บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เกิดใหม่ในโลกใหม่ (2)

บทที่ 1

เกิดใหม่ในโลกใหม่

ด้านนอกห้อง ฮ่องเต้หนุ่มที่ถูกซินซีกรี๊ดใส่และไล่ออกมายามนี้รู้สึกตกใจ กระวนกระวายใจ ด้วยเหตุนี้ หมอหลวงจึงถูกเรียกมาอีกครั้งทั้งที่กลับไปได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ฮ่องเต้หนุ่มนามว่า เซวี่ยซินหยาง เมื่อเห็นคณะหมอหลวงก็รีบปรี่เข้าไปหาไม่สนใจพิธีการใดๆทั้งสิ้น

"น้องเรา น้องเรา เป็นอันใดมิรู้ อยู่ๆก็กรี๊ดร้องออกมา พวกเจ้ารีบเข้าไปดูเร็ว!"

เหล่าหมอหลวงต่างตกใจในคำกล่าวขององค์ฮ่องเต้รีบรับคำแล้วพากันเข้าไป

"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!"

แต่เพียงเข้ามายังไม่ได้ทำอะไร หมอหลวงผู้หนึ่งก็โดนกระชากไปและถูกถามด้วยคำถามมากมายจนมึนงง

"บอกฉัน!"

"ที่นี่ที่ไหน? ฉันเป็นใคร? แล้วพวกนายเป็นใคร?!!"

หมอหลวงผู้ถูกรัวคำถามใส่ตกใจระคนมึนงง แต่ความรู้สึกพวกนั้นเทียบไม่ได้กับความหวาดกลัวที่บัดนี้องค์หญิงกำลังกำคอเสื้อตนอยู่ ตัวเขาและองค์หญิงอยู่ใกล้ชิดกันจนเกินไปจนหวั่นกลัวอาญาโทษ

ซินซีเมื่อเห็นว่าหมอหลวงไม่ตอบ เอาแต่เงียบก็ตะคอกใส่

"ตอบมา!!" หมอหลวงตกใจ ละล่ำละลักบอกออกไป

"ทะ ที่นี่ คือ แคว้นฉิงเว่ย นี่คือตำหนักขององค์หญิง องค์หญิงมีนามว่า เซวี่ยซินซี ส่วนกระหม่อมคือหมอหลวงประจำราชสำนักนามว่าลังเค่อลี่ขอรับ"

"ไม่จริง.."

จบคำกล่าวของหมอหลวงซินซีก็ตกใจหนัก ดวงตาเบิกกว้างปล่อยมือจากคอเสื้อของหมอหลวง ร่างกายนางค่อยๆก้าวถอยหลังแล้วล้มลงกับพื้น ใบหน้าซีดเซียวนั้นยิ่งพอมีความตกใจปรากฏบนใบหน้ายิ่งทำให้นางดูน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

"นี่ คือ ปีที่เท่าไหร่?"

ซินซีเอ่ยถามออกไปคล้ายคนกำลังพึมพำกับตนเอง แต่หมอหลวงที่ถูกปล่อยตัวและล้มอยู่กับพื้นกลับได้ยินจึงตอบกลับมา

"นี่คือราชวงศ์ เซวี่ยที่ 7 ขอรับ"

ยิ่งได้ฟังยิ่งทำให้ตกใจ คำตอบที่ได้คล้ายฟ้าผ่าลงกลางร่างของซินซี มันชาจนขยับไม่ได้ ถ้าเทียบที่นี่กับโลกปัจจุบัน มันช่างห่างไกล แม้แต่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ ราชวงศ์นี้ยังไม่ได้อยู่ด้วยซ้ำ ราวกับว่าเธอหลุดมาอีกโลกหนึ่ง

โลกที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริงไหม!

ซินซีค่อยๆยกมือขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา ความรู้สึกแรกที่ได้รู้ความจริงว่าตนยังไม่ตาย แถมหลุดมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก เธอรู้สึกกลัวระคนตกใจ ขยับมาเป็นกังวล ขยับเรื่อยๆจากความรู้สึกทุกสิ่งจนมาสู่…….สิ่งที่เรียกว่า......

"ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฉันยังไม่ตาย ฮ่าๆ ไอ้พวกบ้า แกฆ่าฉันไม่ได้ ฮ่าๆสะใจนักสะใจมาก!!"

หมอหลวงทุกคนรวมทั้งฮ่องเต้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็รีบเข้ามาในห้อง แต่ก็ต้องพบกับร่างของดรุณีน้อยในชุดขาวบางกำลังนั่งอยู่บนพื้น อ้าปากหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าหวานฉายความสะใจออกมาจนน่าขนลุกและพิศวง

‘ฮ่องเต้เซวี่ยซินหยางทรงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้าราวกับไม่ใช่น้องหญิงซีเอ๋อร์ของเขาคนเดิม….ไม่ใช่! แต่แล้วอย่างไร แค่น้องหญิงฟื้นคืนชีพขึ้นมา ต่อให้นางวิปลาส…เขาก็ยินดี'

หลายวันต่อมาข่าวที่องค์หญิงสี่ประชวรแต่อาการดีขึ้นแล้วแพร่ไปทั่ว ผู้คนล้วนเข้ามาร่วมแสดงความยินดี ซินซีที่อยู่ในร่างองค์หญิงยินดียิ่งกับสิ่งของมากมายที่ผู้คนนำมาเยี่ยมเยียน หลังจากตื่นและรู้จุดยืนของตนเอง เธอก็เริ่มเรียนรู้การเป็นองค์หญิง โดยการให้นางกำนัลคนสนิท นาม นี่กวงหลิง ของร่างนี้เล่าให้ฟังว่า เธอเป็นคนยังไง รู้จักใครบ้าง ชอบอะไรไม่ชอบอะไร ใครเป็นศัตรู และใครเป็นมิตร ต้องระวังใคร แน่นอนทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องตายซ้ำสอง อุตส่าห์ได้เกิดใหม่ทั้งทีแม้จะไม่ใช่ร่างตนก็ขออยู่ยงคงกระพันหน่อยเถอะและเหตุผลที่จะไม่ทำให้ใครสงสัยว่าทำไมองค์หญิงเปลี่ยนแปลงไปราวคนละคนทั้งยังไม่ทราบอะไรเลยก็คือ

'ความจำเสื่อม'

เธอความจำเสื่อมจึงจำอะไรไม่ค่อยได้ คราแรกก็มีคนสงสัยอยู่บ้างแต่ไม่นานก็ไม่มีใครสงสัย เลยได้ข้อมูลมาง่ายดาย ข้อมูลในร่างนี้มีสามประการ ประการแรก องค์เง็กเซียนที่เธอเข้าใจ แท้จริงคือ ฮ่องเต้นามว่า เซวี่ยซินหยาง อดีตเป็นองค์ชายรอง เป็นพี่ชายแท้ๆร่วมอุทรเดียวกัน ฮ่องเต้ทรงรักเธอ ไม่ใช่ ทรงรักร่างนี้มากจึงตามใจเสียทุกอย่าง ตามใจน้องขนาดยอมให้แต่งกับผู้ชายที่น้องชอบ

ท่านแม่ทัพซางเริ่น เป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธอ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะแต่งงานกัน พิธีก็จัดไว้แล้วด้วยจึงยกเลิกไม่ได้

ประการที่ 2 เธอเป็นคนนิสัยอ่อนหวาน นุ่มนวล เป็นมิตรกับทุกคนและน่ารัก เก่งวาดภาพ เขียนอักษร เล่นพิณ

'คือไรอะ วาดภาพนั้นได้อยู่เพราะงานถนัดแต่ไอ้เขียนอักษร เล่นพิณนิไม่ได้เลย ไม่รู้จักด้วยทั้งชีวิตอยู่แต่ในห้องแลปจับแต่อาวุธ’

ประการที่ 3 ร่างนี้ไม่ค่อยถูกกับองค์หญิง 3 ที่เป็นบุตรธิดาของ ไทเฮา อดีตคือ หลี่หวงกุ้ยเฟย เป็นพระสนมเอกของฮ่องเต้องค์ก่อนที่ภายหลังถูกแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นฮองเฮา ส่วนอดีตฮองเฮาแม่ของร่างนี้นั้นสิ้นพระชนม์ไปแล้ว

คนสนิทนามว่านี่กวงหลิง บอกกับเธอว่า องค์หญิงสามน่าจะเป็นคนวางยาพิษเธอ เพราะหลายวันก่อน ชาที่เธอดื่ม ส่งมาจากตำหนัก หรี่หลิว ตำหนักองค์หญิงสาม แรงจูงใจก็มีครบ เพราะองค์หญิงสามหลงรักแม่ทัพซางเริ่นเช่นเดียวกันกับร่างนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดการลอบฆ่าวางยาพิษในครั้งนี้

'เฮ้อ ฟังแล้วหดหู่หัวใจ'

ชั่วชีวิตนี้ ซินซีไม่เคยมีอารมณ์ แย่งผู้ชาย ตบตีฆ่ากันเพราะผู้ชาย แถมไม่เคยรู้สึกถึงการไปหลงรักใครด้วย จึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมกับเรื่องแค่นี้เป็นเหตุผลให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทำลายอนาคตตัวเอง การฆ่าคนมีครั้งหนึ่งก็ต้องมีครั้งสอง ครั้งต่อๆไป แต่ยังไงก็เถอะ เรื่องนี้อยู่ในระหว่างสอบสวน แท้จริงแล้วองค์หญิงสามอาจไม่ได้กระทำก็เป็นไปได้’

องค์หญิงสี่นั้นค่อนข้างสนิทกับองค์หญิงห้าที่อายุเท่ากันแต่ที่เธอได้เป็นองค์หญิงสี่เพราะ เกิดก่อน 3 เดือน เอาล่ะจบข้อมูลขององค์หญิงสี่ มาสู่เรื่องความหรูหราอลังการ ว่ากันว่า ตำหนักองค์หญิงสี่นั้นงดงามเหนือตำหนักใดในวังแห่งนี้ เมื่อซินซีได้ยลแล้วก็เห็นเป็นจริง ตำหนักสวยได้ขนาดนี้ เพราะอภินันทนาการจากฮ่องเต้เซวี่ยซินหยาง ช่างเป็นพี่ที่ทุ่มเทให้น้องยิ่งนัก ซินซีไม่เคยมีพี่น้องพอได้มามีแบบนี้แล้วรู้สึกคันยิบๆในหัวใจปนรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ

'เอาล่ะร่างน้อยนี้ เมื่อเจ้าได้ตายแล้ว แล้วฉันได้มาสิงสู่เป็นตัวเจ้า ฉันก็จะทำให้ดีที่สุด จะดูแลพี่น้องของเจ้า จะใช้ชีวิตที่เหลือแทนเจ้าเอง เจ้าอย่ากังวลอันใดเลยนะ เซวี่ยซินซี'

จบความคิดของเธอคล้ายมีลมหอบใหญ่พัดผ่านให้ความรู้สึกหนาวยะเยือกยิ่งนัก เธอคิดได้ไหมว่า องค์หญิงสี่ผู้นี้ ตอบรับคำของเธอ แต่ยังไงก็ตาม เธอก็คงต้องได้แต่กล่าวว่า

"ขอบคุณนะ"

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมพิธีอภิเษกสมรสใกล้เข้ามาในอีกไม่ช้า เธอเริ่มสงสัยแล้วว่า ฮ่องเต้ทรงรักน้อง หรืออยากให้น้องไปไกลๆกันแน่ถึงได้รีบจัดงานแต่งได้เร็วปานนี้

ซินซีรู้สึกเครียดยิ่งนัก หน้าตาเจ้าบ่าวรึก็ยังไม่เคยเห็น เห็นเพียงภาพวาดหมึกผืนหนึ่งที่ นี่กวงหลิง นำมาให้ดู แต่นั้นนับเป็น การพบเจอหน้ากันที่ไหนนิสัยใจคอรึก็ไม่รู้คิดแล้วหดหู่จริงๆ

'เอาเถอะจะดีชั่วแล้วแต่เวรกรรม เธออุตส่าห์ได้เกิดใหม่เช่นนี้คงไม่ประสบความเลวร้ายมากว่านี้แล้วมั้ง'

ดังนั้นก่อนวันอภิเษกสมรสเพียงไม่กี่วัน ซินซีจึงมากราบไหว้และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในวัง สถานที่นี้เป็นวิหารใหญ่โต ให้ชีวิตใหม่ของเธอพบเจอแต่เรื่องดีๆและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กราบไหว้เสร็จก็กลับตำหนัก ซินซีไม่อยากอยู่ข้างนอกนัก เพราะกลัวจะมีใครมาทักเธอ การใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงนั้นไม่ง่ายเลย ในวังก็เงียบเกินทั้งที่คนมากมาย สถานที่ใหญ่โตกว้างขวางสวยงามแต่ไร้กลิ่นอายของความสุขและสิ่งมีชีวิต เด็กผู้นี้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมนี้ได้อย่างไรนะ ขนาดตัวเธออยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ยังอึดอัดจนอยากจะออกไป แต่ถ้าเธอไปแล้วก็อดนึกห่วงเสด็จพี่ของร่างนี้ไม่ได้ เขาคงเงียบเหงากว่าเดิมเป็นแน่ถ้าน้องสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขาแต่งออกจากวังไป

'เฮ้อ การเป็นผู้ที่สูงศักดิ์ลำบากนัก ฉันไม่เหมาะมันจริงๆ'

และแล้วในที่สุดก็ถึงวันแต่งงานของเธอ ฟ้ายังไม่สางดี ซินซีก็ถูกปลุกให้มาอาบน้ำแต่งหน้าทำผม ใส่ชุดพะรุงพะรังไปหมด ทั้งตัวทั้งหัวหนักอึ้ง นี่ว่าชุดแต่งงานเดิมเยอะแล้วนะ ยังเทียบไม่ได้กับชุดแต่งงานที่ใส่อยู่ยามนี้ รุ่มร่ามวุ่นวาย นึกละทำให้หงุดหงิด แต่งตัวเสร็จก็ต้องขึ้นเกี้ยวที่ทางเจ้าบ่าวนำมารับ ถามว่ารู้ไหมว่าเกี้ยวมีลักษณะอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะถูกผ้าสีแดงคลุมตั้งแต่หัวจรดถึงคอ มองไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น ดังนั้น ซินซีจึงถือโอกาสหลับไปเสียเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีคนมาปลุก เธอถูกพยุงพาเข้าไปในงานตามที่นี่กวงหลิงบอกไว้

เมื่อเข้ามาในงานก็ได้ยินเสียงพูดคุยสลับกันไปหลายสิ่งหลายอย่าง งานนี้ ฮ่องเต้เซวี่ยซินหยางมาร่วมพิธีด้วย นี่กวงหลิงบอกเธออีกว่า ต่อไปจะเป็นพิธีกราบบิดามารดา กราบไหว้ฟ้าดิน และให้คำสัตย์สัญญา ด้วยความที่มองไม่เห็น ซินซีจึงใช้ประสาทสัมผัสทาง รส กลิ่น เสียงแทน มือเธอถูกจับให้ยื่นออกไปวางที่มือใครสักคน มือของเขา แห้งกร้าน ราวกับผู้ทำงานหนัก แต่ก็แข็งแกร่งอบอุ่นมากเช่นกัน ตัวของเธอถูกโอบประคองจากคนผู้นั้น ไอร้อนแสนอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาครอบคลุมร่างทำให้ความรู้สึกตื่นตระหนกของเธอคลายลงเล็กน้อย

บุรุษผู้นี้ ผู้ที่เธอแต่งงานด้วยช่างมีพลังวิญญาณสูงส่งยิ่งนัก ขนาดว่าไม่ได้เห็นตัวเขายังแผ่พลังวิญญาณออกมาได้แรงกล้าเช่นนี้ แค่ทางสัมผัสก็นำพาให้ระบบประสาททั้งหมดตื่นตัวได้

ซินซีอยากเห็นคนนี้นักว่าจะมีลักษณะเช่นไร อยู่ๆคล้ายมีลมอ่อนๆพัดมาทำให้ซินซีได้กลิ่นหอมของบุรุษผู้หนึ่งที่เธอจำได้ดี

'กลิ่นนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผสมผสานไปด้วย กลิ่นเย็นๆ กลิ่นของความแข็งแกร่ง กลิ่นไอสงครามจากตัวเขา และกลิ่นความอบอุ่นที่ทำให้เธอได้กลิ่นทีไรหัวใจดวงน้อยนี้ ต้องเต้นกระหน่ำราวกับจะหลุดออกมานอกอกเสียทุกครั้ง'

'นี่มัน กลิ่นของผู้ชายในฝัน บ้าเหรอ เธอไม่ได้ฝันอยู่ แล้วทำไมถึงได้กลิ่น?'

จิตใจที่สงบสลายไป แทนที่ด้วยความวุ่นวายใจ สับสน งุนงง อยากรู้ อยากเห็น

'เขาอยู่ที่นี่ ที่ไหน?'

ซินซีจมอยู่กับความคิดตัวเองจนไม่มีอารมณ์จะสนใจสิ่งใด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกทำอะไรไปบ้าง หรือเธอทำอะไรบ้าง รู้ตัวอีกทีตนก็มานั่งอยู่ที่ใดสักที่ก็หนึ่ง

แอ๊ด~ เสียงประตูเปิดเข้ามา ทำให้ซินซีได้สติคืนมาอีกครั้ง เธอเลิกผ้าคลุมหน้าออกเล็กน้อยเพื่อมองคนที่เข้ามาว่าเขาเป็นใคร

นี่เป็นครั้งแรกของวันที่ซินซีได้มองเห็นสิ่งอื่น นอกจากสีแดงของผ้าคลุม ทำให้เธอรู้สึกดียิ่งนัก เข้าใจเลยว่า คนที่ตาบอดหรือถูกขังไว้ในความมืดนั้นรู้สึกอย่างไร

ซินซีมองหาบุคคลที่เข้ามา เขานั้นยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง ห่างไปไม่ไกลนัก ดูแล้วห้องนี้น่าจะใหญ่มาก

ชายผู้นั้นหันหลังให้เธอ โครงร่างเขาช่างคล้ายใครบางคนยิ่งนัก ร่างสูงใหญ่ค่อยๆถอดเสื้อคลุมสีแดงออก พาดไว้กับราวไม้สลักลวดลายสวยงาม จากนั้นจึงถอดชุดสีแดงตัวในออกเหลือไว้แต่ชุดสีขาวและกางเกงสีเดียวกัน ผมที่ถูกเกล้าไว้อย่างดี ถูกชายหนุ่มแกะออกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ผมของเขาเป็นสีดำหนา นุ่มลื่น ยาวถึงกลางหลังมีกลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาจากกลุ่มผมนั้น กลิ่นหอมเช่นนี้ ช่างเหมือน ชายในฝันคนนั้นยิ่งนัก

ซินซีจัดการเลิกผ้าคลุมออกหมดเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี ผิวขาวนวลละเอียดอมชมพูราวผิวเด็กผุดผาด คิ้วเรียวสวยราวกิ่งหลิวโค้งตวัดงดงาม ดวงตาเรียวเชิดหางตาขึ้น คล้ายดวงตาหงส์ สีดำ จมูกโด่งปลายงุ้มรูปหยดน้ำ รับกับริมฝีปากรูปกระจับสีแดงเอิบอิ่มชวนให้น่าประทับจุมพิต ร่างอรชรอยู่ในชุดสีแดงสง่าปักรวดลายนกยูงสีทองงดงาม รูปโฉมเช่นนี้ ใครได้พบเห็นเป็นต้องหลงรักอย่างห้ามใจไม่อยู่เป็นแน่ ว่ากันว่าองค์หญิงสี่รูปโฉมงดงามปานล้มเมืองนั้นมิผิดจากคำกล่าวแม้แต่น้อย แม้รูปโฉมจะงดงามเพียงใด แต่ดูเหมือนเจ้าของรูปจะไม่นึกสนใจตนเองสักนิด สิ่งที่นางให้ความสนใจอยู่ครานี้ คือ เจ้าบ่าวที่กำลังหันกายด้านหน้าของเขามาหานาง

ท่านแม่ทัพซางเริ่นเมื่อถอดชุดพิธีการเสร็จแล้วก็หันกายหมายจะไปนอนแต่แล้วก็ต้องชะงักกับสายตาค้นหาขององค์หญิงสี่ผู้เป็นเจ้าสาวของตน เพียงประสบพบหน้า หัวใจหนุ่มก็เต้นสะดุด ตนนั้นแม้นเคยพบประสบพักตร์กับองค์หญิงหลายครั้งแต่ก็ยังไม่นึกชินใบหน้าโฉมสะคราญนี้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งทรงอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงมงคลนี้แล้วยิ่งงดงามยิ่งนัก ทำให้นึกสังเวชใจ ดรุณีน้อยที่ใสซื่อมิควรได้แต่งงานกับชายที่ไม่สนความรักหรืออิสตรีเยี่ยงตน

‘น่าสงสารนัก เอาเถิดถึงอย่างไร เขาก็จะไม่แตะต้ององค์หญิงให้ทรงเสียเกียรติจะดูแลองค์หญิงอย่างดีตามที่ได้รับมอบหมายให้เหมือนน้องสาวคนหนึ่งเลยทีเดียว’

ฝ่ายซินซี เพียงได้เห็นหน้าของชายคนนี้ ก็ถึงกับตะลึง เขาเหมือนคนในฝัน แม้จะไม่เคยเห็นหน้าตา แต่ท่าทางรูปลักษณะต่างๆนั้นเหมือนมากราวคนเดียวกัน

'หรือนี่ จะเป็นเขา อย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร คนในฝันที่ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกความเป็นจริง ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้า เขามีลมหายใจ มีร่างกาย มีทุกสิ่งที่เหมือนเธอ!’

‘มันจะมีพรหมลิขิตเช่นนี้อยู่ด้วยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ แต่แล้วอย่างไร ถ้าเรื่องที่เธอตายแล้วย้อนยุคมาได้ เรื่องนี้ก็คงเป็นไปได้เช่นกัน'

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel