เด็กยั่วหมอมาเฟีย

87.0K · จบแล้ว
Ocean Books
34
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย เมื่อหัวใจเด็กสาวมันตกหลุมรักคนเย็นชามาตั้งแปดปี หนทางเดียวที่ต้องทำตามฝัน คงต้องเริ่มจากปฎิบัติการคืนนี้สินะ แนะนำเรื่อง “พี่พูดอะไรก็ควรฟังนะ พี่ใจดีกับเราเพราะเราเป็นเด็กดี แต่ถ้าดื้อเมื่อไหร่ พี่จะไม่อ่อนโยน” ในหัวพชิราพลันหวนนึกถึงค่ำคืนนั้นที่ได้มีอะไรกับอัครภพ เขาดุจริงๆ ไม่อ่อนโยนเลยสักนิดเหมือนกับสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่งถูกยาปลุกเซ็กซ์เร่งสัญชาตญาณดิบ เธอแอบกลัวแต่เขินมากกว่า ใบหน้าสวยหวานจึงขึ้นสีแดงก่ำ “หนูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกค่ะ” © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ ห้ามมิให้ผู้ใดทำการคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อผลิตเป็นรูปเล่มและ/หรือสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการใด ๆ เว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด คำเตือน นิยายที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ทำให้อาจมีเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง การแสดงออก และการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมอยู่ในเรื่อง เพื่อให้ได้อรรถรสที่ครบถ้วน ดังนั้นผู้อ่านทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

นิยายรักโรแมนติกโรแมนติกนิยายรักรักหวานๆนิยายปัจจุบันแต่งงานสายฟ้าแลบ

ตอนที่ 1 พี่สาวกับชายหนุ่มที่แอบรัก

หื้ม?...ดูเหมือนเสียงรถยนต์คุ้นเคยจะขับเข้ามาใกล้ตัวบ้านขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

เด็กสาววัยขบเผาะอายุสิบสี่ปีดีดตัวลุกจากเตียงนอน ก่อนที่รถคันนั้นจะมาถึง เธอรีบร้อนถลันไปที่หน้ากระจก มือไม้จัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมของตนเอง หยิบบลัชออนมาปัดแก้ม คลายผมเปียสองข้างปล่อยสยาย สุดท้ายนำลิปสติกสีอมแดงที่พึ่งซื้อมาใหม่วันนี้วาดลงบนริมฝีปาก เสริมให้ใบหน้าสะสวยโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที

พชิราวิ่งลงบันไดตึงตังปาดไปที่หน้าประตู ด้วยจังหวะประจวบเหมาะ เธอจึงได้เห็นภาพรวิภาพี่สาวของตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนหนึ่ง ฝ่ามืออ่อนโยนงุ่มง่ามของเขายกขึ้นมาลูบแผ่นหลังของรวิภา ทั้งสองอยู่ในอิริยาบถที่หากคนอื่นมาเจอ จะต้องเข้าใจผิดได้ง่ายว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

เพียงแต่คนที่มาเจอคือเด็กสาวอายุแค่สิบสี่ปี ซึ่งแทบไม่เคยมีประสบการณ์ความรักเชิงชู้สาว พชิราจึงแยกไม่ออกว่าการกอดแบบปกติกับการกอดแบบอื่นต่างกันอย่างไร ที่แน่ๆ พี่สาวกับผู้ชายคนนั้นไม่มีทางเป็นมากกว่าเพื่อน รวิภาพูดอยู่เสมอว่าต่อให้เหลือผู้ชายบนโลกอยู่แค่คนเดียว ก็ไม่มีทางจะคบกับเขา

อัครภพเอ่ยเสียงทุ้มละมุนพูดปลอบพี่สาวเธออยู่หลายประโยค พอรวิภาสงบลงต่างฝ่ายต่างก็บอกลากัน ขณะหญิงสาวหมุนตัวเตรียมจะเดินเข้าบ้าน อัครภพก็ได้เรียกให้รอก่อน

“ฉันมีบางอย่างอยากบอกเธอ” สีหน้าของเขาซับซ้อนกว่าครั้งไหน เวลานี้ไม่ทราบเพราะเห็นรวิภาร้องไห้ได้น่าสงสารเกินไปหรือเปล่า อัครภพจึงเกิดความกล้าอยากปกป้องเธอ หมายจะสารภาพความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจออกไป

รวิภาหันมองเพื่อนหนุ่ม ถามเขาอย่างสงสัย “มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ถ้าแฟนเธอทำให้เธอร้องไห้อีก เธอก็เลิกกับเขาเถอะ”

“อะไรนะ!”

“หรือบางทีเธอควรมองหาคนอื่น คนที่จะไม่ทำให้เธอน้อยใจหรือเสียใจอีก คนอย่าง…” อัครภพกล่าวเป็นนัย ดวงตาคมดำขลับลุกร้อนรุนแรงไปด้วยเปลวไฟ ทว่าบรรยากาศคลุมเครือของเขาต้องสะดุด เมื่อสังเกตเห็นการมีตัวตนของบุคคลที่สาม เด็กสาวริมฝีปากแดงแจ๋กำลังมองมาทางนี้ คล้ายอยากเป็นสักขีพยานให้กับช่วงเวลาสำคัญของเขา และคล้ายจะอยู่ผิดที่ไปหน่อย ความกล้าที่จวนจะปะทุแตะจุดวิกฤตเต็มทีจึงลดลง กลายเป็นท้องน้ำนิ่งสงบหลังพายุพัดผ่าน

“ไม่มีอะไร กลับแล้วนะ” อัครภพบอกลาอย่างผิดหวัง โอกาสดีทั้งทีดันมีกว้างขวางคอซะได้

“พี่อัค เดี๋ยวก่อนค่ะ” พชิราวิ่งผ่านพี่สาวไปยังชายหนุ่ม เธอยื่นโหลสีใสผูกริบบิ้นสีฟ้าอ่อนให้เขา ซึ่งภายในมีหลอดพับเป็นดวงดาวหลายร้อยดวงบรรจุอยู่ “สุขสันต์วันเกิดนะคะ หนูไม่รู้จะให้อะไร ได้แต่พับดาวให้พี่ ไว้เดี๋ยวโตขึ้นหาเงินเองได้แล้ว พีมจะซื้อของขวัญที่ดีกว่านี้ให้พี่อัคนะคะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง ยื่นมือไปรับของขวัญมา แววตาก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นเอ็นดูในความไร้เดียงสาของเธอ

“เด็กดี ขอบคุณมาก พี่จะเก็บไว้อย่างดีเลยล่ะ”

“วันนี้วันเกิดอัคเหรอ ตายแล้ว! เราลืมไปเลย ไว้พรุ่งนี้เราเอาของขวัญไปให้นะ” รวิภากล่าวขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด เธอทะเลาะกับแฟนจึงแทบไม่มีเวลาให้นึกถึงเรื่องอื่น ลืมแม้กระทั่งวันเกิดของเพื่อนสนิท ช่างเป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ

อัครภพไม่ต่อว่าเธอ เขากลับไปพร้อมกับโหลบรรจุดวงดาวของสาวน้อย ในช่องปากเคล้าระคนไปด้วยรสขมที่ยากจะกลืนลงคอ แต่เพราะไม่มีทางเลือก เขาไม่กลืนก็คายไม่ได้อยู่ดี จึงวางท่าว่าไม่เป็นไร บางทีอีกสักปีสองปี หญิงสาวอาจจะเห็นถึงหัวใจของเขา

ขณะที่ชายหนุ่มมองโลกในแง่ดี ทางรวิภายังไม่ทันไรก็รับสายโทรศัพท์จากแฟนหนุ่ม เธอฟังเขาขอโอกาสครั้งที่สิบอย่างตัดใจไม่ลง ถึงจุดหนึ่งก็ยอมให้อภัยอีกครั้ง ไม่ได้เก็บเอาคำพูดคลุมเครือของเพื่อนมาขบคิดอีกแม้แต่น้อย

กลับกันคนที่คิดแทนเธอคือพชิรา เด็กสาวไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนั้นของอัครภพมาก่อน จึงระดมมันสมองอย่างหนัก

ทว่าสุดท้ายก็ยังเดาไม่ได้ ไม่ทราบว่าแววตาลุกร้อนของเขาจะสื่อความหมายใดกันแน่ แต่มันทำให้เธอขนลุก

พชิราแอบคิด ถ้าหากอัครภพใช้สายตาแบบนั้นมองเธอบ้าง หัวใจดวงน้อยนี้คงรับไม่ไหว ต้องร้อนลวกทุรนทุราย ต้องตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เป็นแน่

“ไม่น่าเกิดช้าเลยเรา อุตส่าห์แต่งตัวสวยเขายังไม่ชมสักคำ อีกปีเดียวก็เปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนางสาวแล้วปะ รอพีมโตกว่านี้พี่อัคไม่รอดแน่”

แปดปีต่อมา

เพล้ง! เสียงแจกันแตกกระจายเกลื่อนพื้น หญิงสาวเอวบางร่างเล็กทรวงอกกระเพื่อมหอบหายใจถี่ ในแววตาสะท้อนภาพผู้ชายตัวสูงกุมศีรษะเลือดไหลลงมาตามแนวคาง เธอชี้มือไปที่ประตู ใบหน้าสะสวยบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

แฟนเก่าคนนี้พึ่งถูกบอกเลิกไปเมื่อวาน คงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครหลังข่าวละมั้ง ถึงพยายามใช้วิธีไม่เข้าท่าอย่างบุกเข้าห้องมาเพื่อง้อขอคืนดี เขาน่าจะทราบ ผู้หญิงอย่างพชิราไม่ใช่นางเอกใจกุศล ที่พอแฟนหนุ่มไม่ซื่อสัตย์หน่อยก็จะยอมเพิกเฉยให้อภัย เธอใจแคบและร้ายกาจที่สุด เอาเลือดหัวชั่วๆ ของเขาแค่นี้ ไม่นับว่าทำเกินกว่าเหตุด้วยซ้ำ

“น้องพีม ฟังพี่ก่อน พี่กับน้องคนนั้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ นะ สาบานได้” ชายหนุ่มยกนิ้วสามนิ้วขึ้นแสดงความจริงใจ แต่อดีตแฟนสาวคนสวยกลับเชิดหน้าเยาะหยัน

“สาบานก็ตายเปล่า คิดว่าพีมโง่ จะหลอกยังไงก็ได้เหรอ พี่โกสนออกไปซะ ไม่งั้นพีมจะแจ้งความ”

“น้องพีมครับ ฟังพี่ก่อนนะ”

พชิราหน่ายระอาเหลือทน ยื่นมือไปคว้าแจกันราคาสูงลิ่วอีกใบจะปาใส่เขา เห็นดังนั้นแฟนเก่าหมาดๆ จึงตกใจถอยหลังกรู สุดท้ายพูดยังไงหญิงสาวก็ไม่ใจอ่อน เขาจึงจำยอมต้องออกจากห้องไป

“บัดซบเอ๊ย! หมดรักแล้วก็แค่บอกเลิกสิ ทำไมต้องนอกใจด้วย” คบมากี่คนก็จบแบบเดียวกันหมด หรือผู้ชายดีๆ สูญพันธุ์ไปแล้ว โลกใบนี้จึงเหลือแค่เศษสวะน่าไม่อายไว้ให้เธอ หล่อแล้วไง รวยแล้วไง แม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างความซื่อสัตย์ยังไม่มีในมโนสำนึก คงจะคบกันรอดอยู่หรอก พอดีเธอไม่ชอบแนวพวกเราสองสามคนซะด้วย

ไม่ๆ โลกใบนี้ยังมีผู้ชายดีๆ อยู่ เขาคนนั้น คือข้อพิสูจน์ว่าผู้ชายไม่ได้เลวไปเสียทั้งหมด นี่ก็แปดปีแล้ว หัวใจเขามีที่ว่างให้อย่างอื่นนอกจากงานบ้างหรือยังนะ

ณ โรงพยาบาลในเครือตระกูล ธาดากีรติ

“คุณหมอคะ มีคนไข้ได้รับบาดเจ็บมาหนึ่งรายค่ะ”

“สาหัสแค่ไหน”

“หัวแตก แผลกว้างทีเดียวค่ะ”

คุณหมอหนุ่มไม่ได้เงยหน้าจากการอ่านประวัติคนไข้ นางพยาบาลจึงรับทราบได้เองว่า คุณหมออัค หรือ อัครภพ ธาดากีรติ ทายาทมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตอนนี้จะรับทำแผลให้คนเจ็บผู้โชคดี เนื่องจากเขาเชี่ยวชาญการผ่าตัด น้อยครั้งมากที่จะหยิบจับเคสหยุมหยิม

นางพยาบาลจึงอึ้งเล็กน้อยก่อนจะไปนำคนเข้ามาในห้องปลอดเชื้อ อัครภพปิดแฟ้มเอกสาร หยิบหน้ากากอนามัยมาสวมแล้วลุกเดินไปดู ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไร้ความรู้สึก ราวกับมีน้ำแข็งหนึ่งชั้นห่อหุ้มอยู่ก็ไม่ปาน

ทันทีที่เลิกม่านสีขาวออกแล้วปิดลง เสียงโหวกเหวกของผู้ชายพลันทะลวงผ่านเข้ามาในหู คำพูดแต่ละประโยคด่าทอใครบางคนอย่างเกรียวกราดโกรธแค้น

“จัดการให้กูหรือยังวะ เอาให้ยัยเด็กนั่นไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการบันเทิงอีก จะเล่นข่าวยังไงก็ได้ พรุ่งนี้ต้องบีบให้ยัยตัวแสบเป็นฝ่ายมาคุกเข่าขอร้องกู ยิ่งแรงยิ่งดี ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นอยู่กับใคร โอ๊ย! ทำเบาๆ ดิหมอ เจ็บนะเว้ย!”

โกสนสบถไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เขาเป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ แค่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำเลือดตกยางออกก็อายจนไม่กล้าพูดให้ใครฟัง มาโรงพยาบาลยังเจอหมอมือหนักอีก บัดซบที่สุด!

อัครภพขึ้นชื่อว่าเป็นหมอหนุ่มฝีมือระดับเทพ หากเขาไม่ต้องการ ก็ไม่มีทางจะทำให้คนไข้เจ็บจนร้องเสียงหลง ทว่าผู้ชายตรงหน้าพูดมากเกินไป เสียงดังเกินไป เขาไม่ชอบความวุ่นวายมาแต่ไหนแต่ไรจึงเตือนไปครั้งหนึ่ง โดยไม่พูดขอโทษอีกฝ่ายก็รีบลงมือล้างแผลต่อ

“ยัยพีมเหรอ ไม่มีกูจะได้เล่นละครเรื่องนั้นไหมก่อน มึงอยากเอาต่อปะ กูเล่นจนเบื่อแล้ว จริงๆ ยัยนี่ก็ไม่ได้เด็ดอย่างที่ลือกันเท่าไหร่ แถมหลวมฉิบหาย ไม่ออเซาะเอาใจเก่งกูไม่ทนอยู่ด้วยเป็นเดือนหรอก อ๊ากกก! ไอ้หมอ! สองรอบแล้วนะเว้ย ถ้ายังไม่ระวังอีกมีเรื่องแน่”

อัครภพสอยเข็มเย็บปากแผลกว้างเข้าหากัน ก่อนจะตัดไหมยังกดแผลคนเจ็บอีกครั้งจนโกสนน้ำตาคลอ เขาโมโหจะเอาเรื่อง แต่ชายหนุ่มไม่แยแส เพียงถอดถุงมือทิ้งลงถังขยะแล้วเดินหันหลังออกไป

“ไอ้! ไอ้หมอบ้า ลองดูว่าวันนี้ทำกูโมโหแล้วจะอยู่ทำงานที่นี่ได้อีกไหม กูรู้จักกับพี่อัคเจ้าของโรงพยาบาลนี้เป็นการส่วนตัวนะโว้ย! มึงนะ เตรียมหางานใหม่ได้เลย บัดซบ!”

เวลาไล่เลี่ยกันพชิรามาที่โรงพยาบาลในเครือของตระกูลธาดากีรติ ทว่าไม่ได้มาเยี่ยมแฟนเก่า เพื่อนของเธออาหารเป็นพิษต้องแอดมิดด่วน พอเยี่ยมเสร็จหญิงสาวจึงถือโอกาสลงมาหาอัครภพ ในมือหิ้วขนมและนมมาฝากเขา จังหวะประจวบเหมาะยังเดินไปไม่ถึงห้องพักส่วนตัวของคุณหมอหนุ่ม ก็เจอกับอัครภพบนโถงทางเดิน

“พี่อัค หนูซื้อขนมมาฝากค่ะ” เธอเขินอายเล็กน้อย พออยู่ต่อหน้าคนที่หล่อเหลาสูงโปร่งก็ลนลานขึ้นมาดื้อๆ ได้แต่ทำตาหวานแจ๋วแอ๊บแบ้วใส่เขา แก้มสองข้างร้อนผะผ่าว แต่งแต้มผิวนุ่มจนเกิดเป็นสีแดงอ่อนๆ

อัครภพยังไม่ทันทักทายอีกฝ่ายกลับ ตัวปัญหาเจ้าเดิมก็ตามมาทัน พอโกสนเห็นพชิรายืนบิดไปบิดมาอยู่กับผู้ชายคนใหม่ก็โมโหจนควันออกหู เขาตะโกนอย่างไม่อายใครทันที

“เฮ้ยๆ มายุ่งกับแฟนคนอื่นได้ไงวะ มึงนี่หลายรอบแล้วนะ ตกงานไม่พอเดี๋ยวจะได้โดนกูกระทืบด้วย”

พชิราตกใจเล็กน้อยที่ปะเหมาะเจอกับแฟนเก่า แต่เธอก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์ในดวงตาเป็นขบขัน เพราะคำพูดไร้สาระของเขามันช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย อัครภพเป็นใคร คนอย่างโกสนมีสิทธิ์มาทำให้ตกงานได้เหรอ ยังบอกว่าจะกระทืบ ถ้าโง่ก็ควรอยู่เงียบๆ เถอะ ไม่ใช่มาป่าวประกาศหน้าไม่อายแบบนี้

“น้อมพีม เรายังคุยกันไม่จบ ไปกับพี่” โกสนจัดการเรื่องสำคัญก่อน เขากับพชิรายังเคลียร์กันไม่จบ

หญิงสาวหลบไปอยู่ด้านหลังอัครภพ ตัวสั่นงันงกราวกับลูกแมวตกน้ำ “ไม่ไป! พี่อัคช่วยพีมด้วย พีมเลิกกับเขาแล้ว แต่เขายังตามรังควานพีมอีก”

โกสนหัวเราะเยาะมั่นใจว่าหมอหนุ่มมือหนักเป็นแค่หมอกระจอก ต่อให้อยากโชว์สาวก็ไม่มีทางเข้ามายุ่งเรื่องนี้แน่ โกสนเอื้อมมือไปจะดึงตัวพชิรามาอีกครั้ง ฉับพลันคนที่ยืนทื่อเป็นตอไม้เนิ่นนานก็ขวางไว้ มิหนำซ้ำยังเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เพียงออกแรงกระตุกนิดเดียว แขนของโกศลก็ได้ยินเสียงกระดูกลั่นสนั่น

“อ้ากกก! เจ็บๆ โอ๊ย!” โกสนทรุดตัวล้มลง น้ำหูน้ำตาไหลอย่างไม่อาจควบคุม เขาไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน บาดแผลบนศีรษะเทียบไม่ได้เลยกับที่โดนหมอหนุ่มดึงแขน คนๆ นี้มันเป็นใครกัน

“อุ๊บ! พี่อัคโหดจังเลย” พชิราป้อยอเขาต่อ หางตาเหลือบมองแฟนเก่าที่ดิ้นทุรนทุรายอย่างนึกสมน้ำหน้า ใครใช้ให้หาเรื่องใส่ตัวกันละ