บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 บ้านป่าเมืองเถื่อน

โหลวซีห่าวที่นึกหัวเราะเยาะสิ่งที่นางเตือนขณะเดินออกจากโรงเตี๊ยมเทียมฟ้าพลันชะงักกับเหตุการณ์ตรงหน้า บุรุษร่วมสิบคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนถนน ชาวเมืองละแวกนั้นไม่มีผู้ใดร้องวี้ดว้าย พวกเขาแค่ตะโกนบอกกันให้หลบให้พ้นคมกระบี่

“มือปราบสวีมาแล้ว! พวกเจ้าตายแน่!” เสียงพ่อค้าร้านขายแหอวนร้องขึ้น เมื่อมองเห็นหญิงสาวหน้าแฉล้มในชุดมือปราบสีแดงเลือดหมูเดินมาอย่างไม่ตื่นเต้น

“เจ้าไม่รีบไปห้ามพวกเขาหรือ?” โหลวซีห่าวรู้สึกตื่นเต้น เขาอยู่ในเมืองหลวงไม่มีโอกาสได้เห็นเรื่องเช่นนี้มากนัก การต่อสู้กันนานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งเพราะสำนักมือปราบเมืองหลวงมีการลาดตระเวนเข้มงวด

สวีเสี่ยวถงยืนกอดอกยกยิ้มมุมปากมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เป็นเหยาอิงหมิงลูกน้องของนางที่ก้าวมาข้างหน้าและตะโกนดังก้องทั่วท้องถนน

“มือปราบสวีมาแล้ว!”

เท่านั้นเองคนทั้งสิบที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็หยุดและหันกลับมามองหญิงสาวในชุดมือปราบเป็นจุดเดียวกัน

“พวกเจ้าจะวางอาวุธดีๆ หรือจะให้ข้าช่วย?” นางเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางยั่วโทสะสุดๆ

โหลวซีห่าวเห็นคนทั้งสิบชะงักแล้วแยกออกไปยืนกันคนละฝั่งแล้วก็นึกแปลกใจ แค่ชื่อของมือปราบสวีก็ทำให้คนพวกนี้หยุดทะเลาะกันได้แล้วหรือ?

คนทั้งหมดวางอาวุธลงกับพื้น สวีเสี่ยวถงหันไปสะบัดหน้าให้ลูกน้องทั้งสามเข้าไปเก็บกระบี่ทั้งหมดใส่ถุงกระสอบที่เย็บเป็นทรงยาวๆ โหลวซีห่าวเพิ่งสังเกตว่ามือปราบอีกสองคนที่เดินมากับเหยาอิงหมิงนั้นต่างสะพายกระสอบมากันคนละถุง

“คราวนี้เดินแถวดีๆ ตามพวกเขาไปที่ว่าการอำเภอ อย่าคิดตุกติก ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเดินไม่ได้สักสองสามเดือน”

ชายฉกรรจ์ที่ทะเลาะกันอยู่เมื่อครู่คอตกเดินตามหลังมือปราบทั้งสองที่สะพายถุงใส่กระบี่ไปแต่โดยดี โหลวซีห่าวโคลงศีรษะ

“ถุงพวกนั้น เจ้าให้มือปราบสองคนสะพายมาเพื่อเก็บกระบี่หรือ?”

“ไม่ใช่แค่กระบี่ บางวันก็มีดาบ มีดสั้น อาวุธลับ ง้าวกับทวนแบบสั้นก็มี ใต้เท้าโหลวไม่เห็นหรือว่าพวกเขาเป็นชนเผ่ามาจากบนภูเขา เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน เมื่อลงมาเจอกันที่นี่ก็ถือโอกาสสะสาง”

“แต่พวกเขาก็ดูเคารพกฎหมายดีนี่? แค่เจ้าร้องบอกพวกเขาก็ยอมวางอาวุธแล้ว เหตุใดยังต้องพาไปที่ว่าการอำเภออีก?”

“ท่านคงไม่รู้ว่าที่นี่มีบันทึกตักเตือนอยู่เล่มหนึ่ง หากว่าเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทหรือกระทำความผิดต่อให้เล็กน้อยเพียงใดก็ต้องไปลงบันทึกเอาไว้เพราะหากมีคราวหน้าอีกล่ะก็....”

“จะทำไมหรือ?”

สวีเสี่ยวถงหันมายิ้มเหี้ยมเกรียมให้กับโหลวซีห่าว “ข้าก็จะหักขาหักแขนพวกเขาซะ!”

ชายหนุ่มหน้าซีดเผือด แววตาที่เขาเห็นเมื่อครู่ของสวีเสี่ยวถงเหมือนไม่ใช่นางเลยสักนิด มันทำให้เขาเชื่อว่านางสามารถฆ่าคนได้อย่างที่ปากนางพูดสวีเสี่ยวถงคลี่ยิ้ม

“ข้าล้อเล่น! ดูท่านสิใต้เท้าโหลว ตกใจจนหน้าซีดไปหมดแล้ว! ไปๆ เราเดินต่อกันเถอะ”

นางยิ้มร่าเดินนำหน้าชายหนุ่มออกไป โหลวซีห่าวเริ่มรู้สึกว่าคำเตือนของมารดาไม่ได้เป็นการมองโลกในแง่ร้ายอย่างที่เขาคิด ดวงตาของมือปราบหญิงสวีผู้นี้ช่างน่าตระหนกเสียจริง

คนทั้งสามเดินผ่านสี่แยกไปยังตลาด พลันได้ยินเสียงร้องเอะอะโวยวาย

“ขโมย! ขโมย!”

ฝีเท้าของบุรุษในชุดสีเทาปอนๆ ว่องไวยิ่ง ทว่าเขาช่างเคราะห์ร้ายที่วิ่งมาทางมือปราบสวี หญิงสาวกระโจนเข้าหาทั้งยังงอเข่าสวนเข้าไปที่ใบหน้าของคนผู้นั้นพอดี

พลั่ก! โครม!

ร่างของหัวขโมยแหงนหงายล้มลงไปทั้งยืน มันคงไม่รู้ว่าตนเองวิ่งชนสิ่งใดเข้า? เถ้าแก่เขียงหมูที่ถือปังตอวิ่งตามหลังมาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“ขอบคุณ มือปราบสวี! ข้าคิดว่าจะจับเขาไม่ได้ซะแล้ว”

เหยาอิงหมิงมือปราบหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลังยิ้มกว้าง “ท่านไม่ต้องห่วง ที่นี่มีมือปราบสวีอยู่ ไม่มีทางที่คนพวกนี้จะขโมยของได้สำเร็จ”

“จริงของท่าน!” พ่อค้าเขียงหมูผงกศีรษะ

สวีเสี่ยวถงก้มลงหยิบห่อกระดาษมัดเชือกมาเปิดดู “อืม...เนื้อหมูไม่น้อยเลยนี่ เอ้า! เถ้าแก่ ท่านกลับไปขายของเถอะ ขายเสร็จค่อยไปลงชื่อแจ้งความที่ที่ว่าการอำเภอภายหลัง”

“ขอบคุณท่านมือปราบ ข้าน้อยกลับไปขายของก่อนขอรับ” เถ้าแก่รับห่อกระดาษที่มีเนื้อหมูก้อนใหญ่แล้วกลับไปที่แผงขายหมูของตน

โหลวซีห่าวยืนอึ้งอยู่ด้านหลัง เขาไม่คิดว่านางจะดุร้ายน่ากลัวถึงเพียงนี้ กระแทกเข่าเพียงครั้งเดียว อีกฝ่ายถึงกับสิ้นสติกลางอากาศ

เหลยเจียหลุนที่เป็นหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สองพาลูกน้องของตนเดินมาจากถนนอีกฝั่งพอดีเมื่อมองเห็นร่างหนึ่งนอนหงายอยู่บนพื้นถนนก็รีบวิ่งมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

สวีเสี่ยวถงยิ้มน้อยๆ “ฝากคนของเขาลากเขากลับไปขังที ขโมยเนื้อหมูจากเขียงในตลาด ข้าจับได้พอดี”

มือปราบเหลยชะงัก “เจ้าจับโหดแบบนี้อีกแล้ว ข้าบอกหลายทีแล้วว่าเจ้ามันชอบทำเกินกว่าเหตุ”

“หึ! ช่วยไม่ได้ เหตุการณ์คับขันและข้าก็เหลือกันแค่สองคนกับเหยา อิงหมิงจะได้ล้อมจับก็คงไม่ได้” นางทำหน้าไม่ยี่หระ

เหลยเจียหลุนคร้านจะต่อล้อต่อเถียง เขาจึงหันไปมองลูกน้องสองคนให้นำหัวขโมยกลับไปยังที่ว่าการอำเภอ พลันสายตาของชายหนุ่มมองไปในหมู่ชาวบ้านที่ยืนมุงดูเหตุการณ์

“ใต้เท้าโหลว ท่านก็มาด้วยหรือขอรับ?”

โหลวซีห่าวหน้าเสีย น้ำเสียงของมือปราบเหลยคล้ายจะตำหนิเขาอยู่ในทีที่เห็นเหตุการณ์แล้วไม่ห้ามปราบสวีเสี่ยวถงลงมือรุนแรง

“อืม...ข้าตามมาดูวิธีการทำงานของมือปราบสวีน่ะ”

“ท่านเห็นแล้วหรือไม่? นางเป็นมักจะทำล้ำเส้นกฎหมายเสมอ เวลาจับกุมคดีเล็กน้อยก็กระทำรุนแรง สำนักมือปราบของอำเภอเชียนเยาถูกร้องเรียนหลายครั้งแล้วก็เพราะนาง”

“อืม....ข้าเพิ่งเห็น เดี๋ยวขอดูให้ชัดเจนก่อน” โหลวซีห่าวแบ่งรับแบ่งสู้ ความจริงเขาเห็นพฤติกรรมนางหลายครั้งแล้ว แต่ไม่อยากจะหักหน้านางเพราะเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน

สวีเสี่ยวถงหันมามองเหลยเจียหลุนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

“อ้อ! หากข้าทำเหมือนเจ้าคงไม่ต้องจับกุมผู้ใดพอดีเพราะเอาแต่จดๆ จ้องๆ”

“มือปราบสวี!” น้ำเสียงเหลยเจียหลุนเต็มไปด้วยความโมโห

*****************************

ไรท์แนะนำ...ให้กลับไปอ่านเรื่อง "สามคุณชายตัวร้าย" ใน hinovel นะคะ ลงไว้แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel