บทที่ 10 ฝาแฝดสกุลเซี่ยมาอีกแล้ว
เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์ได้สองวันแล้ว สามพี่น้องบ้านเซี่ยจึงได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง โชคดีที่บ้านไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นมาก เซี่ยห้าวไห่จึงไม่ค่อยเป็นห่วง
ทว่าวันนี้ผักที่ปลูกในแปลงถูกเซี่ยซูเหยียนเก็บขึ้นมาให้พี่สาวนำไปทำอาหารหมดแล้ว ทั้งสามเลยคุยกันว่าจะปลูกผักใหม่
เซี่ยซูเหยาเสนอแนวคิดว่านำมูลไก่ที่มีในคอกมาผสมหน้าดินเตรียมเอาไว้ก่อนลงมือปลูก วิธีนี้จะทำให้ผักเจริญงอกงาม และไม่ใช่ว่าสามารถปลูกได้ทุกอย่าง ผักบางอย่างก็ไม่สามารถเจริญเติบโตบนดินพวกนี้ได้
ระหว่างรอเซี่ยซูเจี๋ยไปเลือกซื้อเมล็ดผัก เซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาก็ช่วยกันปรับหน้าดินรอ และงานในบ้านที่ยังทำค้างไว้อยู่ เซี่ยซูเหยาก็อาสาทำก่อนพี่สาวจะกลับ
จริงๆ วันนี้มีชาวบ้านมาเรียกให้เซี่ยซูเหยียนไปช่วยเก็บฟืนในป่า ทว่าที่บ้านมีน้องสาวอยู่คนเดียวเลยปฏิเสธไป แม้คนที่มาเรียกจะหัวเสียก็ตาม
เซี่ยซูเหยาอ้าปากหาวพลางอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอย่างสบายใจขึ้นมากอด อีกไม่นานนางคงอุ้มไม่ได้แล้ว ยังดีที่มันไม่ได้โตเร็วมาก
เมื่อวานเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อข้าวสารมาห้าจิน เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงินและห้าร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้ต้องทำงานสิบกว่าวันถึงได้มา เซี่ยซูเจี๋ยเป็นคนเก็บเงินที่ได้มาจากการไปรับจ้างและล่าสัตว์ เก็บผักไปขาย รวมๆ แล้วที่บ้านเหลือเงินเพียงสิบตำลึงเงิน
หากเซี่ยซูเหยายังป่วยอยู่แน่นอนว่าคงไม่มีเงินมากถึงเพียงนี้ ทว่าตอนนี้เซี่ยซูเหยาไม่ต้องดื่มยาเพิ่ม ค่าใช้จ่ายจึงลดลงมาก อีกทั้งข้าวสารก็เป็นสิ่งสำคัญในบ้าน นางจึงยอมจ่ายเพราะไม่อยากให้ทุกคนรับประทานแผ่นแป้ง
“พี่ชายเอาก้างปลาไปฝังดินให้แล้วนะ”
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยายิ้มกว้าง ก่อนที่เซี่ยห้าวไห่จะไปล่าสัตว์เขาพานางกับพี่ชายไปจับกุ้งกับปลามาเก็บเอาไว้ นับดูคร่าวๆ คงมีรับประทานไปหลายวัน ซึ่งถ้าหมดก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเซี่ยซูเหยียนสามารถลงไปจับเองได้
เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าให้น้องสาวก่อนจะเดินไปล้างมือที่เปื้อนเศษดิน หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หน้าที่ของเขาก็คือเอาเศษก้างปลาไปฝังดิน
พอพี่ชายเดินไปหลังบ้านเซี่ยซูเหยาก็ถอนหายใจออกมา นับดูแล้วเหลืออีกแค่ไม่กี่วันที่พ่อของนางจะกลับมาทว่านางยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย มีเพียงช่วยพี่สาวทำแปลงผัก
เห็นว่ารอบนี้ปลูกผักเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเพราะจะเอาไปวางขายในตำบล ตลาดของตำบลที่ได้ยินว่าเพิ่งสร้างและจะเปิดใหม่อีกภายในไม่กี่เดือนที่จะถึง ซึ่งนี่คือสิ่งที่นางต้องรีบลงมือ
เซี่ยซูเหยาชะงักมือที่เล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮย มองไปทางหน้าบ้านที่มีคนกำลังเดินมา เป็นแฝดสกุลเซี่ยที่เดินตามกันมา พลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย หากมีรางวัลถอนหายใจเก่ง นางคงได้อันดับหนึ่ง
“ยังไม่เอาไปทิ้งอีกหรือ!”
เซี่ยซูเหยารีบซ่อนเจ้าเสี่ยวเฮยไว้ด้านหลัง พี่ชายของนางอยู่หลังบ้านยังไม่เดินกลับมา นางกลัวว่าเซี่ยหลินยุ่นกับเซี่ยหยุนหรงจะทำอะไรมัน
โฮ่ง โฮ่ง
ไม่รู้ว่าเพราะคนมาใหม่ไม่ใช่คนในบ้านหรือเปล่า เจ้าเสี่ยวเฮยที่ไม่เคยเห่าจึงเห่าออกมา แถมยังทำท่าทางที่เหมือนกับการข่มขู่ ทว่ามันยังเด็กท่าทางจึงน่าเอ็นดูมาก
“พวกเจ้ามาทำไม” เซี่ยซูเหยาเงยหน้าขึ้นถาม
ตัวนางสูงเพียงบ่าของเซี่ยหลินยุ่นเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้นางเสียเปรียบ เหมือนร่างกายจะหยุดเจริญเติบโต
ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ นางเพียงแค่ไม่ชิน หากให้นับอายุกันจริงๆ แล้วนางก็โตกว่าหลายปีมาก
“โอ้ น้องสาวพูดกับญาติผู้พี่แบบนี้หรือ” เซี่ยหยุนหรงพูดพลางยืนกอดอก ซึ่งท่าทางแบบนี้ทำให้เซี่ยซูเหยาเกือบหลุดขำ มันไม่ได้จริงๆ นะ
“ข้าจะพูดแบบไหนมันก็เรื่องของข้า”
สำหรับเซี่ยซูเหยาแล้วนางไม่จำเป็นต้องผูกมิตรกับสองพี่น้องคู่นี้ ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในอนาคต นางเชื่อว่าทั้งสองก็ยังคงมีนิสัยเช่นนี้ นางไม่ชอบคนที่ข่มคนอื่น ยิ่งเป็นพี่ชายกับพี่สาวของนางแล้ว เซี่ยซูเหยายิ่งไม่ชอบ
“มาทำไม”
ยังดีที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ พอเซี่ยซูเหยาถามขึ้นมาเซี่ยซูเหยียนก็รีบเดินมาลานหน้าบ้านทันที ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้สองพี่น้องบ้านรองเซี่ยจึงชอบมาที่บ้าน ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันเลย
“ยังไงพวกเราก็เป็นพี่สาวพี่ชายของพวกเจ้า พูดจาดีๆ สิ” เซี่ยหลินยุ่นเอ่ยขึ้นมาพลางเหลือบมองเจ้าเสี่ยวเฮยที่พยายามปีนลงจากแคร่ไม้ไผ่
โฮ่ง
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้า ตั้งแต่มาถึงก็ไม่บอกจุดประสงค์ที่มา มัวแต่บอกคนอื่นว่าต้องทำแบบนั้น ต้องพูดแบบนี้ ซึ่งมันไม่จำเป็นเลย
“หมาบ้านี่!”
“หยุดนะ!”
เซี่ยซูเหยียนตวาดลั่นบ้าน ปกติเขาไม่ชอบพูดและจะเงียบเสมอเมื่อสองพี่น้องคู่นี้มาที่บ้าน ทว่าเจ้าเสี่ยวเฮยคือสัตว์เลี้ยงแสนรักของน้องสาว เขาจึงต้องปกป้องมันจากญาติผู้พี่ที่ไม่น่านับถือ
“จะตอบหรือไม่ตอบว่ามาทำไม” เซี่ยซูเหยาลงมายืนบนพื้นเรียบร้อยแล้ว
มือข้างหนึ่งอุ้มตัวลูกหมาป่าขนสีขาว ทว่าอีกมือก็ใช้ลูบขนนิ่มอย่างสบายใจ เจ้าเสี่ยวเฮยชอบนอนทั้งวันไม่แปลกที่จะเคลิ้มหลับ
เซี่ยซูเหยียนรีบเดินไปขวางเซี่ยหยุนหรงที่จะเดินไปหลังบ้าน หลังบ้านมีอาหารของพวกเขา จึงไม่อยากให้แฝดสองพี่น้องเข้าไป ทุกครั้งที่เจอของกิน คนพวกนี้จะเอาไปทั้งหมด
“นี่!” เซี่ยหยุนหรงขึ้นเสียงอย่างโมโห
ปกติเวลาที่เขามาที่นี่ไม่มีใครกล้าขวางเขา ต่อให้เขาพังบ้านก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เซี่ยซูเหยียนที่เคยยอมเขากลับกล้ามาขวางหน้า
เซี่ยหยุนหรงไม่ใช่พวกใช้แรงงาน ต่อให้เซี่ยซูเหยียนมีร่างกายที่เล็กกว่า ทว่าเซี่ยซูเหยียนกลับมีกำลังมากกว่า เขาทำงานใช้แรงมาหลายปีแล้ว อีกอย่างเซี่ยหยุนหรงชอบบอกว่าตัวเองเป็นบัณฑิต เลยไม่ชอบพวกใช้แรงงานเหมือนพวกบ้าเลือด
“ถ้าไม่ออกไป ข้าจะปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮยให้กัดพวกเจ้า” เซี่ยซูเหยากล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
เพราะเซี่ยซูเหยากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก นางเลยให้เซี่ยซูเหยียนนำปลาและกุ้งไปขังไว้ในครัว พร้อมทั้งใส่กุญแจอยู่ตลอดเวลา
“เจ้ากล้า”
“ใช่”
“มีอะไรกัน”
เซี่ยซูเจี๋ยที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านรีบถาม สองพี่น้องเซี่ยคู่นี้มาที่บ้านบ่อยเกินไปแล้ว คาดว่าคงจะมาเอาของในบ้านไปอีก
ของในตะกร้าที่ซื้อกลับมาเซี่ยซูเจี๋ยรีบใช้ผ้าคลุมตะกร้าเอาไว้ทว่าไม่ทันแล้ว มีทั้งเมล็ดผักที่จะนำมาปลูก เครื่องปรุงและของที่จะนำมาบำรุงน้องสาว
“หยุนหรง!”
ทันทีที่เซี่ยหลินยุ่นมองเห็นของในตะกร้านางก็รีบเรียกน้องชายฝาแฝดของตัวเอง วันนี้พวกนางต้องได้ของกลับบ้านไปด้วย
ทว่ามันไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว แต่ก่อนที่พวกนางมาที่นี่เซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียนยอมทุกอย่าง ไม่ปริปากเอ่ยแม้จะเอาของไปหมด ทว่าช่วงนี้ยามที่พวกนางมาบ้าน ของทุกอย่างจะถูกเก็บในบ้านและสองพี่น้องจะไม่ยอมให้ไปหลังบ้าน
“ไปเอาของในตะกร้ามา” เซี่ยหลินยุ่นสั่งน้องชาย
เซี่ยหลินยุ่นมองเจ้าเสี่ยวเฮยอย่างกล้าๆ กลัวๆ นางอยากเดินไปแย่งเอาของในตะกร้านั้นมาเอง ทว่านางกลัวสัตว์ชั้นต่ำตัวนั้นข่วนนาง! หากนางมีแผลจะเป็นตำหนิที่ไม่มีบ้านไหนอยากได้นางเป็นสะใภ้ แน่นอนว่านางต้องเป็นฮูหยินของขุนนางไม่ใช่ภรรยาชาวบ้านป่าเหมือนกับคนในหมู่บ้าน
“กรี๊ดดด”
เซี่ยซูเหยาปล่อยเสี่ยวเฮยลงพื้นดิน นางบอกไปแล้วว่าถ้าไม่ออกไปจะปล่อยเสี่ยวเฮยไปกัด ถ้าเจ้าเสี่ยวเฮยกัดจริงๆ ก็ถือว่านางบอกไปแล้ว มันยังเด็กมากนางเลยไม่กลัวว่ามันจะกัดคนตาย ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้มีแผล
หรือต่อให้ตายขึ้นมาจริงๆ เซี่ยซูเหยาก็ไม่สน คนพวกนี้เข้ามาในเขตบ้านนางเอง ไล่ก็ไม่ไปหรือต้องให้ไปแจ้งผู้นำหมู่บ้าน
“เซี่ยซูเหยา!”
เซี่ยหลินยุ่นถลาจะเข้ามาตีเซี่ยซูเหยา ทว่ายิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าเสี่ยวเฮยโมโห มันมองคนที่กำลังจะเข้ามาตีคนที่ดูแลมันมาตลอด ก่อนจะวิ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วจนทุกคนตกใจ
“กรี๊ดดด”
“อาเหยา!”
เซี่ยซูเจี๋ยตกใจรีบกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน ตะกร้าของที่ซื้อมานางไม่สนใจแล้ว เซี่ยหลินยุ่นจะทำอะไรนาง นางไม่สนใจ ทว่าอย่าทำน้องสาวของนาง
“หลินยุ่น!” เซี่ยซูเจี๋ยร้องขึ้นอย่างโมโห
พวกนางอยู่ด้วยกันอย่างสงบทว่าคนนอกกลับเข้ามาทำลายบรรยากาศ เซี่ยซูเจี๋ยเก็บหินที่ตกอยู่บริเวณที่ยืนอยู่ก่อนจะขว้างใส่ฝาแฝดสกุลเซี่ยอย่างโมโห นางไม่สนใจอะไรแล้ว
“ออกไปเลยนะ!”
เซี่ยหยุนหรงตกใจรีบวิ่งไปก่อนพี่สาวแล้ว ไม่สนแม้กระทั่งพี่สาวที่โดนหินเฉียดแขนไปเต็มๆ เขาไม่เคยเห็นเซี่ยซูเจี๋ยโมโหแบบนี้มาก่อน
“หยุนหรง!” เซี่ยหลินยุ่นใช้มือกุมแขนที่ถูกหินเฉียด รีบวิ่งตามน้องชายออกไป ไม่สนแม้กระทั่งสิ่งที่สตรีไม่ควรทำ
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าหลุบสายตาลงพื้นกอดพี่สาวแน่น นางกล้าที่จะปล่อยเสี่ยวเฮยลงพื้นเพราะรู้วิธีรับมือต่อจากนั้น
ทว่าเมื่อกี้พี่สาวของนางขว้างหินออกไป เซี่ยซูเหยาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เหมือนนางจะเห็นเลือดจากแขนของสตรีผู้นั้น ยิ่งเป็นลูกสาวของนางซือหลิงแล้ว
“อาเหยาไม่ต้องกลัวนะ” เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวปลอบน้องสาว
“อาเหยาไม่กลัวเจ้าค่ะ ทว่าเมื่อกี้แขนนางถูกหิน…” เซี่ยซูเหยาเอ่ยเสียงเบา
สตรีมีรอยบาดแผลถือว่ามีตำหนิ หากแต่งให้ชาวบ้านอย่างพวกนางก็ไม่เป็นไร ทว่านางซือหลิงหวังสูงอยากให้ลูกสาวแต่งเป็นอนุของเหล่าขุนนาง หรือพวกพ่อค้าคนมีเงินในเมือง บาดแผลพวกนี้จึงถือว่าเป็นตำหนิ ทว่าด้วยหน้าตาของเซี่ยหลินยุ่นแล้วคงไม่มีอะไรให้น่าห่วง
“ช่างเถอะ พวกนางคิดว่าท่านพ่อไม่อยู่จะมารังแกพวกเรายังไงก็ได้” เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้า พลางรีบบอกให้น้องชายเอาของเข้าไปเก็บในบ้าน อีกสักพักคนบ้านเซี่ยก็คงแห่กันมาที่นางทำให้เซี่ยหลินยุ่นมีตำหนิ
เพราะเกิดเรื่องขึ้นเซี่ยซูเจี๋ยเลยบอกน้องชายว่าพรุ่งนี้ค่อยปลูกผัก ของกินในบ้านที่มีอยู่ให้เก็บไปซ่อนในบ้านให้มิดชิด คาดว่าหากบ้านรองเซี่ยมา พวกเขาจะอาศัยช่วงนี้เข้าไปหยิบของ ซึ่งนางไม่สามารถยื้อไว้ได้
เซี่ยซูเหยาเห็นด้วยกับพี่สาว ต่อให้เป็นผักที่เหี่ยวเฉาหรือเน่านางก็ไม่ต้องการให้พวกเขาเอาไป! นางจึงไปช่วยพี่ชายเก็บของ ส่วนพวกปลาและกุ้งในครัวมีที่ซ่อนเอาไว้อย่างดี และใส่กุญแจนางจึงไม่สนใจ
“เดี๋ยววันนี้พี่สาวจะทำน้ำแกงปลา แต่ช้าหน่อยนะ อาจทำหลังจากที่พวกเขามาแล้ว”
เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องชายคนรองที่นั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ส่วนน้องสาวไปล้างมือหลังบ้าน
“ข้ารู้ขอรับ”
