บทที่ 13 ไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
หลังจากรอไม่กี่นาที ลู่อี้เข่อก็ขับมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้จอดอยู่ที่ด้านหน้าของหวังชาว
ลู่อี้เข่อเดินออกมาจากในรถ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณหวัง บังเอิญจริงๆ คุณก็พักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”
หวังชาวพยักหน้าพูดว่า: “ผมก็เพิ่งจะย้ายมาที่นี่เหมือนกันครับ”
“ใช่แล้วครับ ช่วงนี้อาการของคุณปู่คุณเป็นยังไงบ้างครับ?”หวังชาวถามขึ้นมาด้วยเรื่องสำคัญขึ้นมา
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของลู่อี้เข่อก็เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
“แม้ว่าครั้งก่อนคุณทำให้อาการของคุณปู่ฉันคงที่แล้ว แต่โรคเรื้อรังยังไม่หายขาด ในช่วงสองวันที่ผ่านมาอาการแย่ลงมาก”
ลู่อี้เข่อพูดพร้อมกับถอนหายใจ
หวังชาวพยักหน้า อาการป่วยของนายท่านลู่ค่อนข้างซับซ้อน
แต่ในไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาแทบจะย่อยทักษะทางการแพทย์ในหัวได้พอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักษาอาการป่วยของลู่ว่านซาน
“คุณลู่ คุณไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่ออาการป่วยของคุณปู่คุณ”หวังชาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ลู่อี้เข่อพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ และพูดด้วยใบหน้าเศร้าว่า: “ไม่รู้ว่าคุณปู่ของฉันหาหมอที่เรียกว่าหมอเทวดามาจากไหน ตอนนี้หมอเทวดาคนนั้นก็อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเตรียมรักษาคุณปู่ของฉันอยู่ค่ะ”
หวังชาวขมวดคิ้ว ฟังความหมายของลู่อี้เข่อ ลู่ว่านซานไม่เชื่อว่าตัวเองจะรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดีได้
“งั้น……ยังต้องการให้ผมไปอีกเหรอครับ?”
หวังชาวถามว่า
“ไปสิค่ะ เทียบกับหมอเทวดาเฉินอะไรนั้น ฉันเชื่อใจคุณมากกว่า ไปค่ะ พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”
หลังจากที่พูดจบ ทั้งสองคนขึ้นรถ และไปโรงพยาบาล
ภายในห้องผู้ป่วย
ในขณะนี้มีคนจำนวนมากยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยมากมาย ลู่ว่านซานกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ชายชราในชุดขาวที่มีอายุมากกว่า 60 ปีกำลังตรวจอาการลู่ว่านซานอย่างไม่หยุดหย่อน
“หมอหมอเทวดาเฉิน อาการของพ่อผมเป็นยังไงกันแน่?”
ชายวัยกลางคนถามด้วยสีหน้ากังวล
คนที่พูดก็คือลู่เชียนเริ่นพ่อของลู่อี้เข่อ
“คุณลู่ อาการของพ่อคุณไม่ค่อยดีเลยครับ เนื้องอกในสมองของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และต้องผ่าตัดเอาออกโดยเร็วที่สุด ใช้ยารักษาไม่ได้ผลอะไรอีกแล้ว”หมอหมอเทวดาเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ความเสี่ยงของการผ่าตัดสูงมั้ยครับ? จะมีผลที่ตามมาหลังจากการผ่าตัดหรือเปล่า?”ลู่เชียนเริ่นถาม
“เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเปิดกะโหลก ความเสี่ยงของการผ่าตัดจึงสูงมาก สำหรับผลที่ตามมา ผมไม่สามารถรับประกันได้ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอัมพาตครึ่งซีก ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวในภายหลังเป็นหลักครับ”
หมอหมอเทวดาเฉินพูด
“ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆเหรอครับ?”
ลู่ว่านซานซึ่งนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลด้วยสีหน้าซีดเซียว มองดูหมอเทวดาเฉินแล้วพูด
“นอกจากการผ่าตัดแล้ว ไม่มีทางอื่นแล้วครับ”
หมอเทวดาเฉินส่ายหน้าพูด ทันใดนั้นก็พูดอีกว่า: “จะทำการผ่าตัดหรือไม่? ถ้าหากไม่ต้องการเสี่ยง ใช้การรักษาแบบอนุรักษ์นิยม สามารถยืดอายุของคุณได้อีกอย่างน้อยสองเดือน”
“พ่อครับ พ่อว่าการผ่าตัดนี้ พวกเรายังจะทำอยู่มั้ยครับ?”ลู่เชียนเริ่นตัดสินใจไม่ได้
สีหน้าของลู่ว่านซานกลับแสดงความแน่วแน่: “ทำ หมอเทวดาเฉิน ผมเชื่อใจคุณครับ!”
“โอเค อีกสิบนาที ผมจะช่วยทำการผ่าตัดให้คุณด้วยตัวเอง”
หมอเทวดาเฉินพยักหน้า และเริ่มจัดการขั้นตอนการผ่าตัด
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ลู่อี้เข่อวิ่งเข้ามาพร้อมกับหวังชาว
“คุณปู่ค่ะ เดี๋ยวก่อนค่ะ หนูพาคุณหวังมาแล้ว ให้เขาตรวจดูปู่ก่อนเถอะค่ะ”
ลู่อี้เข่อหายใจหอบ และพูดอย่างรวดเร็ว
คำพูดของเธอทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่นิ่งอึ้งอย่างช่วยไม่ได้
ลู่ว่านซานมองดูหวังชาวแวบหนึ่ง และขมวดคิ้วขึ้นมา
แม้ว่าครั้งก่อนหวังชาวจะช่วยชีวิตเขา แต่ในความคิดของเขา นั่นอาจจะเป็นเพราะโชคเข้าข้าง และหลอกวง
“อี้เข่อ ปู่ของแกกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดเร็วๆนี้ แกยังก่อกวนไร้สาระแบบนี้อีก!”
ลู่เชียนเริ่นสีหน้าไม่พอใจ และพูดลู่อี้เข่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ลู่อี้เข่อพูดอย่างรวดเร็ว: “พ่อค่ะ สองวันก่อนคุณหวังคนนี้ก็ช่วยรักษาอาการป่วยของคุณปู่ ทักษะทางการแพทย์ของเขาดีมากเลยนะคะ พ่อไม่เชื่อก็ถามคุณปู่ดูสิค่ะ”
ลู่เชียนเริ่นนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะจ้องมองหวังชาวแวบหนึ่ง
คนคนนี้อายุน้อยแบบนี้ จะรักษาโรคได้เหรอ?
คงจะไม่ใช่มิจฉาหรอกนะ?
“พ่อครับ เป็นแบบนี้จริงหรือเปล่า?”
ลู่เชียนเริ่นถามลู่ว่านซานพ่อของเขา
ลู่ว่านซานพยักหน้ายอมรับเรื่องนี้ก่อน แต่จากนั้นก็ส่ายหัวพูดกับลู่อี้เข่ออีก: “อี้เข่อ ปู่ตัดสินใจแล้วว่าจะผ่าตัด หมอเทวดาเฉินเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียง และปู่เชื่อใจเขามาก”
ความหมายในคำพูดของลู่ว่านซานนั้นชัดเจนมากอยู่แล้ว
เขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าหวังชาวจะรักษาโรคของเขาได้
“คุณปู่ค่ะ ปู่ก็ให้คุณหวังลองรักษาให้ปู่ดูเถอะค่ะ”
ลู่อี้เข่อค่อนข้างกังวลขึ้นมา
หวังชาวยืนอยู่ข้างๆของลู่อี้เข่อ ไม่พูดอะไรสักคำ
แต่สายตาของเขาจ้องมองลู่ว่านซานที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย และแสงสีเหลืองก็กะพริบอย่างเงียบๆในดวงตา
อาการป่วยของลู่ว่านซานแย่ลงอย่างรวดเร็ว นอกจากเนื้องอกแล้ว ยังมีอาการสมองตายอย่างรุนแรง ถ้าเกิดทำการผ่าตัด ลู่ว่านซานจะต้องตายอย่างแน่นอน
“พวกคุณตั้งใจจะเขารับการผ่าตัดเหรอ?”
หวังชาวละสายตากลับมา และสายตามองไปทางหมอเทวดาเฉินคนนั้น
หมอเทวดาเฉินขมวดคิ้วมองไปที่หวังชาวแวบหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ถูกต้อง”
“ถ้าเกิดทำการผ่าตัดนายท่านลู่จะต้องตายอย่างแน่นอน”
หวังชาวพูดด้วยเสียงต่ำทุ้ม
อะไรน่ะ!!!
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ตกตะลึงอย่างไม่มีสิ้นสุดกันทั้งหมด!
“ไอ้สารเลว แกกล้าแช่งพ่อของฉัน!”
ลู่เชียนเริ่นใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ชี้ไปที่หวังชาวแล้วตะโกนเสียงดัง
สีหน้าของลู่ว่านซานก็หม่นหมอง สีหน้าค่อนข้างไม่พอใจ
ลู่อี้เข่อตกใจอย่างกะทันหัน สีหน้าก็ซีดลงในทันที เธอเชื่อพูดกับหวังชาว
และการแสดงออกทั้งหมดของหมอเทวดาเฉินก็ดูไม่ค่อยสู้ดีขึ้นมาในขณะนี้
หมอนี่กำลังท้าทายเขาเหรอ!
“พ่อหนุ่ม แกรู้มั้ยว่าแกกำลังพูดส่งเดชอะไรเหรอ?”
หวังชาวทำหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดต่อไปว่า: “ผมจะพูดอีกรอบ ถ้าเกิดทำการผ่าตัดนายท่านลู่จะต้องตายอย่างแน่นอน”
“เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าพูดเรื่องเหลวไหลต่อหน้าฉัน แกพูดซี้ซั่วอีก เชื่อหรือมั้ยว่าฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!”
หมอเทวดาเฉินรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะโกรธ
“ลู่อี้เข่อ ฉันไม่รู้ว่าแกหามิจฉาชีพคนนี้มาจากไหน แกรีบพามันออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถ้าทำให้ปู่ของแกโกธรจนเป็นอะไรไป อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแกนะ!”
ลู่เชียนเริ่นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ ปกติลูกสาวของตัวเองก็ทำตัวดีมาก ทำไมวันนี้ถึงได้กวนก่อขนาดนี้!
“พ่อค่ะ คุณปู่ค่ะ พวกท่านเชื่อคุณหวังสักครั้งเถอะ เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย หนูเชื่อว่าเขาไม่มีทางหลอกพวกเราหรอกค่ะ”
ลู่อี้เข่อกระวนกระวายมากจนสะอึกสะอื้น
เธอก็ทำเพื่อคุณปู่
ทำไมไม่มีใครยอมเข้าใจเธอเลย
ลู่ว่านซานก็โบกมือแล้วพูดอย่างค่อนข้างหงุดหงิด: “อี้เข่อ แกพาคนออกไปเถอะ ครั้งที่แล้วฉันบอกกับแกว่า จิตใจของคนนั้นน่ากลัว แกน่ะ ไว้ใจคนอื่นง่ายเกินไป”
“ไสหัวไปให้พ้น!”
“แกไสหัวไปให้พ้น!”
“ถ้าไอ้มิจฉาชีพอย่างแกยังไม่ไสหัวออกไปให้พ้นอีก เชื่อมั้ยว่าฉันจะไล่แกออกไปด้วยตัวเอง!”
สมาชิกทุกคนของตระกูลลู่จ้องมองที่หวางวชาวด้วยความโกรธ เดือดเป็นไฟเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนกับว่าหวังชาวทำเรื่องอะไรที่ก่อกรรมทำชั่วจนคนต่างก็พากันเคียดแค้น
หวังชาวถอนหายใจภายในใจ
ประสบการณ์สองปีอยู่ในตระกูลหลิน ทำให้นิสัยของเขาอ่อนไหวเปราะบางเป็นอย่างมาก
“คุณลู่ นายท่านลู่ ลุงลู่ รบกวนแล้วครับ”
หวังชาวโค้งคำนับเล็กน้อย และเดินออกจากห้องผู้ป่วยโดยไม่หันกลับมา
ลู่อี้เข่อมีบุญคุณต่อเขา ดังนั้นเขาได้ความเมตตาของคุณลู่ ดังนั้นเขาจึงมา
ส่วนคนอื่นจะไม่ชอบเขา นั่นก็เป็นเรื่องราวที่หวังชาวไม่สามารถตัดสินใจได้
พวกคุณไม่เชื่อฉัน ฉันไปก็มาเห็นเป็นไรเลย!
