ท่านประธาน
หลายวันผ่านไป ภายในห้องทำงานของท่านประธานบริษัทกวินชู ชายวัยสี่สิบกว่าที่ยังคงดูหล่อเหลาราวกับหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ทำให้มีสาวๆ เข้ามารุมขายขนมจีบ แต่ทว่ากวินกลับรู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อเขาเคยใช้ชีวิตในบ่อน ซึ่งผู้หญิงที่เข้าแถวมาบริการเขานั้นไม่ซ้ำหน้า แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่เคยลืมเธอคนนั้น หญิงสาวที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขา ให้รับรู้ถึงรสชาติของการได้เป็นผู้ชายคนแรก ซึ่งบทพิศวาสของเขาและเธอในค่ำคืนนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วัน เดือน ปี ความรู้สึกดีที่เขามีให้เธอกลับไม่เคยลืมเลือน
“เป็นอะไร ทำหน้ายังกับแบกโลกไว้ทั้งใบยังนั้นแหละ” เอเดนที่แวะมาหาเพื่อนในตอนเช้า เอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ดื่มไหม”
“เฮ้ย! ยังเช้าอยู่เลย ขอจิบกาแฟดีกว่า เช้าแบบนี้ไม่ไหว” เอเดนบอกปัดเพื่อนรักออกไป เมื่อเขานั้นไม่ค่อยดื่มของมึนเมา นอกจากเวลามีงานหรือไม่ก็นานๆ ครั้ง แต่นี่กวินกำลังจะรินวอดก้าราคาแพงลงไปในแก้ว ก่อนที่เขาจะกระดกเข้าปากรวดเดียว
“ทำไม หรือว่าถูกว่าที่พ่อตาเร่งรัดให้ไปขอลูกสาวเขา” ดูเหมือนว่าคำพูดของเอเดนกำลังแทงใจดำของกวินเข้าอย่างจัง ถ้าเป็นมีดดาบคงปักลงไปตรงขั้วหัวใจของเขาจนมิดลำ
“ไม่มีใครบังคับฉันได้นายก็น่าจะรู้”
“อายุก็ปูนนี้แล้ว ลูกของฉันก็โตจนเข้าอนุบาล นายยังไม่คิดที่จะแต่งงานอีกเหรอกวิน”
“การแต่งงานไม่เคยมีในหัวของฉันเลยด้วยซ้ำ” กวินพูดไปพร้อมกับยกเครื่องดื่มในแก้วกระดกเข้าปากไปพลาง ก่อนจะรินลงมาใหม่เหมือนกับว่ามันคือน้ำเปล่า
“ฉันอยากรู้จัง ผู้หญิงที่คู่ควรกับนายมากกว่าริสาเธอจะหน้ายังไงนะ สเปกของนายยังไงฉันก็คิดว่าริสาน่าจะติดอันดับต้นๆ เลยนะกวิน” เอเดนพูดพร้อมกับหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่ม ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมในมาดน่าเกรงขามเหมือนอย่างเคย
“นายเชื่อในรักแรกพบหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่มองยังไงอายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข พูดขึ้นมาลอยๆ แต่ทว่าเขากลับกำลังนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ทำให้เขาตราตรึงใจไม่รู้ลืม ความสดใหม่ใสซื่อของเธอทำให้ชายหนุ่มประทับใจ แต่ทว่านับจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยได้พบเจอเธออีกเลย
“เชื่อสิ พลอยชมพูเธอคือรักแรกพบของฉัน ตอนนี้เรามีลูกด้วยกันสองคนแล้ว อายุไม่ใช่ปัญหาถ้าหากใจสองดวงอยากหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง”
“นายนี่ก็พูดแบบนี้เป็นเหมือนกันนะเนี่ย คราบของมาเฟียที่เคยอยู่แต่ในบ่อนหายไปไม่เหลือแม้แต่เงา” รอยยิ้มที่มุมปากของกวินเผยขึ้น เมื่อนึกถึงอดีตที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่แล้วโชคชะตาก็ได้นำพาให้เขาสองคนเดินออกมาจากวงการธุรกิจสีเทา
“มีลูกมีเมียแล้วฉันก็อยากทำให้พวกเขาสบายใจ ถ้าวันไหนนายมีครอบครัว จะรู้ว่าความยิ่งใหญ่มีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือเมีย”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! นายกลัวเมียว่างั้น” กวินหัวเราะเยาะเย้ยเพื่อนรักออกมาเสียงดัง ก่อนจะตั้งคำถามด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ในสิ่งที่เอเดนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถ้าหากวันหนึ่งเขามีภรรยาจะยอมเธอเหมือนที่เอเดนยอมพลอยชมพูหรือเปล่านะ นั่นคือคำถามที่กวินหาคำตอบไม่ได้ เขาคงรอให้วันนั้นมาถึง ซึ่งชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน
“เออ! นายไม่กลัวเมียบ้างให้มันรู้ไป” เอเดนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หมั่นไส้เพื่อนรักของตน
“นายคิดว่าครั้งแรกของผู้หญิง มันสำคัญแค่ไหน เธอจะจดจำผู้ชายที่พรากเอาความสาวไปจากเธอได้หรือเปล่า” บ้าเอ๊ย! กวินคิดในใจไม่รู้ทำไมเขาต้องถามคำถามบ้าๆ แบบนี้ออกไปด้วยนะ
“นายถามฉันแบบนี้ แสดงว่าไปเปิดซิงใครมา เฮ้ย! จริงดิ! เธอเป็นใคร ผู้หญิงที่ทำให้นายกวินรู้สึกตราตรึงใจและหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้” เอเดนถามเพื่อนออกไปอย่างตื่นเต้น ซึ่งเขาเชื่อว่ามีผู้หญิงเพียงไม่กี่คน ที่จะสามารถทำให้ผู้ชายหัวใจศิลาอย่างกวินรู้สึกประทับใจได้
“ฉันแค่ถามขึ้นมาลอยๆ นายก็รู้ฉันหยุดเที่ยวผู้หญิงนานแล้ว มันคงเป็นตราบาป ที่ได้ทำไว้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น” พอเหล้าเข้าปากกวินก็เผลอระบายเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจให้เพื่อนฟัง
“เด็กคนไหน อย่าบอกนะว่านายแอบไปแซบกับเด็ก ฉันไม่ไปประกันตัวนายนะเว้ย! ข้อหาพรากผู้เยาว์หนักเอาการอยู่นะ แถมยังทำให้นายเสียชื่อเสียง ทำธุรกิจใครจะเชื่อถือ ทำไมตอนทำไม่รู้จักคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน” เอเดนทำหน้าเอือมๆ เมื่อได้ยินกวินสารภาพในสิ่งที่เขาทำอย่างไม่ยั้งคิด
“ไปกันใหญ่แล้ว เรื่องมันผ่านมาเกือบเจ็ดปี ร่องรอยมลทินที่มีคงจืดจางหายไป ป่านนี้เธอคงมีผัวเป็นตัวเป็นตนไปแล้วมั้ง ที่สำคัญฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร” ท่านประธานหนุ่มพูดตัดพ้อออกมาอย่างลืมตัวอีกครั้ง จนเอเดนจับพิรุธของเขาได้
“แอบรักเขาอ้างเดียวแห้งเหี่ยวเฉาตาย แต่นายนี่สิไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน คงทรมานใจน่าดู ฉันเห็นใจนายนะ แต่คงยากที่จะได้เจอเธอ ปลูกต้นรักใหม่สิ กับริสาฉันเชียร์เต็มที่” ดูเหมือนเอเดนจะพยายามเชียร์ริสาเหลือเกิน นั่นอาจเป็นเพราะว่าในเวลานี้ คนที่เหมาะสมกับกวินที่สุดคงไม่พ้นริสา
“ฉันเคยลองเปิดใจรับเธอเข้ามา แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ฉันลืมยัยเด็กนั่นไม่ได้จริงๆ แต่ช่างมันเถอะ โสดแบบนี้ก็ดี ไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใคร” พูดจบกวินได้รินวอดก้าลงไปในแก้วอีกครั้ง เขาดื่มมันเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า จนเอเดนส่ายหัวให้กับความคอแข็งของกวิน
“นายจะดื่มเพื่อลืมเธอรึไง”
“วันนี้เบื่อๆ เลยอยากดื่ม นายนั่นแหละดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยก็ไม่ได้”
“ดื่มได้ไงละ ต้องพาเมียไปชอปปิง พลอยจะซื้อของเข้าบ้าน เธอได้กลิ่นเหล้าเอาฉันตายแน่” เอเดนพูดถึงอิทธิฤทธิ์ของภรรยา ที่เขาต้องยอมจำนนให้กับเธอแต่โดยดี
“หึ! ป๊อดชะมัด นายนี่มันสามีแห่งชาติชัดๆ” ในคำพูดของกวินกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน เมื่อเขาเห็นเสืออย่างเอเดนกลายเป็นเจ้าแมวที่จงรักภักดีต่อเจ้าของ ก่อนที่ทั้งสองจะคุยกันเรื่อยเปื่อย ตามประสาของเพื่อนสนิท
ทางด้านใบบุญเธอยืนทำงานทั้งวัน จนขาแข็งกว่าจะได้พัก ซึ่งหญิงสาวมีเพื่อนสนิทหนึ่งคน คือชมพู่ ซึ่งทั้งสองทำงานเป็นคิวซีด้วยกัน เข้ากะเดียวกันตลอด
“ใบบุญเย็นนี้แวะตลาดไหม นั่งมอไซด์ไปกับฉันก็ได้ เดี๋ยวไปส่งเงินเดือนออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน” ชมพู่พูดเชิงกระซิบออกไปเบาๆ เพราะกลัวหัวหน้าจะได้ยิน
“อืม... ได้สิ”
“นี่เธอสองคนคุยอะไรกัน หรือมีหัวหน้าใหญ่ให้ท้าย จะใช้เวลางานทำอะไรก็ได้” ใบบุญถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่ออันดาที่เป็นลีดเดอร์เดินเข้ามาตำหนิเธอ แถมยังพูดจากระแนะกระแหน เรื่องที่หัวหน้าใหญ่ (Super Visor) เข้ามาพัวพันจีบเธออย่างออกหน้าออกตา ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่อันดาเองรู้สึกอิจฉาริษยาในตัวเธอ แทนที่หล่อนจะถามไถ่ถึงความสุขในการทำงานของทุกคน หากผิดพลาดก็หาวิธีแก้ไข ไม่ใช่คอยแต่ซ้ำเติมและโทษว่าเป็นความผิดของลูกทีม
“ขอโทษค่ะ” ใบบุญตัดสินใจกล่าวคำขอโทษออกไป ทั้งที่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด และนั่นก็ยิ่งทำให้อันดาได้ใจ ก่อนจะเชิดหน้าเดินออกไปอย่างผู้ชนะ
“ทำไมต้องขอโทษด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยใบบุญ” ชมพู่พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยที่เพื่อนยอมอันดาอยู่ร่ำไป
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับใคร น้องสาวกำลังจะเข้ามหาลัย อีกคนก็อยู่อนุบาล ทำงานๆ” ใบบุญบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกเพื่อนให้รีบตั้งใจทำงาน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้พักแล้ว ซึ่งวันนี้ไม่มีโอที ซึ่งเธอก็ตั้งใจที่จะแวะตลาดอยู่แล้ว เมื่อชมพู่ชวนหญิงสาวจึงรีบตอบตกลงไปทันที
