EP 5
“ว่าที่เจ้าสาวมาแล้วค่ะ” หลังจากที่จินจูหายเข้าไปในห้องแต่งตัวชั่วโมงกว่า ผมก็แยกไปลองชุดและแต่งตัวของตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งรอว่าที่เจ้าสาวที่แต่งตัวนานมาก ไม่รู้ว่าจะแต่งอะไรนักหนา จริง ๆ จินจูเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยมาก สวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งอะไรมากก็ได้ เมื่อผมได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมามองก็พบจินจูที่ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว เธอสวยมาก สวยจริง ๆ สวยจนผมไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย
“อึ้ง!!ไปเลยสิว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวสวยใช่มั้ย”
“ชุดป้าพิมสวยต่างหากครับ”
“สวยมากหนูจิน ป้าคิดเอาไว้แล้วว่าต้องสวยมากแต่ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้”
“คุณป้าก็ชมหนูจนเขินไปหมดแล้วเนี้ย”
“หยุดชมก่อนที่เธอจะลอยครับป้าพิม ผมว่าเรารีบไปถ่ายรูปกันเถอะครับ” รูปพรีวิวดี้ของผมถ่ายที่สตูดิโอเรียบง่ายแต่ไม่เรียบอย่างที่คิด เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัยถ่ายแค่ในสตูก็สามารถมีหลายภาพได้ไม่ต้องออกเดินทางไปทางข้างนอกให้เสียเวลาแค่นี้ก็สวยมากแล้ว
“เจ้าสาว หันหน้าและเอาปลายจมูกชิดกับเจ้าบ่าวครับ” เสียงช่างภาพจัดแจงเราสองคนอยู่ ผมที่ไม่ค่อยถ่ายรูปก็เก้กังอยู่บ้าง สวยจินจูที่เซียนในการโพสต์ท่าก็ไม่มีปัญหาอะไรเธอสามารถทำตามที่ช่างกล้องบอกโดยไม่มีท่าทีว่าเขินเลยด้วยซ้ำ เมื่อช่างภาพสั่งให้จินจูหันหน้ามาสบตาผมและให้ปลายจมูกชนกัน เสียงหัวใจที่ตายด้านของผมกับเต้นแรงแทบหลุด ตอนนี้ไม่รู้ว่ารอบข้างไปยังไงหรือใครพูดอะไรกัน ผมไม่ได้สนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า ที่สามารถทำให้ผมหัวใจเต้นแรงได้โดยไม่มีสาเหตุ
“เจ้าบ่าวหน้าแดงไปนะคะ เขินเหรอ” เสียงแซวของจินจูดังขึ้น หลังจากที่ผมนิ่งอยู่นานทำตัวแทบไม่ถูกมือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน
“เหอะ!! มีอะไรให้เขิน”
“เหรอออ”
“เออ” ยอมรับว่าครั้งนี้ผมแพ้ แพ้ราบคาบให้กับความสวยของเธอแต่ความกวนประสาทยังคงเส้นคงวา หลังจากที่เราถ่ายภาพเรียบร้อยก็มุ่งตรงไปห้างทันที เพราะนัดดูแหวนเอาไว้ที่ร้านเพชรในห้าง
“นายหิวมั้ย”
“กินไร”
“ให้ฉันเลือกเหรอ งั้นเรากินชาบูมั้ย ฉันอยากกิน”
“ตามใจ” ผมไม่ได้ตามใจเธอแต่ผมขี้เกียจคิดว่าจะกินอะไร กินอะไรก็ได้ผมไม่ได้เรื่องมากของแค่สะอาดก็พอ
“ว๊าย!! น่ากินจัง”
“ลืมกิน อย่ามัวแต่ดู”
“ดุเป็นพ่อเลย หู้ว!!” สงครามระหว่างผมกับคนตัวเล็กยังไม่จบเพียงเท่านี้ ระหว่างที่นั่งกินข้าวก็ทะเลาะกันตลอดความกลัวตื่นที่แฝงมากับใบหน้าสวย ทำให้ผมแทบกุมขมับ ถ้าไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวของผมนะ ไม่ได้มานั่งพูดแบบนี้อยู่ตรงหน้าผมหรอก!!
“อิ่ม”
“ไม่อิ่มสิแปลก อ้วนขนาดนี้” เธอกินแบบไม่ห่วงสวยเลยสักนิด ตัวเล็กแค่นี้กินเยอะไปไหนกินเหมือนไม่ได้กินข้าวซึ่งเมื่อเช้าเธอพึ่งกินหมูปิ้งไปเอง จริง ๆ จินจูไม่ได้อ้วนหรอกผมก็พูดไปอย่างงั้นแหละ
“ไอ้เข็มทิศ ปากหมาจริง ๆ”
“ผมไม่เพราะผมแก่กว่าคุณนะครับ” ไอ้ผู้ชายปากหมามาหาว่าฉันอ้วนได้ยังไง มีแต่คนอยากได้หุ่นฉันกันทั้งนั้น ฉันเป็นคนออกกำลังกายและศิลปะป้องกันตัวต้องแต่เด็กทำให้โตมากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนแถมยังหุ่นดีอีกด้วย แต่ทำไมนายเข็มทิศมันมาบอกว่าฉันอ้วน จินจูไม่ยอม ไม่ยอม!!
“ไอ้”
“หยุด!! แล้วเดินตามมา”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เสียงเข้มของเข็มทิศทำให้จินจูไม่ได้ด่ากลับแต่อย่างใด ได้แต่กระทืบเท้ากับพื้นด้วยความโมโหเหมือนเด็กถูกขัดใจ เข็มทิศที่เดินนำออกไปเดินเข้าไปที่ร้านเพชรที่คุณแม่เขาโทษมาจัดการเรียบร้อยแล้ว
“มาดูแหวนที่คุณแม่โทรมาครับ”
“สักครู่นะคะ” หลังจากที่พนักงานเดินเข้าไปหลังร้าน จินจูก็เดินเข้ามาพอดี สีน่างอนแก้มป่องกอดอกดูน่ารักสำหรับคนที่พบเห็นไม่เว้นแม้แต่เข็มทิศที่มองการกระทำอยู่เป็นระยะ ไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวเองว่าเขามองอยู่
“มาแล้วค่ะ เชิญเรียกตามสบายคะ”
“ลุกขึ้นมาดูและเลือกว่าจะเอาวงไหนจะได้ให้เขาแก้ไซต์ให้”
“หู้ย!!ไม่มีวงเล็กเลยเหรอคะ”
“เอ่อ!! คุณหญิงโทรมาสั่งมีแต่แบบนี้คะ” แหวนเพชรเม็ดงามที่แม่ของเข็มทิศจัดเตรียมเอาไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ใหญ่จนจินจูไม่กล้าจะใส่เพราะกลัวนิ้วหักแต่ก็ต้องเลือกให้เสร็จภายใจวันนี้
“งั้นเอาวงนี้คะ”
“คุณผู้หญิงตาถึงจริง ๆ นะคะ แหวนวงนี้น้ำงามมากคะแถมยังแพงที่สุดในบรรดาแหวนวงอื่นด้วยนะคะ” เอาเข้าไปฉันจะบ้าตาย ขนาดเลือกเม็ดที่เล็กที่สุดแล้วนะแต่ทำไมเป็นวงที่แพงที่สุด
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ตัวเองไม่ได้จ่ายเองสักหน่อย”
“แหวนเม็ดขนาดนี้ ใครมันจะอยากใส่”
“งั้นก็เลือกอีกวงใส่สิ วงที่เลือกไปเมื่อกี้ก็เก็บเอาไว้ใส่ตอนออกงาน”
“ไม่ย่ะ ฉันไม่ใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายเด็ดขาด”
“แต่ยังไงก็ต้องใส่”
“ไม่”
“ใส่”
“ไม่ แล้วนายจะมาเดือดร้อนอะไรกับนิ้วของฉันห๊ะ!!” ยืนเถียงกันอยู่นาน จินจูไม่เข้าใจในตัวเข็มทิศจริง ๆ จะให้เธอใส่แหวนไปทำไมในเมื่อเราสองคนไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ สักหน่อย ไอ้บ้านี่ก็บ้าจะให้ใส่แหวนอยู่ได้ ประสาท!!
“โอ๊ย!! เหนื่อย” วันนี้ธุระของเธอเล่นเอาเธอเสียพลังงานไปไม่น้อย หลังจากที่เข็มทิศมาส่งเธอที่ใต้คอนโดแต่ไม่ได้ขึ้นมาด้วย เพราะเจ้าตัวมีงานด่วนต้องไปจัดการ จินจูหอบร่างของตัวเองเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายและขึ้นมานอนบนเตียงในช่วงหัวค่ำของวัน
ครืด ครืด
“มีอะไร”
“นี่คือคำพูดที่ใช้ทักทายปลายสายเหรอย่ะ”
“มีอะไรคีตะ คนจะนอน”
“คิดตี้ย่ะแล้วแต่นอนอะไรตอนนี้พึ่งจะสามทุ่มเอง” จินจูที่นอนไปได้สักพักต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเพื่อนรักโทรมาและตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันโทรมาทำไมเลยด้วยซ้ำ
“มึงมีอะไร กูจะนอน”
“จะชวนไปดูแข่งรถที่สนาม สนใจมั้ย”
“ไป” จินจูชื่นชอบรถและความเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีแมตแข่งสำคัญเธอก็ไม่พลาดแน่นอน รีบลุกขึ้นแต่งตัวและรอให้เพื่อนรักทั้งสามมารับ เนื่องจากเริ่มแข่งสี่ทุ่มขึ้นซึ่งเธอก็มีเวลาแต่งตัวจัดเต็มสักหน่อยแล้วเจอกันที่สนาม!!
สนามไหนที่เธอจะไปจินจู คงไม่ใช่สนามของพี่เข็มทิศหรอกนะ
##กดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจ กดคอมเม้น มาให้กำลังใจไรต์หน่อยน๊า##
