บทที่ 12 หาของแปรรูป
ผ่านมาแล้วสองวันใบหน้าที่บวมช้ำของเซี่ยซูเจี๋ยก็กลับมาเป็นปกติ และทั้งสามก็ลงมือนปลูกผักทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันเซี่ยห้าวไห่ก็จะกลับมา เซี่ยซูเหยาเลยอ้อนขอให้เซี่ยซูเหยียนพาเข้าป่า จริงๆ เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธทว่าเซี่ยซูเหยาไม่ยอมแพ้ นางอ้อนขอจนเซี่ยซูเหยียนใจอ่อนจนได้
ก็ยังเป็นเซี่ยซูเจี๋ยที่เตรียมอาหารสำหรับเข้าป่าวันนี้ มีเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน และท่านยายหลี่ฮัวก็อยู่ที่บ้าน เซี่ยซูเจี๋ยเลยไปขอให้ช่วยดูบ้านให้ด้วย นางไม่ไว้ใจที่จะให้น้องชายกับน้องสาวพากันไปเองสองคน
ปลาในถังเหลืออยู่เจ็ดตัว กุ้งอีกเป็นร้อยตัว เซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องพากันเข้าป่าอีก นางไม่อยากปฏิเสธน้องสาวที่ยิ้มกว้างยามที่เซี่ยซูเหยียนอนุญาต
“ครบแล้วใช่ไหม”
นอกจากตะกร้าอาหารมื้อกลางวันแล้วทั้งสามก็มีตะกร้าสานสะพายคนละอัน เซี่ยซูเหยาได้ตะกร้าที่มีขนาดเล็กแต่ก็ใส่ของได้เยอะ และเซี่ยซูเหยียนก็เอาพวกมีดกับขวานไปด้วย ของพวกนี้เขาเอาติดตัวไปด้วยตลอดยามเข้าป่า
“ขอรับ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้า
เซี่ยซูเหยาไม่ได้พาเสี่ยวเฮยไปด้วย น้ำหนักของเจ้าเสี่ยวเฮยไม่ใช่น้อยๆ แล้ว นางกลัวว่ามันจะถ่วงเวลาตอนเดินทาง จึงเลือกที่จะขังไว้ในห้องครัว ทว่านางได้เทน้ำต้มข้าว น้ำ และเนื้อปลาที่ต้มเสร็จแล้วไว้ให้มันด้วย
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเอาอาหารวางไว้ให้ก็ได้ เพราะส่วนมากเวลานี้เจ้าเสี่ยวเฮยมันไม่กิน จะกินแค่ตอนเช้าและเย็นเท่านั้น ซึ่งมันประหยัดมาก แต่นางก็วางเผื่อเอาไว้
“อาเหยาระวังตัวด้วย”
“เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาตอบรับคำอย่างอารมณ์ดี หลายวันมานี้นางอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่แปลกที่พอออกนอกบ้านนางจะดีใจ
บริเวณป่าที่เซี่ยซูเหยียนพาพี่สาวและน้องสาวมา ไม่ได้รกทึบมากนัก เนื่องจากเขากลัวจะมีอันตราย จึงพามาเพียงชายป่าเท่านั้น และของในป่าก็กล่าวได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรแล้ว
เซี่ยซูเหยามองหาของป่า นางจะเอาไปวางขายในตำบลที่เป็นตลาดเก่าระหว่างรอตลาดใหม่เปิด ซึ่งของป่าที่นางต้องการอย่างแรกก็คือหน่อไม้ มันสามารถนำไปต้มและเก็บไว้ได้นาน ไหนจะสามารถนำไปดองได้อีก ซึ่งวิธีของนางแน่นอนว่าต้องแตกต่างจากที่นี่
ระหว่างมองหาหน่อไม้เซี่ยซูเหยาก็มองของอย่างอื่นไปด้วย นางไม่แน่ใจว่ามีอะไรที่จะสามารถแปรรูปไปขายได้อีก ทว่าหากได้เห็นบางทีนางอาจรู้จัก
“กล้วย!” เซี่ยซูเหยาร้องขึ้นด้วยความดีใจ
เครือกล้วยป่าที่ใกล้สุกแล้วเหลืออยู่หลายหวี ทว่าบางหวีก็เหมือนมีสัตว์มาจิกกิน เซี่ยซูเหยาจึงชี้ให้พี่ชายเอากลับไปด้วย เพราะกล้วยสามารถทำได้หลายอย่าง
“กล้วยหรือ กล้วยคืออะไร” เซี่ยซูเหยียนงุนงง พลางมองผลสีเขียวแซมเหลืองที่น้องสาวชี้ให้ดูอย่างไม่เข้าใจ
“เอ่อ… เซียงเจียว32 เจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยารีบแก้คำก่อนที่พี่ชายจะงงไปมากกว่านี้
นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าของบางอย่างมีชื่อเรียกเหมือนกัน ทว่าก็ยังมีอีกหลายอย่างที่มีชื่อเรียกไม่เหมือนกัน ยังดีที่เซี่ยซูเหยาคนก่อนยังเหลือความทรงจำไว้ให้
เซี่ยซูเหยียนตัดเครือกล้วยป่าลงมา ตัดหวีที่ถูกสัตว์จิกกินและเน่าเสียออกไป เหลือเพียงหวีที่ดีๆ
ก่อนจะยกใส่ตะกร้าแบ่งกันทั้งสามคน ซึ่งแน่นอนว่าเซี่ยซูเหยาได้เพียงหวีเดียว เพราะพี่สาวพี่ชายทั้งสองเอาไปใส่ตะกร้าหมด
“มันกินได้จริงๆ หรือ”
ชาวบ้านถูกปลูกฝังมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่าผลไม้ที่สามารถรับประทานได้มีเพียงสีเขียว หากเป็นผลสีอื่นคือมีพิษ ทว่าก็มีผลสีอื่นที่สามารถรับประทานได้เช่นกัน แน่นอนว่าสำหรับกล้วยชาวบ้านไม่เคยรู้จัก
อีกทั้งเซี่ยซูเหยาแทบไม่ออกจากบ้านจะรู้ได้อย่างไรว่ามันรับประทานได้หรือไม่ได้ เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าทว่าก็ไม่ได้เอาทิ้ง มีสัตว์มาจิกและไม่มีซากสัตว์ตายหมายความว่ามันรับประทานได้ อีกอย่างน้องสาวเป็นคนบอกให้เอากลับไปด้วย
“ได้เจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้าและลำคอ วันนี้ยามที่ทั้งสามเข้าป่ามาก็สายมากแล้ว ยังดีที่อากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นนางคงแย่
“อาเหยาอยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือไม่” เซี่ยซูเหยียนที่เดินนำหน้าหันมาถามน้องสาว
เซี่ยซูเหยียนรู้ว่าเซี่ยซูเหยาไม่ได้เข้าป่ามาเพื่อของแค่นี้แน่ๆ น้องสาวของเขาต้องมีเป้าหมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่อ้อนเขาให้พามาก่อนที่บิดาจะกลับ
“หน่อไม้เจ้าค่ะ หน่อไม้” เซี่ยซูเหยาตอบ
“หน่อไม้? ชาวบ้านคงเอาไปหมดแล้วอาเหยา” เซี่ยซูเจี๋ยถอนหายใจ หน่อไม้เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องการเป็นอันดับแรก ต่อให้เพิ่งผุดจากดินมันก็ถูกสับไปแล้ว
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้า นางรู้ดีว่าหน่อไม้เป็นของป่าที่หายากมากบริเวณชายป่าแบบนี้ ทว่าหากเข้าไปลึกอีกหน่อยที่ไม่อันตรายก็ยังพอมีอยู่
และแน่นอนว่าเซี่ยซูเหยียนน่าจะรู้ทาง จริงๆ นางก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ทว่าชีวิตก่อนนางเคยอ่านนิยายมาบ้าง หรือไม่ก็ดูซีรีส์มาก่อน จึงคิดว่ามันน่าจะคล้ายๆ กัน
“พี่ชาย” เซี่ยซูเหยาหันหน้าไปอ้อนพี่ชาย
“จริงๆ มันก็มี ทว่าเราต้องเข้าไปลึกกว่านี้” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าพร้อมกับชี้ไปยังทางที่ต้องไป เขาเคยมาหลายครั้งจึงรู้ว่าควรเข้าไปถึงจุดไหน
เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างอย่างดีใจ โดยปกติหากเป็นทางที่อันตรายจริงๆ เซี่ยซูเหยียนคงปฏิเสธไปแล้ว ทว่านอกจากไม่ปฏิเสธแล้วยังสามารถพาเข้าไปได้อีก
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาหันไปถามความเห็นของพี่สาว พี่ชายอนุญาตนางสามารถไปได้ ทว่ายังเหลือพี่สาวอีกหนึ่งคนที่ต้องขออนุญาตก่อน
“ไม่อันตรายจริงๆ หรือ”
เซี่ยซูเจี๋ยถามน้องชายด้วยสีหน้ากังวล นางรู้ดีว่านางไม่สามารถช่วยเหลือน้องสาวได้ จึงต้องพึ่งพาประสบการณ์ของน้องชายและถามความคิดเห็นของเขา
“ไม่อันตรายขอรับ ส่วนมากจะเป็นสัตว์ปีกตัวเล็ก”
เซี่ยซูเหยียนตอบพี่สาวอย่างใจเย็น อันที่จริงเขาก็ต้องการเข้าไปในป่าลึกมากกว่านี้อีก เพราะบริเวณชายป่ามีคนมาเก็บของไปหมดแล้ว
“อืม งั้นไปเถอะ”
เซี่ยซูเจี๋ยมองดูรอบๆ ตัว พอเห็นว่าของป่าถูกเก็บไปหมดแล้วนางก็ตัดสินใจให้น้องชายพาเข้าไปในป่าลึกทันที
“ขอรับ”
รอบนี้เซี่ยซูเจี๋ยเดินนำหน้า เซี่ยซูเหยาอยู่ตรงกลาง และเซี่ยซูเหยียนเดินรั้งอยู่ด้านหลังเพื่อปกป้องน้องสาว ตามที่เซี่ยซูเจี๋ยสั่ง
อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็จะกลับมาและของที่ได้มาส่วนมากก็จะถูกนำไปขายในเมือง ของกินที่เตรียมไว้ในบ้านคงหมดพอดี
เซี่ยซูเจี๋ยจึงกลัวว่าหากเซี่ยห้าวไห่กลับมาแล้วเห็นของกินในบ้านหมด จะเข้าป่าไปล่าสัตว์อีก ซึ่งนางเป็นห่วงร่างกายของบิดา
หน่อไม้ที่มีขนาดและอายุพอเหมาะที่จะนำไปทำอาหารผุดขึ้นจากกอไผ่หลายหน่อ ทว่ามันอยู่ด้านในไม่สามารถนำออกมาได้ เซี่ยซูเหยียนจึงสับเอาเพียงด้านนอกแทน บริเวณนี้เป็นป่าไผ่ การที่จะมีหน่อไม้มากมันจึงไม่แปลก
เซี่ยซูเหยายื่นกระบอกน้ำให้พี่ชาย อากาศกำลังร้อนระอุ และเซี่ยซูเหยียนก็ต้องออกแรงมาก นางกลัวเขาหมดแรงไปเสียก่อน
“อาเหยาดื่มเถอะ”
ป่าไผ่อยู่ห่างจากลำธาร เซี่ยซูเหยียนกลัวว่าหากเขาดื่มไปแล้วน้ำหมด น้องสาวจะไม่มีน้ำให้ดื่ม ซึ่งแน่นอนว่าน้ำนี้ต้มฆ่าเชื้อมาจากที่บ้านแล้ว
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้า นางเตรียมน้ำมาให้ทุกคนรวมถึงของนางเอง เซี่ยซูเหยาไม่ค่อยดื่มน้ำ น้ำของนางก็ยังเท่าเดิม นางไม่กลัวว่าตัวเองจะอด
“พี่ชายยังต้องใช้แรงอีก” เซี่ยซูเหยากล่าว
“ได้”
ระหว่างที่เซี่ยซูเหยียนสับหน่อไม้ในป่าไผ่ เซี่ยซูเจี๋ยก็แยกตัวออกไปเก็บเห็ดที่ขึ้นอยู่ไม่ไกล ส่วนเซี่ยซูเหยามีหน้าที่ดูแลของและช่วยพี่ชาย
เซี่ยซูเหยาชะงักหลังจับหน่อไม้ใส่ตะกร้า พลางหันไปมองทางที่นางเห็นบางอย่างวิ่งไป เซี่ยซูเหยาลังเล ทว่าหากนางไม่ไปดูมันก็เป็นสิ่งที่จะค้างคาใจนาง
“พี่ชาย อาเหยาไปปลดเบาสักครู่นะเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาเดินไปบอกพี่ชายที่เดินหาหน่อไม้อยู่
นางไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงเลยไม่ได้เดินไปเลย พอบอกเสร็จเซี่ยซูเหยาจึงสะพายตะกร้าของนางออกไป
เซี่ยซูเหยาคว้าท่อนไม้ที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินกำลังของนางเพื่อเป็นอาวุธ เซี่ยซูเหยียนนำอาวุธเข้ามาเพียงสองชิ้น หนึ่งคือขวานที่เขาใช้สับหน่อไม้ สองคือมีดที่พี่สาวเอาไปเก็บเห็ด และเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียนก็ไม่ต้องการให้เซี่ยซูเหยาออกแรง นางเลยไม่มีอาวุธและเครื่องมือ
สิ่งมีชีวิตที่เซี่ยซูเหยาตามติดมาคือไก่ป่า เซี่ยซูเหยาเห็นว่ามันบินหายไปในจุดที่ไม่ไกลจากบริเวณที่อยู่ เลยตัดสินใจเดินตามมันไป
พอมาถึงพุ่มไม้เซี่ยซูเหยารีบแหวกพุ่มไม้ออกด้วยความเบามือ พยายามไม่ทำเสียงดังให้ไก่ป่าแตกตื่น ก่อนจะเบิกตากว้าง
รังไก่ป่า!
ใช่แล้ว เซี่ยซูเหยาเห็นรังไก่ป่าที่มีมากกว่ายี่สิบรังและยามนี้มีเพียงไก่ป่าตัวเดียวที่เฝ้าอยู่ นางไม่รู้ว่าไก่ป่าตัวอื่นไปไหน ทว่าในรังของมันมีไข่เต็มไปหมด! มองดูคร่าวๆ คาดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยฟอง นางสามารถนำไปทำอาหารและนำไปขายได้ อย่างน้อยก็ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยอีแปะ
เซี่ยซูเหยารีบเก็บไข่ไก่ที่ละรังอย่างใจเย็น และเพื่อไม่ให้ไก่ป่าที่หลับอยู่แตกตื่น นอกจากไข่ไก่ป่าแล้ว ไก่ตัวนี้เซี่ยซูเหยาก็ต้องการนำกลับไปด้วย มันสามารถนำไปทำอาหารได้ถึงสองมื้อ
พอเก็บไข่ป่าหมดทุกรังยกเว้นรังที่ไก่ป่านอนอยู่ เซี่ยซูเหยาจึงเดินย่องเข้าไปหาไก่ป่าตัวนั้น กว่าไก่ป่าจะรู้สึกตัวว่ามีอันตราย เซี่ยซูเหยาก็คว้าคอไก่ป่าแล้ว!
ไก่ป่าดิ้นไปมาพร้อมส่งเสียงทว่าเซี่ยซูเหยาลงมือแรงเกินไปไก่จึงหมดแรงในที่สุด จากนั้นจึงเก็บไข่ในรังสี่ฟอง เซี่ยซูเหยารีบสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยไข่ไก่ป่ามากกว่าร้อยฟองออกจากรัง อีกไม่นานไก่ป่าที่เหลือคงจะกลับมา และนางกลัวว่าหากไก่ป่าเห็นนางแล้วจะไม่ดี
“อาเหยา!”
เซี่ยซูเหยียนที่ยืนรอน้องสาวกลับมาตะโกนเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งมาช่วยน้องสาวที่แบกบางอย่างมาเต็มตะกร้า อีกทั้งในมือยังมีไก่ป่าตัวหนึ่ง
“ไข่ไก่!”
เซี่ยซูเหยียนอุทานอีกรอบอย่างตกใจ ไก่ป่าส่วนมากจะรวมตัวกันสร้างรังและถึงมันจะตัวเล็ก ทว่าพอมีหลายตัวมันจะดุร้ายมาก ไก่ป่าพวกนี้หวงไข่ แต่ว่าน้องสาวของเขากลับได้มันมาเต็มตะกร้า
“กลับกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยารีบบอกพี่ชายหลังส่งตะกร้าให้เขา เหงื่อของนางไหลออกมาไม่น้อย
“ได้!”
เซี่ยซูเหยียนตอบรับคำน้องสาวแล้วรีบไปอุ้มตะกร้าหน่อไม้และพาน้องสาวไปหาเซี่ยซูเจี๋ยทันที ของที่ได้มาในยามนี้นับว่าเยอะมาก
