เด็กคุณเจ 03
ร้องไห้จนพอใจฉันก็ขับรถกลับบ้าน ไม่ได้จอดที่บ้านตัวเองนะ ฉันจอดที่หน้าบ้านของนุกเกอร์ ก่อนหน้านี้ลองทักหานุกเกอร์ นางยังไม่นอนฉันก็เลยบอกว่าจะเข้าไปหา มีเรื่องอยากเล่า พูดไปอย่างนั้นนุกเกอร์ก็บอกว่าเดี๋ยวเปิดเหล้ารอ
นุกเกอร์เป็นเพื่อนที่รู้ใจฉันมาก
“ร้องไห้มาเหรอ เจออะไรมา” นุกเกอร์ทักทันทีที่ฉันนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เพราะชอบดื่มก็เลยสร้างเคาน์เตอร์บาร์ที่บ้านซะเลย นางว่าแค่ได้มองก็มีความสุขมาก “ไม่สิ หน้ามึงมีรอยมือ ใครทำมึงซี”
“เจอคุณเจมา”
“ฮะ! เขาตบมึงเหรอ”
“เปล่า จ๋ายน่ะ”
“ฮะ!”
“...” ไม่แปลกที่นุกเกอร์จะตกใจ นางรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับฉัน เมื่อรู้เรื่องที่ฉันเจอสองพี่น้องนั้นก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
“แล้วมึงทำยังไง ไม่สิ เจอได้ยังไงแล้วทำไมจ๋ายมันลงมือกับมึง”
“คุณเจเป็นเพื่อนของคุณเต้ย ร่วมโต๊ะกันเลยเจอกันโดยบังเอิญ”
“จ๋ายด้วยเหรอ”
“อืม”
“กูนี่สงสัยจริง ๆ ว่ามึงทำกรรมอะไรมาทำไมถึงได้มาเจอสองพี่น้องนี่อีก”
“นั่นสิ” ผ่านมาก็หลายปี นึกว่าจะไม่เจอกันอีกแล้วแท้ ๆ
“ไม่ดิ กูยังไม่รู้เลยว่ามึงใช้วิธีไหนออกมาจากสองพี่น้อง”
“กูก็รับบทผู้หญิงร่านอีกน่ะสิ”
“มึงนี่นะ ชอบทำให้ตัวเองเป็นคนเลวอยู่เรื่อย”
“กูเลือกอย่างอื่นได้เหรอ”
“เออ ๆ แล้วนี่คือเหตุผลที่มึงถูกตบใช่ไหม”
“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้กูจะออกมาได้ยังไง”
“ว่าแต่บทร่านนี้มึงเล่นผู้ชายคนไหน”
“มึงทายสิ”
“คุณเจ”
“สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู”
“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณเจมีเหรอที่มึงจะเสียใจแบบนี้”
“ไม่ได้เสียใจ”
“กูเพื่อนมึง จำเป็นที่มึงต้องเข้มแข็งต่อหน้ากูหรือไง”
“...จ๋ายเกลียดกูมาก ผ่านมาห้าปีแล้วก็ยังเกลียด วันนี้ยิ่งเกลียดกว่าเดิม”
“เพราะมันไม่รู้อะไรมันถึงเกลียดมึง”
“ความจริงกูก็ไม่น่าคบกับจ๋าย”
“กูบอกมึงกี่รอบแล้วว่าเรื่องนี้มึงไม่ผิด มึงตอนนั้นไม่ได้รู้ว่าจ๋ายเป็นน้องชายคุณเจ”
“...สงสารจ๋าย กูเป็นตราบาปในชีวิตจ๋าย”
“มึงไม่ได้ผิดอะไรเลยเว้ยซี”
“เฮ้อ... เหนื่อยว่ะมึง”
“กูรู้ เป็นมึงน่ะเหนื่อยมาก”
“มึง”
“ว่า”
“กูจูบกับคุณเจด้วย”
“เมิง”
“ไม่ได้ตั้งใจ กูกะแค่คลอเคลียให้จ๋ายเข้าใจผิด แต่คุณเจฉวยโอกาส”
“คนรวยนี่ร้ายจริง ๆ”
“นั่นสิ”
“แต่มึงร้ายกว่า”
“กูไม่ได้ร้ายนะ บอกเขาไปมึงคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง”
“ก็จริง คนแบบเขาใจร้ายจริง ๆ”
“ถ้าตอนนั้นไม่ตกลงเป็นเด็กเขาก็คงดี เสียดาย”
“มันน่าเสียดายจริง ๆ แต่บางเรื่องก็ไม่น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ”
“อืม ยังดีที่มีเรื่องที่ไม่น่าเสียดาย”
“ซี”
“หืม”
“มึงเคยคิดไหมว่าถ้าเกิดวันนึงคุณเจรู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง”
“มึงเคยถามเรื่องนี้ไปแล้วนุก”
“ใช่ ถามหลายรอบมาก แล้วมึงก็ไม่เคยตอบเลยว่าจะทำยังไง”
“ก็กูตอบไม่ได้”
“มึงตอบแบบนี้กูก็จะบอกว่ามึงต้องคิดต้องเตรียมรับมือไว้บ้าง”
“...”
“เขากับกูไม่น่าจะเจอกันอีก”
“แน่ใจเหรอ เมื่อหลายปีก่อนมึงก็พูดแบบนี้ วันนี้มึงกับเขาโคจรมาเจอกันจนได้ เจอไอ้จ๋ายด้วย ความลับไม่มีในโลกนะซี”
“เฮ้อ ไม่พูดถึงสองพี่น้องนั้นได้ไหมมึง เซ็งอะ วันนี้กูตั้งใจไปเที่ยวให้สนุก กลับต้องเจออะไรก็รู้ หมดพลังงานมากเลย” ซบหน้าลงที่เคาน์เตอร์ด้วยความเหนื่อย
ทั้งที่ลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว ทว่าวันนี้ที่ได้เจอทั้งสองคนทำให้รู้สึกได้ว่าเรื่องเมื่อหลายปีก็เหมือนเรื่องที่เพิ่งขึ้นเมื่อวานเท่านั้น ความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกกลับมาทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง
ก่อนที่ฉันจะยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแบบนี้ฉันเคยเป็นเด็กเลี้ยงมาก่อน เคยยอมเป็นของคนแปลกหน้าเพื่อเงิน
เนื่องจากครอบครัวของเราขาดเสาหลักกะทันหัน พ่อแม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เงินประกันชีวิตที่น้อยนิดถูกญาติโกงกินเหลือไว้ให้ฉันกับน้องแค่สามหมื่น ฉันกับน้องสาวที่กำลังเรียนต้องใช้เงินจำนวนมาก ตอนนั้นน้องสาวที่อายุ 18 ปีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สิ่งที่พี่สาววัย 20 ปีอย่างฉันทำได้จึงมีแค่หาใครสักคนมาเลี้ยงดู เรื่องแบบนี้ไม่ต้องประกาศลงโซเชียลเพราะมีทีมงานที่ทำเรื่องนี้อยู่ทุกที่ ขอแค่สนใจจะมีคนเข้ามาหาเราเอง
ฉันเจอกับคุณเจเป็นคนแรก เขาในตอนนั้นอายุ 30 ปี เขาทดลองงานแล้วติดใจจึงชวนทำสัญญาเป็นระยะเวลาหนึ่งปี หนึ่งปีนี้ฉันต้องมีแค่เขา เงินเดือนที่เขาให้เดือนละห้าหมื่นบาท ส่วนต่างที่เขาอยากให้อีกต่างหากแล้วแต่อารมณ์เขาในแต่ครั้งที่เราเจอกัน ตกลงนัดเจอกันที่คอนโดแห่งหนึ่ง เมื่อไหร่ที่นัดเจอก็จะไปเจอกันที่นั่น ฉันไม่มีสิทธิ์อยู่อาศัยที่คอนโดแห่งนั้น เราเจอกันที่นั่นได้แค่เวลาที่เขาต้องการเจอฉันเท่านั้น มีหลายครั้งที่นัดไปเที่ยวค้างคืนนอกสถานที่ที่ตกลงไว้ด้วยกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะจ่ายพิเศษให้ฉันเยอะมาก ๆ ฉันชอบเวลานัดเที่ยวข้างนอกนะ ได้เงินเยอะดี
ในความขมขื่นก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ดีนะ ฉันได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน เขาก็ใจดีมาก อบอุ่นมาก ๆ เขาน่ารักมากเลย
ฉันเป็นเด็กของเขาเรื่อยมา ทำตามความต้องการของเขา กระทั่งจบสัญญาระหว่างเรา ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคุณเจให้ฉันมาหนึ่งล้านบาท เขาบอกว่าเอามาเป็นทุนต่อยอด ถ้าเป็นไปได้ก็เลิกทำอาชีพนี้ ให้ฉันเอาเงินก้อนที่เขาให้ไปลงทุนให้เกิดผลกำไร
สรุปแล้วเป็นเด็กคุณเจหนึ่งปีเขาจ่ายให้ฉันรวมทั้งเงินสด กระเป๋า สร้อย และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างก็ประมาณสามล้านปัดขึ้น
หมดสัญญากับคุณเจฉันจึงเลิกทำอาชีพนั้น ฉันดรอปเรียนสองปีระหว่างนั้นลองเสี่ยงทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาสักแบนรด์จึงเลือกสครับผิวขาว ทำได้สักระยะก็ไม่รุ่งเท่าที่คาดหวัง ธุรกิจไม่ได้ทำง่าย ๆ ฉันจะทำแค่สครับอย่างเดียวไม่ได้ ในตอนนั้นน้องสาวที่เรียนด้านอาหารจึงชักชวนฉันให้ลองอีกสักครั้ง รอบนี้เราสองพี่น้องทำก๋วยเตี๋ยวแห้งกับกากหมู เปิดรับผ่านแอพเท่านั้น ครั้งนี้การโปรโมทดีมาก อาจเพราะเป็นของกินที่ติดกระแสด้วยมั้ง ก๋วยเตี๋ยวแห้งสองสาวจึงขายดีมาก
