บทที่ 6 ตาต่อตาฟันต่อฟัน 1
รุ่งเช้าของวันใหม่ที่ใครๆ ต่างตื่นขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกันกับพิมลวัลย์ที่ทำหน้าที่แม่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พอหนูน้อยจินนี่ตื่นขึ้นมา พิมลวัลย์จะอาบน้ำและแต่งตัวให้เด็กน้อยด้วยความรักที่มีให้อย่างมากล้น
“คุณแม่ขา จินนี่หิวจังค่ะ” หนูน้อยเอ่ยบอกมารดาหลังจากที่เลยเวลาอาหารเช้ามาเกือบชั่วโมงแล้ว สีหน้าของพิมลวัลย์หงุดหงิดเล็กน้อย เจ้าของบ้านไม่มีทีท่าสนใจไยดีเธอกับลูกเลยสักนิดเดียว ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ไม่สนใจตัวเธอ เธอไม่ว่า แต่เขาน่าจะสนใจศิริกาญจน์บ้าง ถึงอย่างไรหนูน้อยคนนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่
“เดี๋ยวแม่ไปหาอะไรให้ทานก่อนนะคะ รอคุณแม่อยู่ที่นี่นะ” พิมลวัลย์พูดกับลูกสาวเสียงนุ่ม บรรจงหอมที่แก้มป่องอย่างรักใคร่ ก่อนจะเดินออกไปจากเรือนหลังเล็กตรงไปที่เรือนใหญ่ เพื่อหาอะไรให้ลูกสาวของเธอรับประทาน
ครั้นพอมาถึงพิมลวัลย์ต้องเผชิญกับสายตาที่ดูถูกดูแคลนของคนรับใช้ที่มองมาที่เธอ หากแต่หญิงสาวหัวใจแกร่งหาได้สนใจไม่ เพราะที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตัวเธอแต่เป็นเพราะลูกของเธอต่างหาก
“มาทำอะไรที่นี่มิทราบ?” ทันทีที่ย่างกรายผ่านประตูมุขของบ้าน พิมลวัลย์ได้เจอกับสาวใช้คนหนึ่งที่ยืนดักหน้าของเธอไว้ไม่ให้เข้าไปภายในบ้าน
“เรื่องของเจ้านายคนใช้อย่าสอด” เพลินจิตถึงกับอึ้งกับวาจาของพิมลวัลย์ ที่ไม่เกรงกลัวรูปร่างที่สูงใหญ่ของเธอแม้แต่น้อย แถมยังจ้องมองเธออย่างท้าทายด้วย
“เผอิญว่าเธอไม่ใช่เจ้านายของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจำเป็นต้องสอด” เพลินจิตตอกกลับพิมลวัลย์เช่นกัน
“ฉันจะมาหาข้าวให้ลูกฉันกิน” พิมลวัลย์บอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่
“ไม่มีหรอก...ไม่ได้เตรียมไว้” สาวใช้ตัวแสบตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ก็ไปเตรียมเสียสิ ถึงยังไงจินนี่ก็เป็นลูกของคุณปกรณ์ เป็นเจ้านายอีกคนของเธอนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่ามาตู่หน่อยเลย อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ผู้หญิงอย่างเธอจ้องจะจับคุณมาร์ค ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ” เธอพูดอย่างรู้เท่าทันพิมลวัลย์ แต่เพลินจิตจะรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิดถนัด พิมลวัลย์ข่มความโกรธไว้ภายในใจ อยากจะเข้าไปตะบันหน้าสาวใช้ตรงหน้าที่ยืนหัวเราะชอบใจตรงหน้า ให้จมูกหักปากเบี้ยวให้สาสมกับคำพูดพล่อยๆ นี้
“ห้องครัวอยู่ไหน?...เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมอาหารให้ลูกของฉันเอง” พิมลวัลย์บังคับให้เสียงเป็นปกติที่สุด พร้อมทั้งข่มใจที่เริ่มเดือดให้สงบเช่นกัน
“ตามมาสิ” เพลินจิตพูดพร้อมกับรอยยิ้ม และเปลี่ยนท่าทีเป็นหญิงใจดี เพราะเธอคิดแผนอะไรบางอย่างขึ้นมา สาวใช้เดินนำหญิงสาวมาที่ห้องครัวขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์การทำอาหารครบครันและทันสมัย เพลินจิตเดินไปเปิดตู้ที่อยู่ชั้นล่างสุด ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมขึ้นมาแล้วโยนลงตรงหน้าพิมลวัลย์
“มีแต่อาหารหมา เอาไปให้ลูกเธอกินกันตายก่อนไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พิมลวัลย์โกรธจนตัวสั่น ใครทำอะไรกับเธอ เธอทนได้ ใครจะว่าเธอยังไงเธอทนไหว แต่ใครหน้าไหนแตะต้องและเหยียดหยามลูกสาวที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกไม่ได้ พิมลวัลย์ก้มหยิบกล่องอาหารสุนัขขึ้นมา ฉีกกล่องอาหารออกและเทอาหารเต็มพื้นกระเบื้องของห้องครัว ก่อนจะก้าวเดินไปหาสาวใช้ที่ยืนเท้าสะเอวมองดูเธออยู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“มานี่...” เพลินจิตตกใจเมื่อร่างของเธอถูกกระชากอย่างแรงด้วยมือของพิมลวัลย์ ส่วนมืออีกข้างจับมั่นที่ท้ายทอยของสาวใช้ พิมลวัลย์ใช้เท้าเตะไปที่ข้อพับหัวเข่าของเพลินจิต ทำให้หัวเข่าทั้งสองข้างคุกเข่าอยู่ที่พื้น หญิงสาวออกแรงกดที่ท้ายทอยของเพลินจิตให้ก้มต่ำลงไปที่พื้น
“อาหารหมามีไว้สำหรับหมา เหมือนกับเธอไงที่ปากเหมือนหมาก็เลยต้องกินอาหารหมากันตาย” มือบางอีกข้างละจากข้อมือของสาวใช้ หยิบอาหารสุนัขที่กระจายเกลื่อนกลาดอยู่ที่พื้นขึ้นมา และจับยัดใส่ปากของสาวใช้ปากสุนัขที่ร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่ หากแต่อาหารสุนัขที่มีอยู่เต็มปากทำให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้
“เอ้า...กินเข้าไปปากจะได้หายหมา” พิมลวัลย์หยิบอาหารสุนัขที่อยู่ที่พื้น จับใส่เข้าไปในปากของหญิงคนนั้นไม่ยอมหยุด แถมเอามือปิดปากไว้ไม่ให้คายอาหารสุนัขออกมา เพลินจิตจึงต้องกลืนอาหารเหล่านั้นเข้าไปในลำคอก่อนที่จะจุกคอตาย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เสียงของเพลินจิตร้องดังลั่นเมื่อกลืนอาหารสุนัขที่พิมลวัลย์จับใส่ปากไปจนหมดสิ้น ทำให้คนรับใช้ที่อยู่ด้านนอกวิ่งกรูเข้ามาในครัว
“นี่มันอะไรกัน?” เสียงตวาดดังลั่นของปกรณ์ดังขึ้นเมื่อเดินตามต้นเสียงเข้ามาภายในครัว ดวงตาคมเข้มกวาดสายตาไปทั่วห้องครัว ที่พื้นเต็มไปด้วยอาหารสุนัขกระจายเกลื่อนตามพื้น และที่ทำให้เขาตื่นตกใจก็คือร่างของสาวใช้ส่วนตัวของนีรนารถ ที่ติดสอยห้อยตามเจ้านายสาวมาทำงานที่นี่ นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นกระเบื้อง รอบริมฝีปากเต็มไปด้วยเศษอาหารสุนัข
