บทย่อ
ทำไมเจ้าชายถึงเกลียดผู้หญิงน่ะหรือ ก็เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนคู่ควรกับพระองค์น่ะสิ แล้วก็...เธอคนนั้น...ยัยเด็กขี้เหร่ที่กล้าปฏิเสธบุรุษที่เพียบพร้อมอย่างเขา คนที่ทำลายความภาคภูมิใจของเขา เขาเกลียดเธอที่สุด!
บทที่ 1 เจ้าชายเอาแต่ใจ
“เจ้าคนหัวล้านเผลอแล้ว เราออกไปข้างนอกกันเถอะ! ข้าอยากไปบ้านเจ้าอีก!”
เด็กชายผมยาวสลวยรีบหันไปกระซิบข้างหูของเด็กที่นั่งข้างๆ ขณะเจ้าคนหัวล้านที่ถูกพูดถึงเดินออกจากศาลาใหญ่เพื่อพูดคุยธุระกับชายอีกคนหนึ่ง ครั้นเมื่อไม่มีเสียงตอบเด็กชายก็เขย่าแขนของอีกฝ่ายเป็นการเร่งเร้า
อาเซน่าเหลือบมองเพียงแวบเดียวแล้วดึงแขนออกจากการเกาะกุม ก่อนจะทำไม่รู้ไม่ชี้ใช้แผ่นโลหะทองแดงปลายแหลมที่ผูกติดปลายไม้จุ่มสีแดงสดของครั่งในแก้ว แล้วบรรจงเขียนตัวอักษรลงในกระดาษปาปิรุสอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่นำพาต่อแววตาดื้อรั้นขึ้งโกรธจนดวงตาคมของอีกฝ่ายว่าจะเขียวปั้ดขนาดไหน
“ออกไปกับเราเดี๋ยวนี้!”
“ข้ากำลังเรียนหนังสือ เจ้าไปคนเดียวเถอะ”
“เจ้าคนโง่! ข้าโตกว่าเจ้านะ ข้าเป็นเจ้าชาย ลูกคนตีดาบอย่างเจ้าต้องเรียกข้าว่าเจ้าชายไมเซรินุสสิ!” เด็กชายเม้มปากด้วยความเคืองขุ่นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่ตนต้องการ ทั้งๆ ที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญ ไม่มีสิทธิ์ขัดขืนคำบัญชาใดๆ จากเขาผู้เป็นลูกกษัตริย์ทั้งสิ้น
“เจ้าไม่ได้สวมมงกุฎ เป็นเจ้าชายต้องสวมมงกุฎ ถ้าไม่ได้สวมมงกุฎเจ้าก็ไม่ใช่เจ้าชาย” อาเซน่าเถียงคอเป็นเอ็นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มจะข่มขู่ด้วยประโยคเดิมๆ เหมือนเช่นทุกวันที่ชวนให้หนีเรียนไปด้วยกัน
“เสด็จพ่ออนุญาตให้ข้าสวมเวลามีงานพิธีเท่านั้น เจ้าไม่เคยเห็นหรอก เพราะเจ้าไม่ได้อยู่ในวัง แล้วข้าก็บอกเจ้าเพียงคนเดียว ว่าข้าคือเจ้าชายไมเซรินุส คนอื่นไม่มีทางรู้ว่าข้าไม่ใช่โอซิริส” เมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงทีท่าว่ากลัว ไมเซรินุสก็ไม่ยอมลดราวาศอกเช่นเดียวกัน เด็กชายเริ่มส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนๆ ที่นั่งกันอยู่เต็มศาลาจนหลายคนเริ่มหันมามอง แล้วต่างก็รีบหันกลับเมื่อรู้ว่าต้นเสียงคือใคร ทำให้เขาแสยะยิ้มน่าเกลียดให้กับอาเซน่าด้วยท่าทางเป็นต่อ
“เห็นไหม...พวกเขาเกรงกลัวข้า เขาคิดว่าข้าคือโอซิริส”
“เจ้าทำตัวไม่สมกับเป็นเจ้าชาย ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว” อาเซน่าผุดลุกขึ้น ม้วนกระดาษปาปิรุสที่ยังไม่ได้ลงสีลวกๆ แล้วหนีบไว้ใต้วงแขน อีกสองมือน้อยๆ กำแท่งทองแดงไว้แน่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะกระชากมันออกไป
“เจ้าจะไปไหน?” ไมเซรินุสคว้าแขนคนที่ตัวเล็กกว่าไว้ทันท่วงทีพลางกระซิบเสียงดุ เพราะเจ้าคนหัวล้านที่ว่าเดินกลับเข้ามาในศาลาแล้ว
อาเซน่าชะงักอยู่กับที่แล้วรีบจัดการกางกระดาษปาปิรุสบนโต๊ะเมื่อครูใหญ่เริ่มเดินตรวจไล่จากแถวหน้า แต่เพราะมืออวบอูมของไมเซรินุสที่ยังเกี่ยวแขนไว้ ทำให้เสียการทรงตัวก่อนที่จะทรุดลงนั่ง
เพล้ง!!
มือข้างหนึ่งพลาดไปโดนแก้วสีหล่นแตกกระจาย แท่งทองแดงเปื้อนหมึกที่อยู่ในมือซ้ายลอยหวือฉวัดเฉี่ยวใบหน้าของเด็กชายจอมดื้อไปเส้นยาแดงฝ่าแปด แล้ววกกลับมาหาเจ้าของที่เซถลาหน้าคะมำ
อาเซน่าหลับตาปี๋เมื่อข้อศอกกระทบกับขอบโต๊ะ คลับคล้ายว่ามีใครกระชากแขนอย่างรวดเร็ว แล้วปลายแท่งทองแดงก็ปักลงบนเนื้อนุ่มนิ่มเหนือทรวงอกจนเลือดสีแดงฉานไหลออกมา
“เจ้าชาย!”
“แย่แล้ว! เจ้าชายได้รับบาดเจ็บ!”
“กรี๊ด! เจ้าชายเพคะ! ช่วยด้วย! รีบช่วยเจ้าชายเร็วเข้า!”
เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนดังลั่นของทหารที่ยืนอยู่ข้างนอกมาพร้อมกับความโกลาหลย่อมๆ เกิดขึ้นภายในศาลาที่ใช้เป็นสถานที่ร่ำเรียน เด็กๆ หลายคนต่างก็ล่าถอยออกไปโดย ขณะที่ครูใหญ่วิ่งถลาเข้ามายังที่เกิดเหตุ
อาเซน่ายืนตัวสั่นงันงก หน้าซีดเป็นไก่ต้มด้วยความหวาดกลัว เพราะเสียงตะโกนของเหล่าทหารตัวโตและเลือดสดๆ ที่ไหลรินออกจากหน้าอกของไมเซรินุสโดยที่เจ้าตัวสลบเหมือดไปแล้ว
“เจ้าใช่ไหมที่เป็นคนทำร้ายเจ้าชาย! รู้ไหมว่ามีโทษสถานใด!”
“ข้า...ข้า...” อาเซน่าพูดไม่ออกเพราะทหารร่างยักษ์หันมาตวาดใส่จนคนทั้งศาลาเงียบกริบ ขณะที่รถม้ามาจอดเทียบท่ารับร่างน้อยที่อยู่ในการอารักขาออกไป
“ข้าผิดเองที่ไม่ระวังให้ดี ปล่อยให้เจ้าชายบาดเจ็บทั้งๆ ที่กำลังเรียนอยู่ อย่าทำอะไรเด็กเลย อาเซน่าเพิ่งจะแปดขวบเท่านั้น” ครูใหญ่หัวล้านรีบหมอบลงกับพื้นโค้งคำนับให้ทหารที่ยืนจังก้าท้าวสะเอวจ้องหน้าลูกศิษย์ตัวจ้อยของเขา
“ชื่ออาเซน่างั้นเรอะ! เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร? ข้าจะจับผู้ปกครองเจ้าไปรับโทษด้วย”
“ได้โปรด...ปล่อยเด็กไปเถิด ลงโทษข้าเพียงคนเดียวก็พอ” ครูใหญ่อ้อนวอนเสียงเครือเมื่อทหารนายนั้นไม่ยอมลดราวาศอก ยืนยันจะเอาผิดเด็กให้ได้
แล้วนั่น...เด็กน้อยยืนตัวสั่น เบะปากทำท่าจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ ช่างไม่มีจิตใจเมตตาบ้างเลย...
“จับตัวไปทั้งสองคน สืบมาว่าพ่อแม่ของเด็กเป็นใครแล้วพาตัวเข้าวังรอรับการพิพากษา!”
ทหารอีกสี่นายก้าวเข้ามาตามคำสั่ง จับกุมตัวครูใหญ่ที่มิได้ขัดขืน อีกหนึ่งคนใช้แขนเพียงข้างเดียวหนีบตัวเด็กน้อยที่ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นแล้วพาขึ้นม้าควบออกไป ท่ามกลางความตกใจและความเศร้าสลดของผู้เห็นเหตุการณ์ทุกคน ขณะที่เด็กคนอื่นๆ ต่างก็ตกอยู่ในอาการขวัญผวา
แต่ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลย

