูกมาอ้างสิทธิ์อะไรกับคุณทีหลังแน่ คุณให้ทนายร่างสัญญามาก็ได้ ฉันขอแค่อย่างเดียว ยกลูกให้ฉันเถอะนะ ฉันไม่อยากฆ่าลูกตัวเอง”
เธอสบตากับเขาด้วยแววตาสั่นระริก น้ำตาเอ่อคลอก่อนไหลลงมาอาบแก้มประจานความอ่อนแอของเธอ แต่เธอไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ขอแค่เขายอมไว้ชีวิตลูกของเธอก็พอ
ปุณณัตถ์ขมวดคิ้วจนแทบชนกัน ที่เธอกังวลและโกหกเขาคือเรื่องนี้นี่เอง นี่เธอคิดว่าเขาใจร้ายใจดำจนถึงขั้นจะสั่งฆ่าลูกของตัวเองได้อย่างนั้นเลยหรอ จริงอยู่ที่เด็กคนนี้ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่จะอ้างว่าเกิดจากความผิดพลาดก็คงจะเลวเกินไป ในเมื่อเขาไม่ได้พลาด แต่เขาตั้งใจที่จะไม่ป้องกันกับเธอทั้งๆที่รู้ว่าเสี่ยงและมีโอกาสที่เธอจะท้องสูง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเขาที่คิดน้อยและชะล่าใจ จะไปโทษชีวิตบริสุทธิ์ได้อย่างไร
“คุณเห็นผมเลวขนาดนั้นเลยหรือ อัณณา คนอย่างผมมันชั่วจนสามารถสั่งฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้แบบนั้นเลยหรือ”
เสียงทุ้มกดต่ำจนน่ากลัว จนเธอไม่สามารถมองสบตากับเขาได้อีกแล้ว
“ฉันแค่คิดว่าตอนนี้คุณกำลังดัง ถ้าเกิดข่าวที่คุณมีลูกหลุดออกไป คงเป็นการทำลายชื่อเสียงของคุณ เลยคิดว่าคุณจะสั่งให้ฉันทำแบบนั้น”
“ใช่ คุณพูดถูก ผมกำลังดัง อนาคตในวงการของผมยังอีกไกล ผมไม่มีวันให้อะไรมาทำลายมันแน่ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมอนุญาตให้คุณเก็บลูกเอาไว้ คุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้”
เธอเงยหน้ามองเขาผ่านม่านน้ำตา เขากำลังจะบอกว่า จะอนุญาตให้เธอเก็บลูกของเขาไว้ได้อย่างนั้นหรือ โดยที่เธอต้องยอมทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ถ้ามีหนทางที่เธอไม่ต้องหอบท้องพาลูกหนีหัวซุกหัวซุน เธอยอมทำทั้งนั้น
“ยังไงคะ”
“ผมจะรับผิดชอบลูก คุณต้องไปอยู่กับผมที่คอนโดของผม และเราจะจดทะเบียนสมรสกัน แต่นั่นก็เพื่อที่จะได้ไม่ยุ่งยากเรื่องการรับรองบุตร ลูกจะได้ไม่เป็นลูกนอกสมรส ส่วนเราจะอยู่ด้วยกันแค่สองปีเท่านั้น เมื่อครบกำหนด เราจะหย่ากัน แยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองโดยที่ลูกจะอยู่ที่คุณเป็นหลักก็ได้ถ้าคุณต้องการ หรือถ้าคุณไม่ต้องการ ผมก็จะดูแลแกเอง แต่เราทั้งคู่จะยังมีสิทธิ์ในตัวลูกเต็มที่ เราจะไม่กีดกันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการมาเจอ หรือมารับลูกไปนอนด้วย แบบนี้คุณโอเคไหม”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างและกะพริบปริบๆ ข้อเสนอของเขามันโอเคมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยอมให้เธอเก็บลูกเอาไว้ เรื่องง่ายๆแค่นี้ เธอทำได้อยู่แล้ว
“แต่การอยู่ด้วยกันของเราต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงของผมทุกอย่าง คือ ห้ามรัก ห้ามหึงหวง ห้ามแสดงตัว ห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องของเรา ทุกอย่างจะเป็นความลับ ผมจะมีใครเป็นเรื่องของผม จะมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนคุณก็ห้ามวุ่นวาย ห้ามถาม ส่วนคุณจะมีใครได้ก็ต่อเมื่อคลอดลูกของผมออกมาแล้วเท่านั้น และเมื่อคุณนอนกับคนอื่นก่อนเวลาสองปี เราจะหย่ากันทันที แต่เรื่องลูกจะยังเหมือนเดิม ตกลงไหม”
เธอไม่ได้คิดจะมีใครอีกแล้ว ขอแค่ได้อยู่กับลูก เธอก็พอใจแล้ว ส่วนเขาจะมีใคร ก็เป็นเรื่องของเขา เพราะคนไม่ได้รักกันจะต้องมาทนเห็นหน้าอยู่ร่วมบ้านกันตั้งสองปี แถมยังต้องอยู่เพื่อลูก ไม่ได้รัก ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันในเชิงชู้สาว เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกถ้าเขาจะมีใคร ในเมื่อวันหนึ่งเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี
“ฉันตกลงค่ะ ขอบคุณที่ให้ฉันเก็บลูกเอาไว้”
คนตัวบางยิ้มทั้งน้ำตา เธอดีใจจริงๆที่สามารถรักษาชีวิตน้อยๆในท้องของเธอได้ จึงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ไม่ต้องร้องแล้ว”
มือใหญ่ยกขึ้นปาดไล้น้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างอบอุ่นจนคนตัวบางชะงักนิ่ง ตกใจเหมือนกันที่เขาแสดงท่าทีอ่อนโยนขนาดนั้น ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนรักกันจริงๆเสียหน่อย
เมื่อยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอจนแห้งแล้วเขาก็เพิ่งได้สติ จึงกระแอมแก้เก้อหนึ่งครั้ง
“ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ห่วงคุณหรอกนะ ผมห่วงลูก เพราะถ้าแม่ขี้แย ลูกจะอารมณ์ไม่ดี เป็นเด็กที่หาความสุขยาก เพราะฉะนั้น หัดยิ้มเยอะๆ ถ้ารักถ้าห่วงลูกจริง เข้าใจไหม”
“ค่ะ เข้าใจค่ะ ต่อไปฉันจะยิ้มให้เยอะๆ ขอบคุณคุณอีกครั้งนะคะ คุณโปรด”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่พยักหน้าให้เธอน้อยๆอย่างมีฟอร์ม แล้วก็เริ่มออกคำสั่งแรกกับเธอทันที
“ไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น คุณต้องย้ายไปอยู่คอนโดผมตั้งแต่คืนนี้”
“คืนนี้เลยหรอคะ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
“ช่วงนี้คุณแพ้ท้องหนัก ผมก็งานเยอะมากจนแทบไม่ได้นอน ถ้าผมเลิกกองแล้วต้องเทียวไปเทียวมาดูแลคุณ นอกจากผมจะไม่ไหวแล้ว ถ้ามีคนเห็นผมขึ้นมา แล้วเอาไปลงข่าว ผมเล่นงานคุณแน่”
คุณแม่ยังสาวหน้างอง้ำ ก็เข้าใจเขาอยู่หรอก แต่เธอไม่อยากไปอยู่กับเขาเลย ยิ่งโดยเฉพาะห้องนั้น ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนวิเศษ ที่จนปัจจุบันนี้เธอก็ยังไม่เคยลบเลือนมันไปจากใจเธอได้เลย
“ก็ถอยไปสิคะ จะไปเก็บของ”
เธอใช้มือน้อยๆผลักเขาเบาๆให้พ้นทาง ซึ่งก็ไม่รู้จะผลักทำไม ในเมื่อทางเดินก็ออกจะกว้าง แต่ขอแม่ได้ระบายอารมณ์ลดอาการหงุดหงิดที่ไม่ทราบสาเหตุนี่หน่อยก็ยังดี
ปุณณัตถ์มองตามร่างบางที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่กับเขาแบบโดนบังคับก็นึกขำ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นมีอะไรน่าหงุดหงิดเลย
“อารมณ์คุณแม่สินะ หึหึหึ”
