บท
ตั้งค่า

Episode-03 เป็นไปตามข้อตกลง

“พ่อเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย” ผมโวยวายใส่คนตรงหน้ายกใหญ่เมื่อกลับมาถึงบ้าน “มัธยมยังเรียนไม่จบเลย”

“แล้วยังไง? แป๊บเดียวก็เรียนจบแล้วแกจะโวยวายทำไม มันก็เป็นไปตามข้อตกลงนี่ ฉันไม่บังคับแกแล้วไง อยากจะเรียนอะไร อยากจะทำอะไรตามใจเลยตามสบายไม่ห้ามสักอย่าง”

“พ่อ!” เหมือนก้าวเท้าเข้าห้องขังไปข้างหนึ่งเลยครับ “ไม่รู้แหละ ยังไงผมก็ไม่มีทางหมั้นตอนนี้แน่นอน”

“แล้วใครบอกว่าจะให้หมั้นตอนนี้?”

“...”

“ระหว่างนี้แกมีหน้าที่ดูแลน้อง”

“ดูแลยังไง?” ผมถามกลับแทบจะทันทีตั้งแต่เกิดดูแลแค่ตัวเองมาโดยตลอดเลยครับ “แล้วทำไมผมต้องดูแลด้วย”

“แกเป็นยังไงปันหยาก็เหมือนแกนั่นแหละ” จบประโยคพ่อก็เดินออกไปเลยแถมยังทิ้งปมปริศนาไว้ให้ผมอีก

หลายวันผ่านไป

“เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”

“ก็ดีครับ ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด” ผมว่าพลางมองหน้าแม่นิ่ง ๆ ปกติไม่ค่อยถามสักเท่าไหร่ วันนี้มาแปลกดูท่าทางคงมีอะไรอีกตามเคยสินะ

“ดีจัง...”

“แม่อยากพูดอะไรกับผมหรือเปล่า?”

“เรื่องหนูปันหยาน่ะ จริงหรือเปล่าที่ลูกรับข้อเสนอของพ่อ”

“พ่อต่างหากที่รับข้อเสนอของผม”

“คิดดี ๆ นะภาม”

“ผมคิดดีแล้วครับ กับปันหยาคงไม่มีปัญหาอะไรอยู่ด้วยกันไม่ได้เดี๋ยวก็แยกย้ายไปเองแหละ” ผมตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากนักและไม่ได้ประชดด้วย คนไม่ได้รักกันจะอยู่ด้วยกันนานสักแค่ไหนกันเชียวเว้นแต่ว่ามีความอดทนและเหตุผลส่วนตัวแค่นั้นแหละ

“ถ้างั้นก็คิดซะว่าปันหยาเป็นน้องสาวของภามคนหนึ่งแล้วกันนะ” ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเรื่องของปันหยานักหรอกครับ แต่พอได้ยินแม่พูดแบบนี้แล้วในใจมันก็เกิดคำถาม

“ผมรู้สึกเหมือนแม่กำลังสงสารปันหยาเลย มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า?”

“มี... แต่ภามไม่ต้องกังวลหรอกเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก”

“ในเมื่อไม่เกี่ยวแล้วทำไมผมต้องดูแลปันหยาด้วย”

“เพราะน้องเลือกภาม”

“...” ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งถามกลับยิ่งไม่ได้คำตอบ

“อ่อ! อีกสองวันลูกต้องย้ายไปอยู่กับน้องนะ เป็นคอนโดของเรานั่นแหละที่นั่นสะดวกสบายใกล้โรงเรียนน้องและยังใกล้มหาวิทยาลัยของภามอีกด้วย”

“แม่ว่าไงนะ?” ทุกอย่างเหมือนถูกวางไว้ทั้งหมดเลยครับ แค่รอเวลาที่ผมกับปันหยาเดินเข้ามาเท่านั้นเอง “ผมรู้นะว่ายังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วแต่ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะครับ”

“ช้าหรือเร็วก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี ลูกเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ จงระลึกไว้เสมอไม่ชอบหน้ากันยังไงก็ห้ามทำร้ายกันเด็ดขาด”

จบประโยคแม่ก็เดินจากไปทิ้งผมไว้ท่ามกลางความไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น รู้สึกเหมือนชีวิตจะวุ่นวายมากกว่าเดิมซะอีก

สองวันต่อมา

และแล้ววันนี้ก็มาถึง ทุกอย่างมันกระชั้นชิดรวดเร็วไปหมดเลยครับดีที่มีสองห้องนอนไม่อย่างนั้นคงอึดอัดมากกว่านี้

“เก็บของเสร็จแล้วออกมาคุยกันหน่อยนะ”

“ค่ะ”

อย่างที่รู้ว่าผมเป็นพวกไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่กับปันหยารู้สึกว่าจะคุยกันง่ายครับ เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่ก็นั่นแหละไม่รู้ว่าจะเงียบนานแค่ไหน

“เอ่อ... พี่มีอะไรจะคุยกับหยาเหรอคะ”

“เลิกทำท่าทางตื่นกลัวใส่ฉันสักทีเหอะ เห็นแล้วรำคาญว่ะ” เห็นแล้วหงุดหงิดครับผมก็ไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นไหม?

“ขอโทษ หยาแค่ทำตัวไม่ถูก”

“เงยหน้าด้วยเวลาพูดอ่ะ”

“คะ? ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองผม

“ทำไมถึงไม่ปฏิเสธ?”

“...”

“รู้ไหมว่าการอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกมันเจ็บปวดมากแค่ไหน? หรือว่าพ่อยื่นข้อเสนออะไรให้เหรอถึงได้เต็มใจมาอยู่ตรงนี้” ผมถามไปตามความคิดและมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้

“หยาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วพี่ไม่ต้องห่วงนะคะ หยาจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อน จะไม่วุ่นวายกับพี่ด้วย ถ้าพี่มีคนรักหรือมีคนในใจหยาก็จะไม่ก้าวก่ายเลย”

“มีเหตุก็ต้องมีผลแต่ในเมื่อไม่อยากบอกก็จะไม่ถามอีก” ผมไม่ชอบยุ่งกับใครก็รู้อยู่ “ห้ามพาคนอื่นเข้ามาที่นี่ จะไปไหนมาไหนต้องบอกทุกครั้งและข้อสุดท้ายห้ามทำอะไรเลอะเทอะหรือทำห้องรกเด็ดขาด!” ผมรักสะอาดครับ จะว่าเจ้าสำอางก็ได้แหละเห็นอะไรขวางหูขวางตาแล้วมันหงุดหงิดไปหมด

“ค่ะ”

“ถามจริง ๆ พ่อยื่นข้อเสนออะไรให้เธอ”

“ช่างมันเถอะค่ะ พี่คงไม่อยากรู้เรื่องราวของหยาหรอกเอาเป็นว่าหยาเต็มใจที่จะอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”

“แต่ฉันไม่เต็มใจ!”

“งั้นพี่ก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองค่ะ เพราะมันเป็นปัญหาของพี่ไม่ได้เป็นปัญหาของหยา”

“ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนกันนี่”

“หยาเปล่า ก็แค่พูดไปตามความคิดเท่านั้นเอง”

“ช่างเถอะ! ข้อตกลงของเราก็มีเท่านี้แหละ”

“ค่ะ”

หลังจากพูดคุยกันจบเราก็แยกย้ายกันเข้าห้องครับ ผมอยู่ห้องใหญ่ส่วนปันหยาอยู่ห้องเล็ก

ก๊อก ๆ ๆ

“อะไรอีก”

“หิวค่ะ” น้ำเสียงใสเอ่ยพร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง ๆ

“ในครัวมี อยากกินอะไรก็ทำเอาเลย”

“คือว่า... หยาทำไม่เป็น” ประโยคหลังเสียงแผ่วเบาเชียวครับ

“เฮ้อ...”

คำว่าดูแลของพ่อเนี่ยมันขนาดไหนกันนะ “ยังไม่ได้ซื้อของสดเข้ามา มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินไปก่อนแล้วกัน”

“ค่ะ”

จากนั้นผมก็เดินนำมายันโซนห้องครัว “นั่งรอตรงนี้”

เธอไม่ได้ตอบอะไรแค่พยักหน้ารับเท่านั้นเอง รู้สึกเหมือนกำลังประคบประหงมเด็กน้อยเลยครับ โน่นก็ทำไม่เป็น นี่ก็ทำไม่ได้ ...

“พี่ไม่กินด้วยกันเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมเอามาแค่ถ้วยเดียว

“ไม่ล่ะ ตามสบาย เสร็จแล้วเรียกนะเราจะไปซื้อของกัน” ผมว่าพลางนั่งรอที่โซฟาพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อค่าเวลา

“ค่ะ”

หยาเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรช้ามากครับ แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเดียวใช้เวลาเกือบชั่วโมง เห็นแล้วโคตรหงุดหงิดอะไรจะเชื่องช้าขนาดนี้

“บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าตอนเช้าไปเรียนแล้วช้าแบบนี้จะให้ไปเอง” ผมไม่ได้ขู่ครับ ผมพูดจริง

“จะพยายามปรับตัวให้ได้นะคะ”

“คิดได้แบบนี้ก็ดี”

มาถึงห้างสรรพสินค้าผมก็ตรงไปยันโซนของสดทันที แต่รู้สึกว่าคนที่มาด้วยจะไม่ค่อยอยากเดินตามสักเท่าไหร่

ผลัก!

“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ”

“มองทางบ้างเวลาเดินน่ะ เหม่ออะไรอยู่”

“อยากได้อันนั้น” เธอว่าพลางชี้มือไปที่หมอนรูปการ์ตูนชื่อดังครับ “มันกำลังลดราคา”

“อยากได้อะไรก็หยิบมา”

“พี่พูดจริงนะ?”

“อืม”

“ขอบคุณค่ะ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเลือกมา

ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองมีภาระมากกว่าน้องสาวอีกครับ ที่ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะมันอยู่ในข้อตกลงของพ่อต่างหากล่ะ ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel