เทพบุตรซาตาน

157.0K · จบแล้ว
เลดี้ไนท์
54
บท
19.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย ในสายตาคนอื่นทุกคนมองเขาเป็นเทพบุตรที่แสนดีแต่ในสายตาเธอเขาคือซาตานที่แสนร้ายกาจ ความเมาทำให้เขาพรากพรหมจรรย์ของเธอแต่เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาเขาทำเพียงแค่โยนเงินให้เธอจำนวนหนึ่งและเดินจากไปอย่างไม่ใยดี รณภีร์ เลิศปิยะวัฒน์ (นักรบ) เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดัง Wow Club นิสัย : นิ่ง เงียบ พูดน้อย เด็ดขาด จนได้ฉายาจากกลุ่มเพื่อสนิทว่าเจ้าชายน้ำแข็ง ...พรึ่บ!!.. " นี่เงินเอาไปซะ และคิดสะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อคืนฉันแค่เมา" ปลิตา แก้วโกศล (สายป่าน) เด็กสาวอายุ19ย่าง20อาศัยอยู่กับย่าด้วยที่บ้านมีฐานะยากจนจึงต้องการรายได้เสริมเพื่อส่งตัวเองเรียนและรักษาอาการป่วยของยายจึงให้อาชื่อว่าธวัชผู้จัดการคลับฝากตนเข้ามาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ Wow Club นิสัย : อ่อนหวาน เรียบร้อย ไม่ค่อยทันคน ขี้กลัว หน้าตาน่ารัก" ฮึก..ฮึก.." ทำไมบอสต้องใจร้ายกับหนูขนาดนี้คะ "

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานพลิกชีวิตรักวัยรุ่นเศรษฐี

เทพบุตรซาตาน-1 สาวน้อย

ภายในชุมชนแห่งหนึ่งที่แออัดไปด้วยที่อยู่อาศัยของคนที่มีฐานะยากจนและปานกลางปลูกเบียดเสียดเรียงกันหลายสิบหลังใจกลางเมือง ภายในบ้านหลังหนึ่งร่างอวบท้วมของหญิงวัยหกสิบ และร่างบอบบางของหญิงสาววัยใสกำลังนั่งร้อยพวงมาลัยและพูดคุยกันตามประสายายหลานเสียงเจื้อยแจ้ว

“ยายจ๋า ถ้ายายร้อยพวงนี้เสร็จยายก็ไปพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวหนูทำต่อเอง” ปลิตาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นยายนั่งบิดตัวไปมาเนื่องจากอาการปวดเมื่อยหลังจากที่นั่งร้อยพวงมาลัยเป็นเวลานาน

“ไม่เป็นไรยายช่วยเอ็งร้อยจนเสร็จแหละ เดี๋ยวจะไม่ทันส่งเขาพรุ่งนี้เช้ามันจะเสียลูกค้า” สายพินตอบกลับหลานสาว

“ก็หนูเห็นยายเมื่อยกลัวปวดหลัง และอีกอย่างยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงตอนเช้าหนูพอจะทำทันจ้ะยาย” หญิงสาวเอ่ยบอกผู้เป็นยายออกไปด้วยความเป็นห่วง

“เฮ้อ ไม่เป็นไร ยายทำได้ ลืมไปหรือเปล่าว่าเอ็งมีสอบพรุ่งนี้ ช่วยกันทำให้เสร็จแหละดีแล้วเอ็งจะได้มีเวลาพักผ่อน จะได้ทำข้อสอบได้ อีกอย่างเหลืออีกไม่กี่พวงก็จะเสร็จแล้ว” สายพินตอบกลับหลานสาวที่คะยั้นคะยอให้ตนไปเอนหลังพักผ่อน

“ก็ได้จ้ะยาย หนูเป็นห่วงกลัวยายจะเมื่อย”

“เออ ยายไม่เป็นไรหรอก”

จากนั้นสองยายหลานจึงนั่งร้อยพวงมาลัยไปเรื่อยจนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมาทั้งคู่จึงทำเสร็จ ปลิตามองดูนาฬิกาที่ฝาผนังเก่า ๆ ซึ่งเข็มนาฬิกาก็บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว หญิงสาวจึงรีบจัดเตรียมที่หลับที่นอนของตนและยายเพื่อจะได้นอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ปลิตามีสอบและต้องรีบนำพวงมาลัยไปส่งให้ร้านในตลาดแต่เช้าตรู่

รุ่งสางสองยายหลานพากันตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อจัดเตรียมอาหาร และเตรียมพวงมาลัยสดไปส่งที่แผงให้แม่ค้าในตลาด วันนี้เป็นวันสอบวันแรกของปลิตา ซึ่งตอนนี้หญิงสาวเรียนอยู่ปีหนึ่ง และการสอบครั้งนี้คือสอบเทอมสุดท้ายเพื่อจะได้เลื่อนขึ้นปีสอง ปลิตาอาศัยอยู่กับสายพินผู้เป็นยายกันเพียงสองคน เนื่องจากพ่อและแม่ของเธอนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปตั้งแต่ตนอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น

ด้านสายพินผู้เป็นยายแต่เดิมเคยร้อยพวงมาลัยสดขายในตลาดมาก่อน แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่สายพินนั้นพลาดลื่นล้มในห้องน้ำทำให้สะโพกหลุดจึงไม่สามารถออกไปขายของที่ตลาดอย่างเดิมได้ และตอนนั้นปลิตาเองก็ยังเรียนอยู่ชั้น ม.ปลายซึ่งก็ยังเรียนไม่จบจึงไม่สามารถหาเวลาที่จะมาขายของแทนผู้เป็นยายได้ ดังนั้นสายพินจึงเซ้งแผงประจำในตลาดเพื่อนำเงินมารักษาตัว และนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นสองคนยายหลานจึงรับจ้างร้อยพวงมาลัยส่งแม่ค้าในตลาดแทนเพื่อหารายได้มาจุนเจือกันตามประสา ส่วนเรื่องการศึกษาของปลิตานั้นเพราะเธอเป็นเด็กที่เรียนดี เรียนเก่ง และขยัน จึงได้รับทุนการศึกษาเพื่อศึกษาต่อในแต่ละระดับชั้นจากผู้อุปถัมภ์ โดยที่มีอาจารย์และทางโรงเรียนช่วยส่งเสริมและช่วยผลักดันจนจบมัธยมปลาย และเมื่อปลิตาเข้าเรียนในระดับชั้นมหา’ลัยเธอจึงกู้ยืมเรียน และหารับจ้างงานทำงานพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไว้ใช้ในการศึกษาและในครอบครัว

ฐานะของสองยายหลานนั้นค่อนข้างยากจน ต้องหาเช้ากินค่ำ เพราะหลังจากที่สุพัตราผู้เป็นลูกสาวคนโตและอานนท์ที่เป็นลูกเขยซึ่งเป็นบิดาและมารดาของปลิตานั้นจากไป สายพินก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากต้องเลี้ยงหลานสาวแทนเสาหลักของครอบครัวอย่างลูกสาวและลูกเขยที่จากไป ซึ่งบางครั้งธวัชลูกชายคนเล็กก็คอยช่วยเหลือและหยิบยื่นมาให้บ้าง ด้านของธวัชนั้นก็มีครอบครัวแล้วและมีลูกชายสองคน แต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งมารดาและหลานสาว และรายได้หลักก็คือเงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการไนต์คลับที่เขาทำงานอยู่

“ยายจ๋า หนูไปก่อนนะกับข้าวอยู่ในฝาชีนะจ๊ะยาย” ร่างบางในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกตะกร้าพวงมาลัยสดขึ้นคล้องแขนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“จ้าลูก ตั้งใจสอบนะ ยายเป็นกำลังใจให้” สายพินลูบศีรษะเล็กเบา ๆ พร้อมกับอวยพรหลานสาวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

“จ้ายาย หนูจะไม่ทำให้ยายต้องผิดหวัง รักยายนะคะ ขอหอมแก้มเอากำลังใจหน่อย”

...ฟอดด...

“ชื่นใจที่สุดเลย แค่นี้หนูก็มีกำลังใจแล้ว” เมื่อสายพินยื่นใบหน้ามา ปลิตาจึงหอมลงที่แก้มผู้เป็นยายฟอดใหญ่ก่อนที่จะออกจากบ้านไปโดยที่มีสายตาเอ็นดูอย่างรักใคร่ของหญิงสูงวัยมองตามหลัง

เมื่อมาถึงตลาดปลิตาก็รีบส่งของให้แม่ค้าทันที เพราะกลัวว่าจะไม่ทันรถเมล์และจะทำให้ตนเองสาย ตกเย็นเมื่อสอบเสร็จปลิตาจึงรีบกลับบ้าน เพราะว่าวันนี้ลูกค้าใหม่ที่ป้าแจ๋วแนะนำให้มาต้องการรับมาลัยสดที่สั่งไว้แต่เช้า เธอจึงต้องรีบกลับไปร้อยด่วน เพราะยอดสั่งค่อนข้างเยอะเลยกลัวจะเสร็จไม่ทันตามกำหนด ในขณะที่ปลิตากำลังรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายนั้นก็บังเอิญชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ และยิ่งไปกว่านั้นถ้วยไอศกรีมในมือของเธอที่พึ่งแวะซื้อมานั้นไปถูกเสื้อของเขาโดยไม่ทันได้ระวัง ทำให้เสื้อของคนตรงหน้าเลอะคราบไอศกรีมเข้าอย่างจัง

“ว้าย ขะ...ขอโทษค่ะ” ปลิตาละล่ำละลักรีบเอ่ยขอโทษชายหนุ่มตรงหน้า

“เธอเดินยังไงเนี่ย!” ร่างสูงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ขอโทษค่ะคือหนูไม่ได้ตั้งใจ หนูผิดเองที่เดินไม่ระวัง” ด้วยความตกใจและกลัว ร่างบางจึงรีบเอ่ยขอโทษและยอมรับผิด แต่หญิงสาวนั้นก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาดุเข้ม

“อืม ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตรงหน้าปรายตามองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าเพียงนิด และมองไปยังเสื้อเชิ้ตราคาแพงของตนที่เลอะไอศกรีม

“ฉิบ! เฮ้อ!” เขาถอนหายใจดังและบ่นออกมาเพียงเล็กน้อย แต่สร้างความตกใจให้กับหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก

“อุ๊ย! นะ...หนู...ขะ...ขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ คือหนูรีบไปขึ้นรถเมล์ค่ะ หนูกลัวว่าจะไม่ทัน” ปลิตารีบเอ่ยบอกชายหนุ่มทันทีเมื่อได้ยินเสียงสบถของเขา และยิ่งเมื่อได้เห็นยี่ห้อที่ปักอยู่ตรงหน้าอกเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเป็นยี่ห้อดังและราคาแพงมาก

“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดตัดบทสั้น ๆ และปรายตาหันไปมองคนตรงหน้าที่ส่วนสูงต่างกันหลายเซนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินไปขึ้นรถคันหรูที่จอดรออยู่ด้วยสีหน้าและท่าทางหงุดหงิด ปล่อยให้สาวน้อยยืนตัวแข็งด้วยความตกใจและรู้สึกผิด

“ตายแล้ว ไม่ทันรถเที่ยวนี้แล้วทำยังไงดี ต้องรีบไปช่วยยายร้อยมาลัยด้วย” ปลิตาบ่นพึมพำจากนั้นจึงรีบวิ่งไปโบกวินรับจ้างทันที

“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธวัชที่เป็นทั้งผู้จัดการร้านพ่วงตำแหน่งคนสนิทเอ่ยถาม เมื่อเห็นท่าทางของเจ้านายหนุ่ม

“ไม่เป็นไร รีบกลับไปไนต์คลับเถอะ” นักรบเอ่ยบอกคนสนิทพร้อมกับเอนหลังหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า