ตอนที่ 4
“นี่เป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของกระหม่อม มิมีหน้าที่อื่นใดสำคัญเกินกว่าพระบัญชาขององค์ฟาโรห์...โปรดวางพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ องค์หญิงสำคัญเสมอ กระหม่อมขอตัวออกไปอยู่หน้าห้องบรรทมก่อน”
เมมนอนถอยกลับไปยังประตูห้องซึ่งงดงามด้วยรูปสลักแห่งทวยเทพบนบานไม้ซีดาร์ก่อนหันหลังและก้าวพ้นออกไปจากธรณีประตู
“ท่าทางราชองครักษ์ของฟาโรห์คนนี้หน่วยก้านดีไม่เบานะเพคะ แต่ดูเคร่งขรึมไม่ใคร่พูดจา หากก็นับได้ว่าเป็นราชองครักษ์ที่หน้าตาดีมากเลยเพคะ”
คูอิตมองตามบุรุษร่างสูงใหญ่โดยมิทันได้สังเกตว่ามีประกายระยับพรายอยู่ในดวงเนตรทั้งสองของผู้ที่ได้สดับฟัง เนเฟอร์ติตีเผลอแย้มพระโอษฐ์เพียงบางเบา จริงดั่งที่พระนมของนางว่า ใช่แต่จะเป็นราชองครักษ์ที่มีใบหน้าอันดึงดูด ท่าทีเงียบเฉยนั้นเล่าดุจสายน้ำไนล์ยามสงบน่าค้นหา ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลนางจักเป็นคนเช่นไร ในพระทัยดวงนั้นให้นึกกังขายิ่งนัก
******************
“มาเอีย!...ท่านแม่ล่ะ”
น้ำเสียงอันกราดเกรี้ยวทำให้นางกำนัลซึ่งเฝ้าอยู่หน้าตำหนักของพระสนมในฟาโรห์ต้องรีบผลักบานประตูห้องให้ร่างระหงของหญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดภายใต้แพรพรรณของบุคคลชั้นสูงภายในมหาราชวังเดินลงส้นอย่างไม่สบอารมณ์เข้าไปด้านใน
อังเคเซนามุนก้าวผ่านผ้าม่านบางเบาที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราก่อนจะพบว่ามีใครคนหนึ่งในชุดดำโพกศีรษะและปิดหน้าอย่างมิดชิดเดินสวนกลับออกมาจากภายในห้องมารดาของนา หากแต่ไม่ทันได้กล่าวว่ากระไรเสียงของนางสนมไอดุตก็เรียกนางเข้าไปหา
“อังเคเซนามุน...เจ้ามาหาแม่รึ?”
“ท่านแม่!”
เสียงของนางยิ่งเกรี้ยวกราดเมื่อก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าผู้เป็นมารดาภายในห้องซึ่งดูมิดชิดภายในตำหนักอีกฝั่งฟากของราชวัง ที่แห่งนี้คือสถานอันเป็นแหล่งพำนักแก่นางในของราชันผู้ยิ่งใหญ่อย่างรามเสสซึ่งมีนางสนมในฮาเร็มนับร้อยหากก็มิมีผู้ใดได้รับการยกย่องเชิดชูเท่าเนเฟอร์ตารีมเหสีเอก
ไอดุตก็คือหนึ่งนางในที่รั้งตำแหน่งได้แค่สนมปลายแถวซึ่งให้กำเนิดธิดาอย่างอังเคเซนามุน ผู้มีอายุไล่เลี่ยกันกับเนเฟอร์ติตี ทั้งรูปร่างหน้าตาก็มีส่วนละม้ายคล้ายกัน ต่างเพียงศักดิ์เท่านั้นที่มิได้กำเนิดแต่มเหสีหลวง
ความแตกต่างและห่างชั้นทำให้นางเกลียดชังเจ้าหญิงผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐภคินีต่างมารดาเป็นที่ยิ่ง ไม่ว่าเนเฟอร์ติตีจะกระทำสิ่งใดก็ให้เป็นที่รักใคร่หวงแหนของพระบิดา ส่วนนางนั้นเพียงลูกสนมหาได้เป็นที่ต้องตาดังเจ้าฟ้าหญิงแห่งธีบส์องค์นั้นไม่
“โอ...เทพอมุน-รา ข้าชังมันนัก เนเฟอร์ติตี!...นางมีอันใดดีเสด็จพ่อจึงเอาใจใส่มันเยี่ยงนั้น แค่คนร้ายเข้าไปในตำหนักทำให้มันได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ถึงขนาดต้องขนเหล่าทหารองครักษ์ไปดูแล ข้าอยากให้เทพแห่งความตายเอานางไป เอานางไปอยู่ในปรโลกโดยมิต้องเกิดใหม่เพื่อมาทำร้ายหัวใจของข้า!”
“อังเคเซนามุนลูกแม่...เจ้าควรสงบใจหน่อย หากข้าราชบริพารข้างนอกผู้ใดมาได้ยินอาจเป็นที่ครหาแก่ตัวเจ้าได้”
ไอดุตลุกจากเก้าอี้ไม้ทาทับด้วยสีเหลืองอร่าม ใบหน้าเรียวเล็กภายใต้วิกผมประดับลูกปัดแสดงความเรียบเฉย หากแต่ดวงตาที่ถูกวาดด้วยผงถ่านคมเข้มลากไปจรดขมับทั้งสองกลับฉายความเกลียดชังมิได้ต่างกันกับธิดาของนาง
“ท่านแม่ใจเย็นนัก!...ท่านสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไรในเพลาที่คนอื่นมีความสำคัญเหนือท่าน”
“เจ้าจะรุ่มร้อนไปเพื่อให้ได้อะไร!”
คราวนี่เสียงของไอดุตกร้าวขึ้นขณะร่างบางในชุดผ้าลินินจับจีบด้านหน้ายาวกรอมเท้าและแผงคอทำจากหินหลากสีหันไปทางหน้าระเบียงห้อง เบื้องนอกนั้นคือมหาวิหารมากมายและใหญ่โตภายในนครธีบส์ ที่ซึ่งนางมองข้ามไปยังขอบฟ้าในทุกเวลาของความวาดหวัง
“จะตื่นเต้นไปใยให้ใครมาล่วงรู้ว่าคนร้ายที่เกือบเอาชีวิตของเนเฟอร์ติตีไปสังเวยต่อเทพโอซิริสเป็นคนของแม่เจ้าเอง!”
“ท่านว่าอย่างไรนะ!”
นางสนมในวัยสามสิบกว่าหันมาแสยะยิ้มร้ายกับอังเคเซนามุนก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ใยเจ้าจึงคิดว่าแม่เฉยเมย...ใยเจ้าจึงคิดว่าแม่ไม่ใส่ใจ ไม่มีสนมคนใดมิปรารถนาการยกย่องเชิดชูตนทัดเทียมเจ้าฟ้าหญิงเคียงข้างมหาราช เจ้ารู้ไว้เถิดว่าแม่ของเจ้าปวดร้าวนักที่พระบิดาของเจ้ามิเคยหันกลับมาสนใจเราสองแม่ลูก ถึงเราจะอยู่ในฐานะที่คนอื่นก็ให้ความเคารพเพราะเป็นสนมและธิดาของฟาโรห์ หากก็มิเป็นที่น่าจดจำและยำเกรงแก่ผู้ใดทั้งสิ้น อังเคเซนามุนลูกแม่...”
ไอดุตก้าวเข้ามาหาบุตรสาวและวางมือทั้งสองลงบนไหล่บางใต้แพรผ้าลินินเนื้อเบาขณะเหยียดรอยยิ้มอำมหิตที่อีกฝ่ายมินึกฝัน
“อย่ากังวลอันใด...ขวากหนามในหัวใจของเจ้า แม่จะเป็นผู้หักโค่นมันให้ราพณาศูนย์ ไม่วันไดก็วันหนึ่ง...จำไว้!”
