Ep6 มันคือกับดัก
เสียงหัวเราะของไอ้ทนายหน้าหล่อดังก้องขึ้นในห้อง ขณะที่มันยกแก้วไวน์ขึ้นส่งให้ผม โดยไม่รู้ตัวว่าผมกำลังรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้ ผมมองไปที่แอสตั้นที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ท่าทางเขาดูไม่สนใจอะไรมากนัก แต่ในดวงตาของเขา กลับมีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่
“มาเล่นกันเถอะเซบัส” ไอ้หน้าหล่อยิ้มแบบร้ายๆ พร้อมกับยักคิ้วให้ผม ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมา “ถ้านายไม่เล่น ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทนะ”
ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีแรงดันจากทุกทิศทาง แต่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันไม่ใช่แค่การเล่นเกม แต่มันดูเหมือนจะเป็นการทดสอบระหว่างตัวผมกับแอสตั้นมากกว่า ผมไม่อยากเป็นคนที่ท้าทายอะไรในตอนนี้ แต่ผมรู้ดีว่าถ้าผมไม่เล่น บรรยากาศที่อยู่ในห้องนี้จะยิ่งแย่ลงไป
“เอาสิ” ผมตอบเสียงเรียบ แม้ในใจจะรู้สึกไม่ค่อยอยากเล่นก็ตาม
แอสตั้นยิ้มให้กับการตัดสินใจของผม แต่กลับไม่มีคำพูดอะไรออกมาอีก เขายังคงเงียบขณะที่เราทั้งสามเริ่มเกมไป
แต่บอกตามตรง เกมที่ไอ้ทนายหน้าหล่อเสนอมาไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ ที่จะมาหลอกให้หัวเราะ มันดูเหมือนจะเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งๆ ที่พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์มันจะออกมาอย่างไร
ในระหว่างที่เราดื่มและเล่นเกมกันไป ผมเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราเริ่มเปลี่ยนไป แรงดึงดูดบางอย่างที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเริ่มเข้ามาใกล้ตัวผมมากขึ้น ในขณะที่ความรู้สึกของผมเองก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่ามันคืออะไร
สุดท้าย ผมไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ในเกมนั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบครั้งนี้คืออะไร และสิ่งที่แอสตั้นต้องการจากผมจริงๆ มันคืออะไรกันแน่
บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เมื่อทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าความตึงเครียดในตัวเองกำลังสูงขึ้น สิ่งที่ไม่พูดออกมา ทำให้มันหนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเก่า
“เซบัส” เสียงแอสตั้นดังขึ้นอีกครั้ง โดยที่เขาหันมามองผมตรงๆ ไม่ละสายตาไปไหน “ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ?”
ผมไม่แน่ใจว่าคำถามนั้นหมายถึงอะไร แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่มีความหมายแปลกๆ เกินกว่าจะเป็นแค่การถามเรื่องเกม
“พูดอะไรครับ?” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำตัวให้ปกติ
แอสตั้นเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ไม่รู้สิ… แต่บางทีนายก็ควรจะหาคำตอบให้ตัวเองได้บ้างแล้วนะ” ไอ้คนตัวหอมนิ่งเงียบไป ก่อนจะเอ่ยต่อ “งั้นขอเกมที่มันฮาร์ดคอร์กว่านี้หน่อยสิอาเทอร์”
ดูดู้เจ้าตัวหอมมันเอ่ยบอกกับไอ้หน้าหล่อ
“ได้ … อืมม ….” อาเทอร์ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะเอ่นต่อว่า “เกมนี้ กติกาง่ายๆ ใครแพ้ คนนั้นต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะ โดยวิธีเล่นคือแค่เป่ายิ้งฉุบ คนแพ้ก็รอทำตามคำสั่งของคนชนะ โอเคมั้ย? ”
แม่ง!! ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ก็ไอ้มาดเข้มของผู้บริหารสสุดเนี๊ยบ กับไอ้ทนายหน้าหล่อ แม่งใครมันจะไปคิดกันล่ะครับ ว่าพวกมันจะเล่นอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ เอ้า เล่นก็เล่น หนึ่งเสียงหรือจะไปสู้สองเสียง
แม่งเอ๊ย!! เกมแรก ผมก็แพ้ซะละ ดีนะคนชนะคือไอ้ทนาย
“งั้น … อืมม … ผมขอสั่งให้นายถอดเสื้อออก”
ก็จัดไปดิคร้าบ กลัวอะไร ผมปลดกระดุมเสื้อจนหมด ก่อนจะถอดมันออก แล้วก็พาดมันเข้าที่ไหล่
“เฮ้ยๆ ไม่ได้ๆ นายต้องเอาเสื้อไปเก็บไว้ที่อื่น” ดูไอ้หน้าหล่อมันบอกผมสิ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ผมก็ทำตามที่มันบอกอย่างว่าง่าย
จากนั้นเราก็เป่ายิ้งฉุบกันใหม่ ไอ้ชิบหาย!! แม่ง ผมแพ้อีกแล้ว และไอ้ทนายแม่งก็ชนะอีกตามเคย
“ผมขอสั่งให้ …” แล้วเชี่ยแม่ง มึงจะหยุดคิดนานทำไมกันวะ ผมนี่ก็ลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ
ในขณะที่ผมยืนอยู่ ร่างกายของผมร้อนผ่าวจากการที่ต้องยอมทำตามคำสั่งที่ไม่คาดคิดจากทนายหน้าหล่อ ความรู้สึกอึดอัดเข้ามาเหมือนกับการถูกกดดันจากทุกทิศทาง แต่เขาก็ยังคงพยายามทำตัวให้สงบและไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจ
ทนายหน้าหล่อยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นผมทำตามคำสั่ง เขากลับไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะสนุกกับการควบคุมสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน แอสตั้นก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไร เขานั่งนิ่งเหมือนคนที่กำลังตั้งใจจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
“ต่อไปจะทำอะไรดีล่ะ เซบัส?” ทนายหน้าหล่อถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ที่เหมือนจะท้าทายมากกว่าเป็นคำถาม
ผมได้แต่มองไอ้ทนายด้วยสายตาที่ไม่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเองได้ ในใจผมรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นการทดสอบอะไรสักอย่างของพวกมัน
“ผมขอเล่นอีกครั้งครับ” ผมตอบกลับไปในน้ำเสียงที่พยายามทำให้มันฟังดูมั่นใจ ทนายหน้าหล่อมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แต่ก็พยักหน้าให้ผม
“ได้เลย งั้นมาลองดูว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะกันอีกครั้ง” ทนายหน้าหล่อกล่าว พร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อเริ่มเกมใหม่
ทั้งสามคนเริ่มเล่นเป่ายิ้งฉุบกันอีกครั้ง ในขณะที่เซบัสรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ดีว่าผลลัพธ์ของเกมนี้จะมีผลกระทบต่อสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้น เซบัสก็เป็นฝ่ายแพ้อีกครั้ง และคำสั่งที่ทนายหน้าหล่อออกมาก็ดูเหมือนจะยิ่งทดสอบเขาไปอีก
“ถอดกางเกงออกสิ” ไอ้ทนายหน้าหล่อพูดคำสั่งที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความกดดันมากขึ้นกว่าเดิม
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มยิ่งซับซ้อนและยากที่จะหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ ผมกลั้นใจและทำตามคำสั่งด้วยความรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังตกอยู่ในกับดักที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แอสตั้นมองดูผมด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย แต่ผมกลับรู้สึกว่าในความนิ่งนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ ผมหันมาสบตากับแอสตั้นอีกครั้ง และในดวงตาของแอสตั้น ผมเห็นการท้าทายและความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่
“เซบัส…” แอสตั้นพูดช้าๆ ขณะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นายยังคิดว่าเกมนี้จะจบแค่นี้เหรอ?”
คำถามนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนรอบตัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่การเริ่มต้นของบางสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ ผมยังคงอยู่ในสภาพที่ถูกทดสอบทั้งทางอารมณ์และความรู้สึก ผมต้องหาทางหาคำตอบให้ตัวเองก่อนที่จะตกลงไปในหลุมลึกที่เขาไม่สามารถออกมาได้
“ไม่ครับ…” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีความแน่วแน่มากขึ้น
ทนายหน้าหล่อมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“ดีมาก เซบัส ฉันชอบที่นายกล้าต่อสู้” ไอ้หน้าหล่อมันพูดพร้อมกับยิ้ม
แล้วเกมก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…
ครั้งนี้แม่ง ผมชนะวะเฮ้ย ก็เอาดิวะคร้าบ ใครจะอยากแก้ผ้าตัวคนเดียว ผมก็จัดการสั่งให้ไอ้คนทั้งคู่ถอดเสื้อออก ก็ในกติกามันไม่ได้บอกนิ่ครับ ว่าคนชนะจะสั่งคนทั้งสองไม่ได้ ผมเห็นสายตาที่เขาจ้องมาที่ผม ราวกับว่า ฝากเอาไว้ก่อน จากนั้นแม่งเชี้ย!! ผมชนะอีกแล้ว
คราวนี้ผมก็สั่งให้พวกมันแก้ผ้าออกเป็นเพื่อนผมบ้าง ไงล่ะ ไงล่ะ!! ผมนี่แหละไงล่ะ เริ่มไหวมั้ย ไหนจะเล่นเกมไปด้วย ดื่มไปด้วย ไอ้ความใจกล้าหน้าด้านของพวกเรามันก็มีมากยิ่งขึ้น แต่แล้วคราวนี้ไอ้ทนายหน้าหล่อมันดันชนะอีก แต่ทุกคนทราบมั้ยครับว่ามันสั่งคนแพ้อย่างไอ้บอสตัวหอมว่าอะไร
แม่ง!! มันสั่งให้ไอ้แอสตั้นมาชักว่าวผม โคตรเชี่ย!! ผมนี่หนาตาเหรอหราเลยล่ะครับ แล้วตอนนี้แม่งไอ้เจ้าน้องชายของผมมันก็มีอาการแปลกๆ สายตาของผมมันยังซุกซนแอบชำเลืองมองไอ้เจ้าตุงๆ ของพวกมันทั้งคู่ แม่งเชี่ย!! บูชิท!! ใหญ่โคตรๆ นี่ขนาดอยู่ใต้บ็อกเซอร์นะครับเนี่ย แม่งใหญ่ขึ้นปล้องเป็นลำ ผมนี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
