3เป็นสาย
ร่างบางของนับดาวมองตามรถที่วิ่งผ่านหน้าของเธออย่างโมโห ภายในใจได้แต่ก่นด่ารถสปอร์ตสุดหรูที่ขับผ่านเธอไป โดยไม่เหลียวแลหรือเอ่ยถามเธอแม้แต่น้อย
“จอดหน่อยค่ะ”
“ช่วยฉันด้วย”
“ช่วยฉันด้วย”
“ไอ้บ้าเอ้ย!!” นับดาวตะเบ็งเสียงดัง แต่ทว่ารถสปอร์ตไม่ยอมจอดเลย เธอหยิบก้อนหินแล้วปาใส่อย่างโมโห และมันได้ผล รถคันนั้นยอมจอด พร้อมกับชายหน้าตาคมคายเดินลงมาจากรถ
“มึงอยากตายใช่ไหม?” วิคเตอร์ย่างสามขุมเข้าไปหานับดาว แววตาลุกวาวด้วยไฟโทสะ ที่พร้อมจะแผดเผาคนตรงหน้าให้ไหม้เป็นจุณ
ปัง! ปัง! ปัง!
“กรี๊ดดด” หญิงสาวกรีดร้องรีบถอยแล้วหันหลังวิ่งหลบกระสุนกลับมาที่รถของตนเอง แสงไฟรถของเธอสาดส่องทำให้เห็นหน้าเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แต่ทว่าป่าเถื่อน ใจของเธอเต้นโครมครามราวกับกองชุด มันทั้งหวาดหวั่น และหวาดกลัวสุดขีด
“นายครับ” พลพยายามห้ามปรามเจ้านาย เมื่อได้เห็นการกระทำอันบ้าระห่ำ ถ้าเขาไม่ห้าม คนที่จะตายคือหญิงสาวตรงหน้านี่แน่นอน
“ไอ้พล มึงไปรอที่รถ กูจะยิงแม่งให้ตายห่าไปเลย” วิคเตอร์สบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เดินเข้าไปหานับดาว เธอรีบวิ่งไปหลบที่ท้ายรถ ถ้าเขายังไม่หยุด เธอจะวิ่งลงข้างทาง
“นายหญิงรออยู่ครับนาย กลับกันเถอะ” พลพยายามพูดให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจหยุดในสิ่งที่นายของเขากำลังกระทำ
“ได้! วันนี้มึงรอดไป คราวหน้ามึงไม่รอดแน่” เขาประกาศกร้าวพร้อมกับเดินเข้าไปในรถ ผ่านไปเพียงไม่นาน เสียงเครื่องยนต์สมรรถนะแรงสูง ก็ขับเคลื่อนออกไป
“บ้าชิบ!!” นับดาวเดินออกมาจากท้ายรถ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำเอาเธอขวัญกระเจิง ไม่เคยคิดว่าจะถูกกระทำแบบนี้
“ไอ้บ้าเอ้ย!!” หญิงสาวเตะที่ล้อรถเพื่อระบายความโกรธในหัวใจของตัวเอง ถึงแม้จะยังหวาดกลัวไม่หาย ภายในใจเธอก็ยังโกรธเขาอยู่ดี เธอหยิบไฟฉายออกมาจากตัวรถ ก่อนจะเดินย่ำไปตามทางเล็ก ๆ
นับดาวส่องไฟฉายไปมา พร้อมกับท่าทางหวาดระแวง เสียงแมลงกลางคืนร้องดังเซ็งแซ่ นับดาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ข่มความกลัวเอาไว้ ในใจได้แต่ก่นด่าพ่อเทพบุตรซาตานในใจ
“คนอะไรก็ไม่รู้ ป่าเถื่อนชะมัด ถ้าแบตฉันไม่หมด อย่าหวังว่าฉันจะมาร้องขอความความช่วยเหลือจากคนเฮงซวยแบบนาย”
“โอ๊ย!” นับดาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อข้อเท้าของเธอเจ็บ จากจากการพลิกของร้องเท้าส้นแหลมปรี๊ด
“วันนี้มันวันโลกาวินาศหรือไงวะ!!” เธอสบถออกมาอยากโมโห ก่อนจะถอดร้องเท้าเหวี่ยงทิ้งข้างทางแล้วเดินเท้าเปล่า ไปตามถนนเรื่อย ๆ
นับดาว…
สวัสดีค่ะฉันชื่อนับดาว ฉันเป็นลูกสาวของคุณชาติชาย ดำรงสกุล พ่อฉันเป็นตำรวจ ท่านส่งฉันเป็นเรียนเมืองนอก ฉันเพิ่งเรียนจบและเพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้า
ฉันไปเม้ามอยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อน เพื่อนฉันขับรถพาไปเที่ยวหลายที่ แต่มันดันทิ้งฉันไปกับแฟน ให้ฉันขับรถกลับเอง รักฉันเสียจริงนะเพื่อนคนนี้
พอฉันจะกลับบ้าน ฉันดันขับตามยัยจีพีเอสงี่เง่ามา แต่มันพาฉันมาหลง ซ้ำร้ายรถฉันดันมาเสียอีก มันน่าโมโหชะมัด หึ่ม!
ฉันเดินขากระเผลกกระเผลกไปตามทาง จนกระทั่งมาถึงถนนใหญ่ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อหลุดออกมาจากป่าข้างทางอันแสนเปล่าเปลี่ยวนั้นได้
ฉันเดินมานั่งที่ข้างถนนเพื่อรอโบกรถไปที่บ้าน ฉันล่ะโคตรเซ็งเลยที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
ฉันกะว่าเรียนจบแล้วเที่ยวเที่ยวให้สนุกซักอาทิตย์จากนั้นก็จะไปทำงาน ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา ทำงานเลี้ยงดูพ่อให้สุขสบาย
ฉันอยากจะให้พ่อของฉันอยู่บ้านไม่ต้องไปลำบากอะไรอีก
ท่านเป็นข้าราชการตำรวจชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย เมื่อได้ไปปฏิบัติหน้าที่จับผู้ร้าย มันยิ่งทำให้ฉันกลัวทุกครั้งที่พ่อออกปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้ฉันจะอยู่ที่เมืองนอก ฉันก็รู้ข่าวของพ่อฉันเป็นอย่างดี
ฉันเหลือพ่อเป็นที่พึ่งพิงเพียงผู้เดียว ฉันกับพ่อไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เพราะพวกท่านจากพ่อของฉันไป ตั้งแต่ถูกฆาตกรรมเมื่อหลายปีที่แล้ว สมัยที่ฉันเป็นทารกแบเบาะ
ส่วนแม่ของฉันท่านแยกกันกับพ่อของฉันตั้งแต่ฉันเด็ก ๆ พ่อไม่เคยเล่าว่าแม่ไปอยู่ที่ไหน และแม่ก็ไม่เคยมาหาฉันเลย พ่อได้แต่บอกว่าแม่หวาดกลัวเกินกว่าจะอยู่กับพวกฉันได้
ฉันนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผ่านไปสักพักรถแท็กซี่ก็วิ่งมา ฉันโบกมือเรียกแท็กซี่
“ไปหมู่บ้านรดาทองค่ะ”
“ครับ” ฉันนั่งรถมาจนกระทั่งถึงบ้านชั้นเดียวทรงโมเดิร์น ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ฉันจ่ายเงินแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านเงียบกริบ ไร้เงาผู้เป็นบิดา
ท่านคงออกปฏิบัติหน้าที่เหมือนเช่นเคย ฉันเดินขึ้นไปบนห้อง มือเรียวสวยของฉันบิดลูกบิดแล้วเปิดประตูเข้าไป ฉันถอดชุดที่สวมใส่ออกอย่างช้า ๆ จนร่างกายเปลือยเปล่า
เท้าเล็กๆของฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับเปิดน้ำในอ่าง ฉันนั่งลงแช่ในอ่างแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ในหัวฉันกำลังคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่หล่อเหลาเหมือนเทพบุตร แต่ทว่าเป็นเทพบุตรในคราบซาตาน เขาดูเหี้ยมโหดป่าเถื่อน แต่ฉันกลับรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ซ่อนภายใต้ความป่าเถื่อนนั้น
“บ้าอะไรวะเนี่ย!” ฉันสบถ เมื่อฉันเผลอไปคิดถึงไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่เอาปืนไล่ยิงฉัน นี่ฉันเป็นบ้าอะไร?
ฉันอาบน้ำอย่างหงุดหงิด เมื่อสลัดผู้ชายคนนั้นออกไปไม่ได้สักที
ตอนเช้าของอีกวัน ฉันเดินลงบันไดลงมาข้างล้าง ฉันขมวดคิ้วเป็นปม มองพ่อที่นั่งเครียด ในมือถือหนังสือพิมพ์ก่อนเหวี่ยงทิ้งลงพื้นอย่างโมโห
“ระยำเอ้ย!” พ่อสบถออกมาอย่างหัวเสีย กำหมัดแน่นนัยน์ตาแดงก่ำ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามพ่ออย่างห่วงใย ใบหน้าของท่านเคร่งเครียด ท่านใช้มือลูบหน้าของตัวเองเบา ๆ แต่ไม่ตอบฉัน ฉันจึงเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่ท่านเหวี่ยงทิ้งขึ้นมาอ่าน
ข่าวฆาตกรรมหน้าหนึ่ง เป็นตำรวจถูกฆ่ายัดถังโปกปูน และข่าวที่ตำรวจถูกยิงตายนับสิบ
“ต้องมีอีกสักกี่คนที่ต้องตายเพราะมัน” พ่อสบถพร้อมกับทุบโต๊ะแรง ๆ
“พ่อรู้ไหมคะ? ว่าใครฆ่าพวกเขา”
“พ่อรู้ พวกตระกูลชั่วช้าเป็นคนฆ่า ไอ้คนระยำมันไม่เคยทิ้งหลักฐานให้จับได้”
“ตระกูลไหน?”
“ตระกูลของไอ้คนนี้ไง ไอ้พวกที่มันผลิตยานรกนี่” พ่อหยิบภาพถ่าย 2 ใบ โยนลงบนโต๊ะให้ฉัน
“นี่มันผู้ชายคนเมื่อคืนนี่” ฉันพูดพร้อมกับหยิบภาพขึ้นมาดู ภาพชายวัยกลางคน แต่ทว่ายังดูดี ส่วนคนที่ยืนทำสีหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยแต่ว่าหล่อมาก หน้าตาแบบนี้สามารถทำผู้หญิงครึ่งประเทศตกหลุมรักเขาได้อย่างง่ายดาย
“ลูกเคยเจอเหรอ?” พ่อของฉันเอ่ยถาม
“ค่ะนับเจอเขาเมื่อคืน ตอนรถนับเสีย”
“มันเป็นคนเลวมาก”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า เขาเลวมาก สิ่งที่เขาปฏิบัติกับฉันเมื่อคืน มันทำให้ฉันรับรู้ว่าเขาเป็นคนเลว
“ถ้าพ่อทลายยาพีและผู้ร่วมขบวนการของมันได้ พ่อจะได้พักเสียที พ่อเหนื่อย” พ่อทำท่าทางเหนื่อยล้า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ท่านทุ่มเทและรักอาชีพตำรวจมาก ท่านซื่อสัตย์เเละเถรตรงเสมอ
“พ่อคงเหนื่อยมากใช่ไหมคะ?”
“พ่อเหนื่อยมาก นี่คือแผลที่พอไปปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืน ลูกน้องของมันยิงพ่อ ดีหน่อยที่พ่อไม่เป็นอะไรมาก เพราะกระสุนมันแค่ถาก ๆ แต่เพื่อนของพ่อและลูกน้องล้มตายไปไม่รู้กี่คน”
“นับว่าพ่อลาออกเถอะ นับจะหาเลี้ยงพ่อเอง งานที่พ่อทำอยู่มันอันตราย”
“ถ้าพ่อจบเรื่องนี้ได้ พ่อจะลาออกเอง”
“พ่อสัญญานะคะ”
“พ่อสัญญา”
“แล้วพ่อจะทำอย่างไรต่อไปคะ” ฉันพูดพร้อมกับจ้องมองบิดา ท่านหันมามองหน้าฉันอยู่นาน ทำท่าทางครุ่นคิด
“ลูกเคยเจอไอ้คนสารเลวนั้นใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ลูกต้องพยายามเข้าหามัน มันอยากได้อะไรลูกต้องยอมทุกอย่าง”
“คะ!! นะ… นับต้องไปเป็นสายเหรอคะ”
“ใช่”
“แต่คนที่ไปเป็นสายถูกฆ่าตายจนหมดไม่ใช่เหรอคะ?” ฉันพูดออกมาอยากหวาดหวั่น เมื่อคืนเขายังไล่ยิงฉันอยู่เลย
“พวกผู้ชายที่ไปเป็นสายถูกฆ่าหมด แต่ไม่เคยส่งผู้หญิงไป ไม่เคยมีใครกล้าไป”
“แล้วพ่อไม่กลัวนับตายเหรอ?”
“ลูกไม่ตายหรอก ลูกเก่งลูกฉลาดอยู่แล้ว ช่วยพ่อสักครั้งนะ ถ้าเราทำได้ คนที่ตกเป็นทาสของยานรกนี่ จะได้หลุดพ้นเสียที” ฉันคิดตามพ่อ ถ้าฉันทำได้ พ่อลาออกจากงานที่ท่านทำ แล้วไปใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขที่ต่างจังหวัด
ส่วนคนที่ตกเป็นทาสของยานี้ จะได้หลุดพ้นเสียที
“ค่ะ นับตกลง พ่อสัญญานะคะว่าจะลาออกจากงานที่ทำอยู่”
“พ่อสัญญา ถึงแม้ว่างานที่พ่อทำ พ่อจะรักมันมาก พ่อก็จะลาออกตามสัญญา”
“นับรักพ่อนะคะ”
“พ่อก็รักลูก ลูกต้องทำทุกอย่างให้มันเชื่อใจ ลูกต้องยอมมันเพื่อให้ได้ข้อมูลทุกอย่าง แม้กระทั่งต้องนอนกับมันลูกก็ต้องยอม เมื่อได้ข้อมูลทุกอย่าง พ่อจะไปถล่มมันเอง ”
