บท
ตั้งค่า

ตอนที่สี่ รอก่อน

ตอนที่สี่

รอก่อน

ช่วงที่ไป๋ชุนกังก้าวถอยย่อมเป็นจังหวะให้ ’ข่งซีห่าว’ รองแม่ทัพ บุตรชายแม่ทัพใหญ่คนปัจจุบัน เขารีบก้าวเข้ามาโค้งคำนับและเอ่ยคำด้วยความใจร้อน

“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ขณะนี้แคว้นเยียนซึ่งอยู่ติดชายแดนของเราคงเห็นว่าอดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว บ้านเมืองไร้ผู้ปกครองจึงรวบรวมกองกำลังเตรียมบุกเข้ามาเพื่อชิงเมือง บิดาของกระหม่อมได้ข่าวมาจึงร้อนใจนักส่งกระหม่อมเข้ามากราบทูล ขอองค์หญิงเร่งตัดสินใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ชิงเมืองอีกแล้ว คนพวกนี้กินข้าวอิ่มไม่มีอะไรทำกันหรือไงนะ ยกพวกบุกตีฆ่าฟันแย่งชิงเมืองกันอยู่นั่น แล้วนางจะไปสู้อะไรกับเขาได้ นางเป็นแค่หญิงสาวแสนอ่อนแอเท่านั้น

“ท่านรองแม่ทัพข่งคิดจะทำเยี่ยงไร”

“บิดาของกระหม่อม เอ่อ...ท่านแม่ทัพใหญ่เห็นว่าควรเร่งรับสมัครเกณฑ์ทหารและส่งไปเพิ่มกองกำลังอย่างเร่งด่วน อีกทั้งยังต้องรวบรวมกำลังทหารมากฝีมือที่กระจัดกระจายอยู่ให้มารวมพลเตรียมการต่อสู้อีกทั้งคุ้มครองเมืองหลวงให้ปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”

เรื่องการทหาร ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ค่อยถนัด เพราะไม่ค่อยได้ทำละครแนวนี้จึงได้แต่พยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วย

“ข้าเห็นด้วย”

“เช่นนั้นกระหม่อมจะเร่งออกไปจัดการโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

ตัดสินใจไปสามเรื่อง เหลือเพียงชายหนุ่มคนสุดท้ายที่ยังยืนเฉยอยู่ซึ่งก็คือ’หวงฮุ่ยจือ’ บุตรชายราชครูหรือฮ่องเต้ซึ่งจ้าวเฟยเฟิ่งในนิยายเดิมเลือกแต่งงานด้วยนั่นเอง

ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งหันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้านิ่งเฉยเพราะยังหมั่นไส้อยู่มากที่เขาไม่ใส่ใจหญิงสาวผู้งดงามเพียบพร้อมอย่างองค์หญิงน้อยนางนี้ กลับมัวแต่ไปเย่อกับสนมตามตำหนักต่างๆทุกคืน

“หวงฮุ่ยจือ ข้าเรียกท่านมาด้วยเพื่อให้จดบันทึกเรื่องที่คุยกันในวันนี้ และส่งให้ท่านราชครู ก่อนการประชุมเช้ารุ่งขึ้น ให้ท่านราชครูเข้ามาพบข้าก่อนเพื่อปรึกษาหารือกันอีกที เข้าใจหรือไม่”

จ้าวเฟยเฟิ่งต้องการใช้ให้เขาเป็นแค่ผู้ส่งสารเท่านั้น ถึงอย่างไรความรู้ความสามารถด้านอักษรของเขาก็ไม่เป็นรองผู้ใด บิดาของเขายังนับเป็นอาจารย์ของนาง ปรึกษาผู้อาวุโสเอาไว้บ้างย่อมปลอดภัยกว่า

เชอะ คิดจะเป็นตัวเลือกของนางเพื่อนั่งตำแหน่งฮ่องเต้หรือ

ฝันไปเถอะ คราวนี้จงเป็นแค่ม้าใช้อยู่ข้างเก้าอี้ก็พอแล้ว

องค์หญิงน้อยคิดอย่างกระหยิ่มใจ

“เอาล่ะ หากหมดเรื่องแล้วก็ออกไปได้ จำไว้ว่าให้ส่งรายงานมาทุกสามวัน หากมีเรื่องเร่งด่วนให้รีบมารายงาน และอย่าให้มีการโกงกินหรือเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นโดยที่ข้าไม่รู้” องค์หญิงน้อยกำชับส่งท้ายแล้วมองส่งชายหนุ่มทั้งสี่ออกไป

แค่นี้ พวกเขาก็คงไปบอกเล่าให้บิดาได้รับฟังแล้ว ว่านางไม่ใช่องค์หญิงน้อยไร้เดียงสาอีกต่อไป

จ้าวเฟยเฟิ่งนางนี้จะปกครองบ้านเมืองด้วยตนเองอย่างดี

ส่วนเหล่าชายหนุ่มน่ะหรือ

รอต่อแถวไปก่อนเถอะ

เอาไว้ว่างเมื่อไหร่ นางจะไปเล่นด้วยให้สาสมใจ

เรื่องที่องค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งเรียกขุนนางหนุ่มเข้าไปปรึกษาหารือและตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างเด็ดขาดทำให้ขุนนางอาวุโสต่างดิ้นพล่านด้วยไม่อาจยอมรับ

พวกเขาอยากเห็นองค์หญิงน้อยผู้อ่อนแอและสั่งได้ต่างหาก ไม่อยากได้องค์หญิงผู้เก่งกาจ และมีวี่แววจะนั่งปกครองเมืองเองเช่นนี้

“เจ้าบอกว่าองค์หญิงทรงสั่งการเองโดยไม่ปรึกษาผู้ใดเลยหรือ” อัครเสนาบดีจางเอ่ยถามบุตรชายทันทีที่ฟังจบ

“ใช่ขอรับ นางเอ่ยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ อีกทั้งยังดูเหมือนคิดไปพูดไป ไม่ได้เตรียมการมาก่อน” จางชงเมิ่งเองย่อมรู้สึกแปลกใจ เขาเคยเห็นองค์หญิงมาหลายคราแต่ไม่เคยเห็นนางในลักษณะเช่นนี้มาก่อน

ท่าทางเช่นนี้ของนางช่างชวนให้ค้นหาและปลุกความฮึกเหิมในใจยิ่งนัก

ผู้บิดาได้เอ่ยบอกแล้วว่าจะส่งชื่อเขาให้องค์หญิงได้พิจารณาแต่งเป็นสวามี แม้จะต้องเปลี่ยนแซ่แต่บิดาของเขายังมีบุตรชายอีกหลายคน เรื่องนี้จึงไม่นำมาใส่ใจ ที่สำคัญกว่าคือต้องให้เขาได้นั่งครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ต่างหาก

เดิมทีเขาปฏิเสธอย่างแน่นหนัก ด้วยไม่อยากเป็นเพียงหุ่นเชิดของบิดา จึงยืนกรานไม่ยอมจนบิดาเปลี่ยนใจจะเสนอชื่อน้องชายคนรองแทนแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านยังอยากจะส่งข้าเข้าชิงตำแหน่งสวามีขององค์หญิงหรือไม่” จางชงเมิ่งตัดสินใจถาม

“นั่นย่อมแน่นอน เจ้าทั้งฉลาด มีไหวพริบ เอาตัวรอดเก่ง เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าน้องชายมาก เจ้าเปลี่ยนใจแล้วหรือ”

“ใช่ ข้ายินดีเข้าแย่งชิงตำแหน่งนี้”

“แต่องค์หญิงยังคงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพิจารณา พวกเราคงต้องกดดันนางให้มากขึ้นอีก จะปล่อยให้นางมัวแต่เล่นอยู่เช่นนี้ไม่ได้”

ขุนนางอาวุโสพากันนัดพูดคุยในทางลับเพื่อหาทางกดดันองค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่ง แต่หญิงสาวหรือจะยินยอมให้พวกเขาได้ทำสำเร็จสมความตั้งใจ

องค์หญิงน้อยรู้ดีว่าขุนนางต่างเห็นแก่ได้ แม้จะแบ่งฝ่ายชัดเจนแต่หากมีผลประโยชน์ที่มากกว่ามาเสนอ พวกเขาก็พร้อมจะเปลี่ยนข้างได้ราวจิ้งจกเปลี่ยนสี

นางจึงส่งนางกำนัลน้อยไปกระจายข่าวยั่วยุทางโน้นทีทางนี้ที จนปั่นป่วนไปทั่ว อีกทั้งยังให้ขันทีเรียกชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาที่ห้องส่วนพระองค์ ทางหนึ่งเพื่อถามไถ่งานการ อีกทางเพื่อให้พวกเขาระแวงกันเองจนไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

วันนี้เป็นลำดับของ’หลี่จิ่นติ้ง’ บุตรชายของเสนาบดีกลาโหม ซึ่งรับผิดชอบดูแลกรมอาวุธ และ’ฉีเซี่ยหลิว’ บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งรับผิดชอบดูแลกรมอากร

บิดาเหล่านี้ต่างส่งเสริมผลักดันบุตรชายของตนเองจนมีตำแหน่งใหญ่โตในกรมกองที่ตนเองดูแลอยู่ทั้งๆที่อายุยังไม่มาก บางคนมีความสามารถย่อมทำงานได้ดี แต่บางคนอาศัยเพียงเส้นสายของบิดาจึงเพียงนั่งเล่นเช้าชามเย็นชาม อย่างเช่นฉีเซี่ยหลิว คนนี้

“อากรปีนี้น้อยกว่าเดิมมากนัก เพราะเหตุใดหรือ”

“ปีนี้บ้านเมืองเราประสบทั้งภัยแล้ง ทั้งน้ำท่วม อีกทั้งฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล และยังเจอโรคระบาด อาจจะเกิดสงครามและชาวบ้านยังเกียจคร้านไม่ยอมทำมาหากินจึงไม่มีเงินทองให้เก็บเข้าคลังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

“ฟังแล้วบ้านเมืองของเราคงใกล้ล่มสลายแล้วสินะ” องค์หญิงน้อยประชดประชัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel