เจ้าสาวเขย่าเตียง (จีนหื่นๆ)

82.0K · จบแล้ว
ลออจันทร์ / เลี่ยงจิน 亮金
56
บท
26.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โหยหาไออุ่นของนายท่าน สัมผัสเร่าร้อน รสจูบหวานล้ำ ได้โปรดเถิด...โปรดเติมเต็มเข้ามาในกายข้า ให้ข้าได้เป็นของท่านตลอดไป...

นิยายจีนโบราณนิยายรักรักหวานๆจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นฟินๆ21+25+

Chapter 1 ข้าเป็นผีความจำเสื่อม

Chapter 1 ข้าเป็นผีความจำเสื่อม

ข้าออกเดินด้วยเท้าเปล่ามาเนิ่นนาน ไม่สิ...ปลายเท้าของข้าไม่อาจสัมผัสผืนแผ่นดินด้วยซ้ำไป แต่ถ้าจะให้ถูกต้องคงต้องบอกว่า ข้าล่องลอยเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมาย นั่นเพราะตัวข้านั้นเป็นผีความจำเสื่อม

ช่างน่าสมเพชสิ้นดี!

ข้าไม่รู้ว่าตนเองชื่ออะไร

ข้าไม่รู้ว่าข้ามีสุสานอยู่ที่ใด

ข้าไม่รู้ว่าข้ามีญาติหรือไม่เพราะไม่เคยมีของเซ่นไหว้ตกถึงท้อง อีกทั้งยังไม่เคยมีใครเผากระดาษเงินกระดาษทองมาให้ข้าได้ใช้สอยคลายความแร้นแค้นสักนิด

เมื่อครั้งยังเป็น ‘คน’ ข้าคงสร้างแต่กรรมชั่ว จึงบาปหนากลายเป็นผีเร่ร่อนเช่นนี้ คิดพลางวางมือลงบนหน้าท้องแล้วลูบไปมาเบาๆ ด้วยความหิวโหย

ผีสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทิ้งตัวลงนั่งใต้กอกล้วย ทว่าจู่ๆ กลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นประหลาด บรรยากาศรอบกายพลันหดหู่จนรู้สึกคลื่นไส้ รับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วยะเยือกที่หลังคอจนขนอ่อนบริเวณนั้นลุกวาบ วาบ วาบ...

พลันเส้นขนทุกเส้นบนร่างกายก็ชี้ชันราวกับต้องการจะบอกใบ้ถึงพลังงานลี้ลับบางอย่างแก่นาง

“ให้ตายเถอะ ข้าไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เลย”

มือที่กำลังลูบท้องเลื่อนมาลูบแขนทั้งสองข้างของตนเองไปมา ค่อยๆ เหลือบตามองซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง

และแล้ว...

จู่ๆ ก็มีมือเย็นยื่นมาสะกิดที่หัวไหล่บอบบาง นางรีบหันกลับไปถึงกับผงะด้วยความตกใจกลัว หวีดร้องหลับตาแน่น

“ผีหลอก!”

นางหลับหูหลับตา ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “อย่าทำอะไรข้าเลย ข้ากลัวแล้ว ข้ากลัวแล้ว!”

ผีปาเจียวกุ่ย โผล่ลำตัวเพียงครึ่งออกมาจากต้นกล้วย ยื่นมือยาวมาสะกิดไหล่นางอีกครั้งราวกับต้องการจะบอกอะไร

“เจ้าจะตกใจโวยวายไปทำไมกัน ตัวเจ้าก็เป็นผีเช่นเดียวกับข้า” ปาเจียวกุ่ยต่อว่าอย่างไม่ชอบใจ นี่คงเพิ่งตายไม่นานสินะ ถึงได้ขวัญอ่อนถึงเพียงนี้

‘หึ! พวกผีอ่อนหัด’

ผีสาวได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปากค้าง นิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ สมองค่อยๆ ประมวลผลก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

“นะ...นั่นสินะ ขะ...ข้าเองก็เป็นผีเช่นกันกับเจ้า”

ใบหน้าของนางสลดเศร้าพลางก้มลงมองชุดสีขาวราวกับชุดนอนที่นางสวมใส่แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถึงแม้จะเฝ้าถอนหายใจซ้ำๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีลมหายใจพ่นออกมาจริงๆ เสียที่ไหนกัน

เฮ้อ!

“ข้าเพียงแค่จะบอกเจ้าว่าต้นกล้วยกอนี้ ข้าจองแล้ว เจ้าไปสิงสถิตที่อื่นเถอะ”

ปาเจียวกุ่ยโบกมือไล่ก่อนจะหายวับเข้าไปในต้นกล้วยอย่างไม่สนใจไยดีผีสาวอ่อนหัดอีกต่อไป

“เป็นผีนี่ไม่ง่ายเลย จะนั่งพักตรงไหนก็ต้องคอยดูว่าที่นั้นๆ มีผีตนอื่นจองไว้แล้วหรือไม่ ช่างลำบากเหลือเกิน”

ผีสาวลุกขึ้นยืนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงล่องลอยต่อไปอย่างไร้จุดหมาย นี่ก็เดือนผี แล้วแต่เหตุใดข้าจึงไม่มีญาติพี่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ข้าช่างเป็นผีที่บรมซวย ในเมื่อจำเหตุการณ์ก่อนตายไม่ได้ ก็กลับบ้านไปรับส่วนบุญส่วนกุศลไม่ได้ จำต้องเร่ร่อนหลงทางหากินของเซ่นไหว้ที่ชาวบ้านนำวางไว้เพื่อไหว้ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ ที่หิวโหยไม่มีญาติ

ช่างน่าเวทนาตัวข้าเองเหลือเกิน

ผีสาวเร่ร่อนเข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน เห็นเหล่าผีบรรพบุรุษกลับมาหาลูกหลานแล้วยิ่งสะท้อนใจ ทิ้งตัวลงนั่งคุดคู้อยู่ริมถนน ก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“หิว...ข้าหิวเหลือเกิน...”

นางครวญเสียงแผ่วเบายะเยือก ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังงานบางอย่างจนมีไอเย็นแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมารู้สึกขนลุกชันขึ้นมาเสียดื้อๆ จำต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ เพื่อเดินผ่านจุดนั้นไปให้เร็วที่สุด

“ข้าหิว...”

ความหิวมันช่างทรมานเหลือเกิน ถ้าข้าต้องตายจากความเป็นผีเพราะหิวตาย คงเป็นดวงวิญญาณที่น่าเวทนายิ่งนัก

“ฮือ... ฮือ ข้าหิว ข้าไม่อยากตายอีกแล้ว ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ข้าเหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย...”

จังหวะที่นางกำลังโหยหวนอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีกลิ่นหมั่นโถวลอยอวลเข้าจมูก เมื่อนางลืมตาขึ้นจึงเห็นว่าหมั่นโถวลูกนั้นหล่นจากห่อผ้าของคุณชายท่านหนึ่ง นางเอื้อมมือคว้าหยิบหมั่นโถวนั้นขึ้นมากินด้วยความหิวกระหาย

“แปลกจัง! แค่ของที่ร่วงจากห่อผ้า ไม่ได้จุดธูปเซ่นไหว้ผี ไม่ได้เอ่ยอนุญาตให้ผี แต่เหตุใดข้าจึงหยิบมากินได้”

นางครุ่นคิดก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างอย่างมีความหวัง รีบหยัดกายลุกขึ้นจากการนั่งคุดคู้ แล้วเร่งรุดตามคุณชายท่านนั้นไปอย่างไม่รีรอ

หากนางติดตามชายผู้นี้นางก็จะได้กินอิ่มทุกมื้อ ขอเพียงเฝ้ารอให้เขาทำอาหารตกพื้นเท่านั้น แล้วถ้าหากที่บ้านของคุณชายท่านนี้มีพิธีเซ่นไหว้วิญญาณ นางก็แค่ตีเนียนอยู่กินที่นั่นเสียก็สิ้นเรื่อง

“ถึงข้าจะเป็นผีความจำเสื่อม แต่ข้าก็ฉลาดอย่าบอกใครเชียว”

ผีสาวยิ้มกว้างอย่างลำพองตน ยื่นสองมือเกาะหลังคุณชายรูปงามไว้ แล้วปล่อยร่างกายให้ล่องลอยไปตามเขาราวกับว่าวกระดาษ ไม่ว่าเขาจะไปยังแห่งหนใด นางจะขอติดตามเขาไปจนสุดหล้า…

คุณชายรูปงามเดินไปตามหนทางเบื้องหน้าอย่างไม่เร่งรีบ เขาเดินทางมาจากทางทิศตะวันออกของหุบเขาคุนจ้วนสือ เพื่อไปยังทิศตะวันตกอันเป็นที่ตั้งของเมืองฝาง ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ของแคว้นเซี่ยโจว

เขาแหงนหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ที่แผดแสงแรงกล้าอยู่เหนือศีรษะ คำนวณระยะเวลาการเดินทางคร่าวๆ คิดว่าเมื่อตะวันลาลับเหลี่ยมเขาก็คงเดินทางถึงเมืองฝางพอดิบพอดี

ดังนั้นหากพักกินอาหารเที่ยงและดื่มชาสักจอกก็คงไม่ทำให้การเดินทางเสียเวลาลงแต่อย่างใด

คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็หยุดพักที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ในเมืองเถา ทว่า...ดวงวิญญาณสาวที่ตามติดมาอย่างสบายใจมีอันต้องผงะ เพราะรู้ดีว่าไม่อาจเข้าไปยังสถานที่ที่มีโถวตีกง คอยดูแลอยู่

พลันปรากฏชายชราในชุดสีขาวขึ้นหน้าประตูโรงเตี๊ยม หน้าตาชายชราขึงขังจ้องมองมายังผีสาวอย่างเอาเรื่อง

“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเข้า!”

โถวตีกงชราตวาดกร้าวเสียงดังลั่นจนเกิดกระแสลมแรงบริเวณนั้น หมุนวนจนเศษดินฟุ้งตลบไปทั่ว